สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปแล้ว ผมเชื่อว่าเวลามีกล้องตัวใหม่ออกมาเราก็อยากจะเห็น อยากจะจับ อยากจะทดลองว่ารุ่นใหม่แบบใหม่นั้นมันดีหรือน่าสนใจยังไง ผมก็เป็นอีกคนนึงที่ชอบถ่ายภาพ ไม่ได้เชี่ยวชาญถึงขนาดเรียกตัวเองว่าเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องการถ่ายภาพนะครับ แค่รู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ถ่ายภาพ โดยเฉพาะการได้ถ่ายรูปน้องมูจิด้วยแล้ว ถือเป็นความสุขที่สุดเพราะเราได้ใช้เวลาร่วมกันกับเขา และภาพที่ได้ถ่ายเขาก็จะเป็นภาพที่เราสามารถย้อนกลับมาดู และชวนให้คิดถึงเวลา ณ ขณะนั้นได้เสมอ ภาพถ่ายจึงเป็นเสมือนเครื่องเตือนความจำสำหรับใครหลายๆคน ผมก็เช่นกัน
ทุกวันนี้เราอาจจะคุ้นเคยกับการถ่ายภาพดิจิตอลที่ไฟล์ภาพต่างๆจะถูกเก็บอยู่ในกล้องในมือถือ หรือในคอมพิวเตอร์ หรือลอยค้างอยู่บนแพลตฟอร์มตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, Tumblr และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน รูปที่เราถ่ายกันนั้นมันมากมายจนนับกันแถบไม่หวาดไม่ไหว มันมากเสียจนบางครั้งเราก็หลงลืมไปแล้วว่าเคยได้ถ่ายภาพเหล่านั้น ผมเองก็เป็นเช่นนั้น รูปของน้องมูจิที่ผมถ่ายมีจำนวนเยอะมาก ถ่ายเป็นร้อยรูปแต่พออัปรูปลงสื่อออนไลน์บางทีก็ใช้รูปที่ชอบที่สุดแค่รูปเดียว แต่ผมก็ยังชอบที่จะคัดเลือกไฟล์ภาพที่ชอบมากๆ แล้วนำไปล้างออกมาเป็นภาพถ่ายจริงๆเก็บรวบรวมไว้ในอัลบั้ม เพราะผมคิดว่า
การสัมผัสเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ การได้เห็นได้หยิบได้สัมผัสภาพเหล่านั้นมันทำให้รู้สึกว่าภาพเหล่านั้นจับต้องได้ ไม่ใช่เพียงแค่เห็นอยู่ใน Facebook หรือ Instagram เท่านั้น พอ Timeline ผ่านไปภาพเหล่านั้นก็หายไปตามกาลเวลา จะเห็นอีกทีก็ต้องมี Time hop คอยเตือนความจำ แต่อัลบั้มภาพที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน หรือห้องนั่งเล่น มันทำให้ผมสามารถหยิบมาดูเมื่อไหร่ก็ได้ บรรยากาศของภาพในวันก่อนๆก็จะย้อนกลับมา เหมือนครั้งที่เรายังใช้กล้องฟิล์มถ่ายภาพ และยังต้องนำฟิล์มถ่ายรูปไปล้างและคอยลุ้นว่าภาพที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นเสน่ห์ที่โลกดิจิตอลให้กับเราไม่ได้ และหลายๆคนก็คงคิดคล้ายกันกับผม
นอกจากการนำไฟล์ภาพดิจิตอลไปอัดมาเป็นรูปภาพแล้ว กล้อง Instax Camera ก็เป็นอีกหนึ่ง Gadget ที่ผมชอบมากเช่นเดียวกัน เพราะมันได้ฟิลลิ่งของการถ่ายภาพที่ถ่ายปุ๊ปได้เห็นภาพปั๊ป มันเหมือนของเล่น มันมีความสนุกปนอยู่ในการถ่ายภาพ วันนี้ผมเลยมีของเล่นใหม่มาแนะนำกัน หลายๆคนคงอาจได้เห็นภาพโฆษณาของ
