ผมเพิ่งกลับจากทริปสิงคโปร์ รอบ 3 รอบล่าสุดมา คราวนี้ ไปพัก Capsule PDO Boutique Hostel Chinatown มา เป็นโรงแรมแคปซูล
ไปพักมา 6 คืน เช็คอิน 31 พฤษภาคม 2560 นอน 6 คืน ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2560 แล้วก็กลับเมืองไทย 6 มิถุนายน เครื่องออกประมาณ 4 ทุ่ม 20 ถึงเมืองไทย 5 ทุ่มครึ่งครับ
รวม ๆ ผมว่า โรงแรมสะอาดดีนะครับ ยังใหม่ ไม่มีกลิ่นเหม็นเลย สะอาดสะอ้าน เตียงนุ่มมาก มีผ้าขนหนู เปลี่ยนให้ทุก 2 วัน ผมนอน 6 คืน ก็ได้ผ้าขนหนูสะอาดเปลี่ยนใหม่ 3 ผืน นอกจากนี้ ก็ยังมีผ้าปูเตียงเปลี่ยนให้ทุก 3 คืน นอน 6 คืน ก็เปลี่ยนผ้าปูเตียง 2 ครั้ง แอร์เย็นสบาย นอนห้องรวม 12 เตียง แต่ด้วยความที่เป็นโรงแรมแคปซูล ก็เลยค่อนข้างเป็นส่วนตัว เสียงกรน เสียงอะไร ไม่ค่อยจะรบกวนกันมาก แล้วก็แบ่งสัดส่วนได้ค่อนข้างดี มีม่านกั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวอีกต่างหาก
ถ้าจะให้เปรียบเทียบระหว่างโรงแรมแคปซูลของไต้หวัน ที่ผมเคยไปพักมา 4 คืน ช่วงเดือนธันวาคม ที่ผ่านมาแล้ว ของไต้หวัน จะดูมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า กฎ ระเบียบ เงื่อนไขอะไรต่าง ๆ ไม่มากเท่านี้ โดยเฉพาะบริการ ของไต้หวัน ดีกว่ามาก
บริการที่นี่คือ สาวจีน 2 คนหน้าฟร้อนท์ ค่อนข้างหน้าบึ้ง ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ หน้าจะไม่ค่อยแฮปปี้ เวลาให้บริการ อายุมากแล้วด้วยนะ ถ้าเทียบกับโรงแรมแคปซูลของไต้หวัน อันนั้นเค้าจะเด็ก ๆ แล้วก็บริการดีกว่ามาก ไม่เรื่องมาก ไม่เยอะ
ยกตัวอย่างนะ วันแรก สาวจีนหน้าฟร้อนท์ นางจะบอก ห้ามเอากระบอกน้ำ ไปรองน้ำกิน เพราะคนอื่นจะกินขี้ปาก น้ำลายจะติดไปคนอื่น แล้วจะกลายเป็นคุณยายวรนารถ กันหมด กลายเป็นทายาทอสูร กันไป แล้วยังรู้มั้ยครับ บรรดาคนอื่น ๆ หน้าฟร้อนท์ นี่เลยครับ เอาขวดน้ำ ที่กินจากปาก ไปรองน้ำกินกันหน้าตาเฉย แต่ของผมเป็นแก้วน้ำสตาร์บัค ปากกว้าง รองยังไง ปากแก้ว ก็ไม่โดนหัวปล่อยน้ำ ถ้าเทียบกับขวดน้ำอัดลม ที่พวกนางเอามารองน้ำกินจากหัวจ่ายน้ำกรอง (ร้อน/เย็น) แบบนั้น
ถ้วยน้ำที่เป็นถ้วยโฟม นางก็บอก ไม่ควรเอามาใช้ซ้ำ อย่าเอามารีฟิล มันไม่สะอาด พอวันหลัง ถ้วยน้ำใกล้หมด นางบอก ไม่ควรใช้ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ คือ ตรรกะอะไรบางอย่าง น่างุนงง