FUJI Instax SQUARE SQ10 ตามสื่อออนไลน์ต่างๆมาบ้างแล้ว ผมจำได้ว่าผมเห็นภาพของกล้องตัวนี้ครั้งแรกบนหน้า Feed ทาง Facebook ของผม มีพื่ที่รู้จักแชร์ลิ้งค์นี้มาอีกที พอเห็นเป็น Instax ตัวใหม่ผมก็รีบกดลิงค์เข้าไปอ่าน ความน่าสนใจของมันคือเป็นภาพ สี่เหลี่ยมจตุรัส ซึ่งทำให้นึกย้อนกลับไปถึง ภาพจากกล้อง Polaroid ที่ผมเคยมีเมื่อนานมาแล้ว และนี่เป็น
ครั้งแรกที่ FUJI Instax ทำภาพในสเกล 1:1 แค่ได้อ่านผมก็ตื่นเต้นอยากเป็นเจ้าของ แต่พอมาเห็นราคาก็แอบสะดุ้งอยู่เหมือนกันเพราะสนนราคาอยู่ที่
9,990 บาท ส่วนฟิล์มนั้นกล่องละ
350 บาท ราคาถือว่าแรงมากๆครับ ผมว่าคนส่วนใหญ่เป็นเหมือนกันเวลาเล่นพวกกล้อง Polaroid หรือ Instax ตัวกล้องถึงแม้ราคาจะสูงแต่ถ้าความอยากได้มีมากกว่าเราก็อยากจะซื้อ แต่ราคาฟิล์มนี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ในการตัดสินใจเหมือนกันนะครับ ถ่ายออกมาหนึ่งครั้งเราต้องเสียเงินหลักสิบสำหรับหนึ่งภาพ พอมาเห็นราคาฟิล์มสำหรับรุ่นนี้ที่ 350 บาท สำหรับ 10 รูป ตกรูปละ 35 บาท เทียบกับราคาข้าวสามารถทานข้าวได้ 1 จาน เรียกว่าบางทีแถบไม่กล้าถ่ายเลยเพราะกลัวฟิล์มหมด จะถ่ายจะปริ้นแต่ละครั้งต้องมั่นใจได้ว่าชอบภาพนั้นมากจริงๆ แต่
คุณค่าทางใจบางทีมันก็เทียบเป็นราคาไม่ได้เหมือนกันจริงไหมครับ หลังจากได้อ่านได้ดูลิงค์ดังกล่าวความอยากได้มีอยู่มากมาย แต่ราคาทำให้บอกกับตัวเองว่าเรื่องนี้ต้องตัดสินใจดีๆ แล้วผมก็ลืมมันไป
จนเมื่ออาทิตย์ก่อนผมแวะไปทำธุระที่ Siam Discovery ขณะที่กำลังจะเดินข้ามจาก Siam Discovery ไป Siam Center เพื่อกลับบ้าน ก็เดินผ่านไปเห็นบูธของ FUJI Instax SQ10 ภาพในความทรงจำที่ได้เห็นได้อ่านเกี่ยวกับลิงค์นั้นก็ฝุดขึ้นมา และไม่มีอะไรสามารถหยุดผมได้อีกต่อไป ผมรีบเดินไปที่บูธ เวลาในขณะนั้นคือ สามทุ่มสี่สิบห้านาที บูธเงียบเหงาไร้ผู้คน พนักงานก็คงจะเตรียมตัวกลับบ้านกันแล้ว สิ่งที่ผมเห็นคือ ภาพจากฟิล์ม Instax วางโชว์อยู่ด้านหน้า พร้อมกับตัวกล้อง ผมเลยรีบเข้าไปหยิบจับสัมผัสดูให้เห็นกับตา
ความประทับใจแรกคือขนาดของฟิล์มที่มันน่ารักมาก ก ไก่ ล้านตัวววววววว มันเป็น
สัดส่วน 1:1 ที่เล็กกว่าฟิล์ม Polaroid เป็นขนาดใหม่แต่ให้ความรู้สึกและเสน่ห์แบบเก่าของภาพขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัส หลังจากนั้นเลยหยิบตัวกล้องขึ้นมาเล่นดู นำ้หนักที่กำลังดี ขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปถ้าเทียบกับ Instax บางตัวที่เคยทำออกมา ความอยากได้กลับมาอีกครั้ง เลยทำการสอบถามกับพนักงานถึงเรื่องฟังค์ชั่นต่างๆ ผมต้องขอชื่นชมน้องพนักงานคนที่ดูแลผมด้วยนะครับ ในขณะที่ห้างกำลังใกล้จะปิด แต่น้องพนักงานทำงานได้ดีเยี่ยมมาก พูดจาสุภาพ ยิ้มแย้ม ให้คำแนะนำดีมาก ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่สบายใจถ้าจะเดินออกไปโดยไม่ซื้ออะไรเลย หลังจากพิจารณาเบื้องต้นแล้ว ผมตัดสินใจรวดเร็วมากว่าจะรับกล้องตัวนี้กลับบ้านไปดูแล ยิ่งห้างใกล้จะปิดด้วยแล้ว ต้องตัดสินใจให้ไวครับ ไม่งั้นถ้าความอยากได้ยังอยู่แต่กลับบ้านมือเปล่า อาจทำให้คืนนั้นนอนไม่หลับได้ทั้งคืน หลังจากซื้อมา ผมยังไม่มีเวลาหยิบมาจับมาเล่นเลยเพราะ ติดงานหลายอย่างมาก และตั้งใจว่าอยากจะมารีวิวกล้อง Instax ตัวนี้ให้สำหรับคนที่สนใจได้ลองอ่านกันดู เพราะเท่าที่ผมลองเสริชหาข้อมูลยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับกล้องตัวนี้มากเท่าไหร่นัก ถึงมีก็จะเป็นพวกข้อมูลหรือสเปคแบบจริงจัง ยังไม่ค่อยมีรีวิวที่มาจากผู้ใช้โดยตรงมากนัก และคงจะมีอีกหลายคนอาจจะลังเลใจว่าจะซื้อดีไหม ยังไงลองอ่านรีวิวนี้ประกอบการตัดสินใจดูนะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี่เป็นรีวิวที่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการเขียนนะครับ ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ผมได้อ่าน ได้ฟังจากพนักงาน รวมไปถึงได้ใช้งานเอง ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกใจหรือ มีข้อมูลที่ผิดพลาดไปบ้าง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และสามารถท้วงติงหรือแนะนำข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขกับผมได้นะครับ
เรามาเริ่มแกะกล่องกันเลยดีกว่า จริงๆแล้วกล้อง Instax SQ10 ตัวนี้เป็นกล้อง Instax ตัวที่ 3 ที่ผมมีไว้ครอบครอง ตัวแรกที่ผมซื้อมาใช้นั้นคือ
FUJI Instax Wide 300 และตัวที่ 2 คือ
FUJI Instax Share SP-2 ด้วยความที่กล้องทั้ง 3 ตัวนั้นเป็นกล้อง Instax ที่มีขนาดฟิล์มแตกต่างกันออกไป ผมเลยจะขอพูดและเปรียบเทียบกล้องทั้งสามตัวไปด้วยพร้อมๆกัน เพื่อให้เพื่อนๆได้เห็นภาพกันง่ายมากขึ้นนะครับ
ในกล่อง Instax SQ10 นั้นประกอบไปด้วย กล้อง Instax SQ10 1 ตัว คู่มือ ใบรับประกัน สายคล้องข้อมือ สายชาร์จ และ MICRO SD Card ความจุ 16 GB ในส่วนของ MICRO SD Card นั้นผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่าเขาแถมมาให้สำหรับทุกเครื่องหรือเปล่า แต่ตอนที่ผมซื้อมานั้น ผมได้ถามกับพนักงานว่ามีโปรโมชั่นอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า น้องพนักงานบอกว่าจะมีแถม MICRO SD Card ให้ด้วย ในส่วนนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะได้สำหรับการซื้อในร้านอื่นๆด้วยไหม หรือเป็นโปรโมชั่นพิเศษสำหรับบูธนี้เท่านั้น ถ้ายังไงใครสนใจลองสอบถามไปทาง FUJI THAILAND หรือร้านค้าต่างๆก่อนนะครับ