ช่วงเช้า ๆ ประมาณ 7 โมงหรือ 8 โมง ก็จะมีเครื่องทำกาแฟ ให้กินกันได้ฟรี จนถึงประมาณ 5 ทุ่ม ก็จะปิดเครื่อง เพราะเสียงดังมาก เวลาชงกาแฟที เสียงดังรบกวนการนอนเป็นที่สุด อ้อ ไมโล หมดตั้งแต่วันแรก จนวันผมกลับ ก็ยังไม่มีไมโลมาเติม ผมไปนอน 6 คืน ได้กินไมโล แก้วเดียว ส่วนกาแฟ ผมกินกาแฟดำ ก็ดีดดีเหลือเกิน กินไปแก้วเดียว ตาค้างถึงเที่ยงคืน ยังไม่หลับไม่ยอมนอนกันเลย
แล้วก็มีนมถั่วเหลืองให้กิน แต่ช่วงบ่าย ๆ ทุกวันเครื่องจะเสีย เช้า ๆ กินได้ บ่าย ๆ เครื่องเสีย เย็น ๆ ถึงจะชงใหม่
มีนมถั่วเหลือง กับนมมะม่วง เย็น ๆ ให้กินฟรี ถ้าเครื่องไม่เสียก่อนนะ เพราะพอตกบ่าย จะขึ้นป้ายเครื่องเสีย ตลอด อ้อ วันแรก ผมไปถึงเกือบบ่ายโมง ได้กินแก้วนึง รสมันออกเปรี้ยว ๆ เหมือนเต้าหู้แล้ว ตอนแรกนึกว่าเป็นรสของนมถั่วเหลืองที่นั่น
พอวันรุ่งขึ้น กินอีกที อ้าว เมื่อวานนี้ มันเปรี้ยว หรือบูดเป็นเต้าหู้ไปแล้วนี่หว่า พอรู้เท่านั้น ก็ปวดท้องขึ้นมาทันที ทั้งที่ตลอดวันก่อนนั้น ไม่ปวดท้องอะไรเลย พอรู้ว่ากินนมถั่วเหลืองบูด ก็เลยปวดท้องขึ้นมา ไม่มีเหตุผล
กลับมาเรื่องของบริการที่ฟร้อนท์ คือมันจะมีน้องผู้ชาย ที่หน้าฟร้อนท์ อยู่อีกคน เป็นน้องผู้ชายเพียงคนเดียวของที่นี่ น้องคนนี้ เรื่องไม่มาก บริการดี พูดคุยดีมาก ขยัน แล้วก็เป็นสามีของสาวเวียดนามอีกคน ที่เรื่องไม่เยอะเท่าสาวจีน แต่สาวเวียดนาม ท่าทางก็ไม่ค่อยเป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้ฉายแววศัตรูชัดเจนเท่าสาวจีน 2 คนนั้น
วันหลัง ๆ มีสาวเวียดนามหน้าใหม่ ๆ มาเป็นพนักงานทำความสะอาดเยอะแยะ แต่จุดที่ดูไม่เป็นมืออาชีพคือ นางสอนงาน ต่อหน้าแขกที่มาเข้าพัก ก็เลยแลดูเป็นการไปพักอาศัยแบบครอบครัว แทนที่จะไปพักโรงแรมแคปซูลแบบมืออาชีพ ซึ่งตรงจุดนี้ ที่ไต้หวันทำได้ดีกว่า
แต่จุดดี ก็คือ เตียงหนา นุ่ม แล้วก็สะอาด ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องจุกจิก กวนใจ เล็กน้อย ผมว่า ก็พอพักได้ ดีกว่าโฮสเตล ในระดับราคาแบบนี้แล้ว ที่นี่ดีกว่าเยอะเลย (ผมจองตอนคืนนึง 489 บาท บวกภาษี บวกค่าบริการแล้ว 6 คืนประมาณ 3500 กว่าบาท)
อีกอย่างคือ ใต้เตียง จะมีล็อคเกอร์เป็นช่องเก็บของมีค่า ใช้คีย์การ์ดเดียวกับที่เราใช้เข้าประตู เข้าห้องนอน แล้วก็ใช้เปิด/ปิดล็อคเกอร์เก็บของมีค่าได้ด้วย
โดยรวม ๆ ของโรงแรมแล้ว ผมถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องอื่น ๆ แบบนี้ ก็โอเค ก็ยังพอคบหากันอยู่
อ้อ มีอีกเรื่องนึงคือ ห้องเตียงรวม จะต้องไปใช้ห้องน้ำรวม ซึ่งมี 4 ห้อง แต่ก็ไม่ค่อยเต็มนะ ห้องน้ำค่อนข้างแคบ และเล็ก ด้วยความที่เป็นตึกเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี นำมารีโนเวทกันใหม่ ก็เลยทำให้เรื่องของห้องน้ำห้องท่า อาจจะไม่ได้ดูว้าว อย่างของไต้หวัน แบบนั้น จะออกแนว ห้องน้ำสถานออกกำลังกายของบ้านเรา กว้างขวาง ดูดี แต่อันนี้ ก็รีโนเวท มาจากบ้านเก่า อายุ 100 ปี ได้ประมาณนั้น ก็ถือว่า โอเคมากแล้ว
แต่ถ้าพักห้องส่วนตัว ก็จะได้ห้องน้ำส่วนตัว ที่เป็นตู้แบบตู้น้ำประตูดวง ไปดูจากในเว็บ ก็น่าจะมีให้เห็นอยู่ ผมเปิดดูผ่าน ๆ แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะว่า ผมพักห้องเตียงรวม
อื่น ๆ ก็อยู่ย่าน chinatown การเดินทางสะดวกมากมากมากมากมากมาก
วิธีการเดินทาง ก็ไม่ยุ่งยาก จำง่ายมาก ออกทางออก E MRT Chinatown ทางออกจะเป็นห้าง Chinatown Point
ให้ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม จะเจอ 81 Hotel Chinatown ก็เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปนิดเดียว ก็จะเจอตัวตึกทางสีแดง สดใส หลงทางยังไงก็หาเจอ ก็เล่นแดงไม่เผื่อแผ่ใครซ่ะขนาดนั้น หาง่าย จำง่ายด้วยครับผม
ทิ้งท้ายรวม ๆ แล้วก็ โรงแรมแคปซูลในสิงคโปร์ ก็เริ่มเห็นแวว เห็นแนวทางการพัฒนาขึ้นมากกว่าที่ไปมารอบก่อน ๆ ที่รอบ ๆ ก่อน เจอคือ ไม่สะดวก ไม่สะอาด ไม่เป็นส่วนตัวแบบนี้ อาจจะด้วยใหม่ ก็เลยสะอาด ไม่เหม็นด้วย แต่ถ้าเก่า ๆ ไปกว่านี้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน.
[CR] Capsule PDO Boutique Hostel Chinatown สิงคโปร์
ไปพักมา 6 คืน เช็คอิน 31 พฤษภาคม 2560 นอน 6 คืน ถึงวันที่ 5 มิถุนายน 2560 แล้วก็กลับเมืองไทย 6 มิถุนายน เครื่องออกประมาณ 4 ทุ่ม 20 ถึงเมืองไทย 5 ทุ่มครึ่งครับ
รวม ๆ ผมว่า โรงแรมสะอาดดีนะครับ ยังใหม่ ไม่มีกลิ่นเหม็นเลย สะอาดสะอ้าน เตียงนุ่มมาก มีผ้าขนหนู เปลี่ยนให้ทุก 2 วัน ผมนอน 6 คืน ก็ได้ผ้าขนหนูสะอาดเปลี่ยนใหม่ 3 ผืน นอกจากนี้ ก็ยังมีผ้าปูเตียงเปลี่ยนให้ทุก 3 คืน นอน 6 คืน ก็เปลี่ยนผ้าปูเตียง 2 ครั้ง แอร์เย็นสบาย นอนห้องรวม 12 เตียง แต่ด้วยความที่เป็นโรงแรมแคปซูล ก็เลยค่อนข้างเป็นส่วนตัว เสียงกรน เสียงอะไร ไม่ค่อยจะรบกวนกันมาก แล้วก็แบ่งสัดส่วนได้ค่อนข้างดี มีม่านกั้น เพื่อความเป็นส่วนตัวอีกต่างหาก
ถ้าจะให้เปรียบเทียบระหว่างโรงแรมแคปซูลของไต้หวัน ที่ผมเคยไปพักมา 4 คืน ช่วงเดือนธันวาคม ที่ผ่านมาแล้ว ของไต้หวัน จะดูมีความเป็นมืออาชีพมากกว่า กฎ ระเบียบ เงื่อนไขอะไรต่าง ๆ ไม่มากเท่านี้ โดยเฉพาะบริการ ของไต้หวัน ดีกว่ามาก