หลังจากที่เราแกะกล่องกันแล้ว เรามาเริ่มต้นกันที่ ตัวกล้องกันก่อนเลย ลักษณะของรูปทรงกล้องผมว่า
เหมือนไอคอนกล้องถ่ายรูปในมือถือของพวกเรา มีความสมมาตรซ้ายขวา สัดส่วนกระทัดรัด ดูเข้าใจง่าย สีดำตัดกับวงกลมสีเงินด้านหน้าก็ดูเรียบง่ายสวยงามดีครับ ส่วนด้านหลังหน้าจอแสดงผลขนาด 3 นิ้ว ส่วนด้านล่างเป็นแผงปุ่มกดควบคุมการใช้งาน น้ำหนักกล้องรวมฟิล์มและแบตเตอรี อยู่ที่ประมาณ 450 g. แบตเตอรีเป็นแบบใช้สายชาร์จเสียบเข้ากับตัวกล้องได้เลยใช้เวลาชาร์จประมาณ 3-4 ชั่วโมง เมื่อแบตเตอรีเต็มสามารถใช้ปริ้นภาพได้ประมาณ 160 ภาพ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับกล้อง Instax SQ10 ตัวนี้คือมันเป็นกล้อง Instax Hybrid ที่ให้ฟังค์ชั่นการทำงานแบบสองระบบ ทั้งถ่ายภาพแล้วปริ้นภาพออกมาอัตโนมัติ หรือจะถ่ายภาพเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยปริ้นภาพออกมาทีหลังก็ได้
ถ้าให้เปรียบเทียบก็
เหมือนการเอากล้อง Instax mini จับมัดรวมกันเข้ากับ Instax Share มันเป็นการเอาข้อเด่นกับข้อด้อยจากกล้อง Instax ทั้งสองตัวมาพัฒนาให้อยู่ในกล้อง Instax SQ10 ตัวนี้ จริงๆแล้วกล้องตัวนี้ทำที่เกี่ยวคล้องไว้สองข้างสำหรับห้อยคอมาด้วย แต่สายที่แถมมานั้นเป็นแบบคล้องข้อมือ ผมว่าราคากล้องขนาดนี้ถ้าแถมสายคล้องคอเพิ่มมาด้วยจะดีมากครับ เพราะมันก็จะทำให้พกพาสะดวกมากขึ้น มันเป็นกล้องกึ่งดิจิตอลเพราะฉะนั้นจำนวนครั้งในการถ่ายจะไม่จำกัด การคล้องคอแล้วถ่ายภาพถ่ายไปเรื่อยๆก็น่าจะดีกว่า ไม่ต้องคอยหยิบคอยเก็บออกมาจากกระเป๋าเวลาที่จะถ่าย นำ้หนักที่ไม่ได้เบาจนเกินไปก็ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างแข็งแรงดูคงทน แต่ก็ไม่หนักเหมือน Instax Wide 300 ที่พกไปไหนลำบากมาก ผมจำได้ว่าตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นผมแบกตัวนี้ไปด้วยเพราะอยากถ่ายวิว นำ้หนักที่มากทำให้บางวันก็ขี้เกียจที่จะพามันออกไปด้วยทุกที่ Instax SQ10 ตัวนี้เลยถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
จากที่ผมได้เป็นเจ้าของและได้ลองใช้กล้อง Instax มาแล้วทั้ง 3 แบบ กล้อง Instax wide ให้ความรู้สึกสนุกแบบกล้องโพลารอยด์ที่ได้ลุ้นกับภาพที่ถ่าย ณ ขณะนั้น ผมจำได้เลยว่าฟิล์มกล่องแรกที่ผมใช้กับ Instax wide ภาพที่ได้นั้นเรียกว่าเสียเกือบทั้งหมด สนุกไหมหล่ะ นั่นมันเงินทั้งนั้นเลยนะ 555 เรื่องแสงที่เราไม่แน่ใจว่ามันสว่างหรือมืดจนเกินไปไหม ที่เราคิดว่าแสงพอ แต่กล้องก็ชดเชยแสงให้โดยการยิงแฟลชให้ ผลที่ได้เป็นยังไงหล่ะ ก็พังสิครับ ระยะของเลนส์กับวัตถุที่บางทีก็ต้องลองถ่ายไปเรื่อยๆจนจับจุดได้ว่าระยะประมาณนี้ภาพจะออกมากำลังพอดี แล้วยิ่งพอเป็น