บริการที่นี่คือ สาวจีน 2 คนหน้าฟร้อนท์ ค่อนข้างหน้าบึ้ง ดูไม่ค่อยเป็นมิตรเท่าไหร่ หน้าจะไม่ค่อยแฮปปี้ เวลาให้บริการ อายุมากแล้วด้วยนะ ถ้าเทียบกับโรงแรมแคปซูลของไต้หวัน อันนั้นเค้าจะเด็ก ๆ แล้วก็บริการดีกว่ามาก ไม่เรื่องมาก ไม่เยอะ
ยกตัวอย่างนะ วันแรก สาวจีนหน้าฟร้อนท์ นางจะบอก ห้ามเอากระบอกน้ำ ไปรองน้ำกิน เพราะคนอื่นจะกินขี้ปาก น้ำลายจะติดไปคนอื่น แล้วจะกลายเป็นคุณยายวรนารถ กันหมด กลายเป็นทายาทอสูร กันไป แล้วยังรู้มั้ยครับ บรรดาคนอื่น ๆ หน้าฟร้อนท์ นี่เลยครับ เอาขวดน้ำ ที่กินจากปาก ไปรองน้ำกินกันหน้าตาเฉย แต่ของผมเป็นแก้วน้ำสตาร์บัค ปากกว้าง รองยังไง ปากแก้ว ก็ไม่โดนหัวปล่อยน้ำ ถ้าเทียบกับขวดน้ำอัดลม ที่พวกนางเอามารองน้ำกินจากหัวจ่ายน้ำกรอง (ร้อน/เย็น) แบบนั้น
ถ้วยน้ำที่เป็นถ้วยโฟม นางก็บอก ไม่ควรเอามาใช้ซ้ำ อย่าเอามารีฟิล มันไม่สะอาด พอวันหลัง ถ้วยน้ำใกล้หมด นางบอก ไม่ควรใช้ทิ้ง ๆ ขว้าง ๆ คือ ตรรกะอะไรบางอย่าง น่างุนงง
ช่วงเช้า ๆ ประมาณ 7 โมงหรือ 8 โมง ก็จะมีเครื่องทำกาแฟ ให้กินกันได้ฟรี จนถึงประมาณ 5 ทุ่ม ก็จะปิดเครื่อง เพราะเสียงดังมาก เวลาชงกาแฟที เสียงดังรบกวนการนอนเป็นที่สุด อ้อ ไมโล หมดตั้งแต่วันแรก จนวันผมกลับ ก็ยังไม่มีไมโลมาเติม ผมไปนอน 6 คืน ได้กินไมโล แก้วเดียว ส่วนกาแฟ ผมกินกาแฟดำ ก็ดีดดีเหลือเกิน กินไปแก้วเดียว ตาค้างถึงเที่ยงคืน ยังไม่หลับไม่ยอมนอนกันเลย
แล้วก็มีนมถั่วเหลืองให้กิน แต่ช่วงบ่าย ๆ ทุกวันเครื่องจะเสีย เช้า ๆ กินได้ บ่าย ๆ เครื่องเสีย เย็น ๆ ถึงจะชงใหม่
มีนมถั่วเหลือง กับนมมะม่วง เย็น ๆ ให้กินฟรี ถ้าเครื่องไม่เสียก่อนนะ เพราะพอตกบ่าย จะขึ้นป้ายเครื่องเสีย ตลอด อ้อ วันแรก ผมไปถึงเกือบบ่ายโมง ได้กินแก้วนึง รสมันออกเปรี้ยว ๆ เหมือนเต้าหู้แล้ว ตอนแรกนึกว่าเป็นรสของนมถั่วเหลืองที่นั่น
พอวันรุ่งขึ้น กินอีกที อ้าว เมื่อวานนี้ มันเปรี้ยว หรือบูดเป็นเต้าหู้ไปแล้วนี่หว่า พอรู้เท่านั้น ก็ปวดท้องขึ้นมาทันที ทั้งที่ตลอดวันก่อนนั้น ไม่ปวดท้องอะไรเลย พอรู้ว่ากินนมถั่วเหลืองบูด ก็เลยปวดท้องขึ้นมา ไม่มีเหตุผล
กลับมาเรื่องของบริการที่ฟร้อนท์ คือมันจะมีน้องผู้ชาย ที่หน้าฟร้อนท์ อยู่อีกคน เป็นน้องผู้ชายเพียงคนเดียวของที่นี่ น้องคนนี้ เรื่องไม่มาก บริการดี พูดคุยดีมาก ขยัน แล้วก็เป็นสามีของสาวเวียดนามอีกคน ที่เรื่องไม่เยอะเท่าสาวจีน แต่สาวเวียดนาม ท่าทางก็ไม่ค่อยเป็นมิตร แต่ก็ไม่ได้ฉายแววศัตรูชัดเจนเท่าสาวจีน 2 คนนั้น
วันหลัง ๆ มีสาวเวียดนามหน้าใหม่ ๆ มาเป็นพนักงานทำความสะอาดเยอะแยะ แต่จุดที่ดูไม่เป็นมืออาชีพคือ นางสอนงาน ต่อหน้าแขกที่มาเข้าพัก ก็เลยแลดูเป็นการไปพักอาศัยแบบครอบครัว แทนที่จะไปพักโรงแรมแคปซูลแบบมืออาชีพ ซึ่งตรงจุดนี้ ที่ไต้หวันทำได้ดีกว่า
แต่จุดดี ก็คือ เตียงหนา นุ่ม แล้วก็สะอาด ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องจุกจิก กวนใจ เล็กน้อย ผมว่า ก็พอพักได้ ดีกว่าโฮสเตล ในระดับราคาแบบนี้แล้ว ที่นี่ดีกว่าเยอะเลย (ผมจองตอนคืนนึง 489 บาท บวกภาษี บวกค่าบริการแล้ว 6 คืนประมาณ 3500 กว่าบาท)
อีกอย่างคือ ใต้เตียง จะมีล็อคเกอร์เป็นช่องเก็บของมีค่า ใช้คีย์การ์ดเดียวกับที่เราใช้เข้าประตู เข้าห้องนอน แล้วก็ใช้เปิด/ปิดล็อคเกอร์เก็บของมีค่าได้ด้วย
โดยรวม ๆ ของโรงแรมแล้ว ผมถือว่าคุ้มค่า คุ้มราคา ถ้าไม่ซีเรียสเรื่องอื่น ๆ แบบนี้ ก็โอเค ก็ยังพอคบหากันอยู่
อ้อ มีอีกเรื่องนึงคือ ห้องเตียงรวม จะต้องไปใช้ห้องน้ำรวม ซึ่งมี 4 ห้อง แต่ก็ไม่ค่อยเต็มนะ ห้องน้ำค่อนข้างแคบ และเล็ก ด้วยความที่เป็นตึกเก่าแก่อายุกว่า 100 ปี นำมารีโนเวทกันใหม่ ก็เลยทำให้เรื่องของห้องน้ำห้องท่า อาจจะไม่ได้ดูว้าว อย่างของไต้หวัน แบบนั้น จะออกแนว ห้องน้ำสถานออกกำลังกายของบ้านเรา กว้างขวาง ดูดี แต่อันนี้ ก็รีโนเวท มาจากบ้านเก่า อายุ 100 ปี ได้ประมาณนั้น ก็ถือว่า โอเคมากแล้ว
แต่ถ้าพักห้องส่วนตัว ก็จะได้ห้องน้ำส่วนตัว ที่เป็นตู้แบบตู้น้ำประตูดวง ไปดูจากในเว็บ ก็น่าจะมีให้เห็นอยู่ ผมเปิดดูผ่าน ๆ แล้วก็ไม่ได้ใส่ใจอะไรมาก เพราะว่า ผมพักห้องเตียงรวม
อื่น ๆ ก็อยู่ย่าน chinatown การเดินทางสะดวกมากมากมากมากมากมาก
วิธีการเดินทาง ก็ไม่ยุ่งยาก จำง่ายมาก ออกทางออก E MRT Chinatown ทางออกจะเป็นห้าง Chinatown Point
ให้ข้ามถนนไปฝั่งตรงข้าม จะเจอ 81 Hotel Chinatown ก็เลี้ยวซ้าย เดินตรงไปนิดเดียว ก็จะเจอตัวตึกทางสีแดง สดใส หลงทางยังไงก็หาเจอ ก็เล่นแดงไม่เผื่อแผ่ใครซ่ะขนาดนั้น หาง่าย จำง่ายด้วยครับผม
ทิ้งท้ายรวม ๆ แล้วก็ โรงแรมแคปซูลในสิงคโปร์ ก็เริ่มเห็นแวว เห็นแนวทางการพัฒนาขึ้นมากกว่าที่ไปมารอบก่อน ๆ ที่รอบ ๆ ก่อน เจอคือ ไม่สะดวก ไม่สะอาด ไม่เป็นส่วนตัวแบบนี้ อาจจะด้วยใหม่ ก็เลยสะอาด ไม่เหม็นด้วย แต่ถ้าเก่า ๆ ไปกว่านี้ ก็ไม่แน่ใจเหมือนกัน.