Instax wide 300 ด้วยแล้ว รูที่ใช้สำหรับเล็งถ่ายภาพอยู่ด้านข้างยื่นออกไปไม่ได้อยู่ตรงกลางกล้อง ถ้าส่องจากสิ่งที่เห็นภาพที่ได้จะเอียงไม่อยู่ตรงกึ่งกลาง ถือเป็นกล้องที่เล็งยากมากเพราะสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่ได้นั้นไม่เหมือนกัน มันได้ความเซอร์ไพรส์หลายๆอย่าง ก็สนุกดีไปอีกแบบ กว่าจะถ่ายจนเริ่มคุ้นเคยกับกล้องก็หมดฟิล์มไปหลายกล่อง
[CR] ความทรงจำหมาหมาในกรอบสี่เหลี่ยมจตุรัส กับ instax SQUARE SQ10 🐶🐰📷✨
สำหรับคนที่ชอบถ่ายรูปแล้ว ผมเชื่อว่าเวลามีกล้องตัวใหม่ออกมาเราก็อยากจะเห็น อยากจะจับ อยากจะทดลองว่ารุ่นใหม่แบบใหม่นั้นมันดีหรือน่าสนใจยังไง ผมก็เป็นอีกคนนึงที่ชอบถ่ายภาพ ไม่ได้เชี่ยวชาญถึงขนาดเรียกตัวเองว่าเป็นผู้รอบรู้ในเรื่องการถ่ายภาพนะครับ แค่รู้สึกสนุกและมีความสุขทุกครั้งที่ได้ถ่ายภาพ โดยเฉพาะการได้ถ่ายรูปน้องมูจิด้วยแล้ว ถือเป็นความสุขที่สุดเพราะเราได้ใช้เวลาร่วมกันกับเขา และภาพที่ได้ถ่ายเขาก็จะเป็นภาพที่เราสามารถย้อนกลับมาดู และชวนให้คิดถึงเวลา ณ ขณะนั้นได้เสมอ ภาพถ่ายจึงเป็นเสมือนเครื่องเตือนความจำสำหรับใครหลายๆคน ผมก็เช่นกัน
ทุกวันนี้เราอาจจะคุ้นเคยกับการถ่ายภาพดิจิตอลที่ไฟล์ภาพต่างๆจะถูกเก็บอยู่ในกล้องในมือถือ หรือในคอมพิวเตอร์ หรือลอยค้างอยู่บนแพลตฟอร์มตามโซเชียลมีเดียต่างๆ ไม่ว่าจะเป็น Facebook, Instagram, Twitter, Tumblr และอื่นๆอีกมากมายนับไม่ถ้วน รูปที่เราถ่ายกันนั้นมันมากมายจนนับกันแถบไม่หวาดไม่ไหว มันมากเสียจนบางครั้งเราก็หลงลืมไปแล้วว่าเคยได้ถ่ายภาพเหล่านั้น ผมเองก็เป็นเช่นนั้น รูปของน้องมูจิที่ผมถ่ายมีจำนวนเยอะมาก ถ่ายเป็นร้อยรูปแต่พออัปรูปลงสื่อออนไลน์บางทีก็ใช้รูปที่ชอบที่สุดแค่รูปเดียว แต่ผมก็ยังชอบที่จะคัดเลือกไฟล์ภาพที่ชอบมากๆ แล้วนำไปล้างออกมาเป็นภาพถ่ายจริงๆเก็บรวบรวมไว้ในอัลบั้ม เพราะผมคิดว่าการสัมผัสเป็นส่วนหนึ่งของความทรงจำ การได้เห็นได้หยิบได้สัมผัสภาพเหล่านั้นมันทำให้รู้สึกว่าภาพเหล่านั้นจับต้องได้ ไม่ใช่เพียงแค่เห็นอยู่ใน Facebook หรือ Instagram เท่านั้น พอ Timeline ผ่านไปภาพเหล่านั้นก็หายไปตามกาลเวลา จะเห็นอีกทีก็ต้องมี Time hop คอยเตือนความจำ แต่อัลบั้มภาพที่วางไว้บนโต๊ะทำงาน หรือห้องนั่งเล่น มันทำให้ผมสามารถหยิบมาดูเมื่อไหร่ก็ได้ บรรยากาศของภาพในวันก่อนๆก็จะย้อนกลับมา เหมือนครั้งที่เรายังใช้กล้องฟิล์มถ่ายภาพ และยังต้องนำฟิล์มถ่ายรูปไปล้างและคอยลุ้นว่าภาพที่ออกมาจะเป็นอย่างไร ซึ่งโดยส่วนตัวผมคิดว่าสิ่งนี้เป็นเสน่ห์ที่โลกดิจิตอลให้กับเราไม่ได้ และหลายๆคนก็คงคิดคล้ายกันกับผม
นอกจากการนำไฟล์ภาพดิจิตอลไปอัดมาเป็นรูปภาพแล้ว กล้อง Instax Camera ก็เป็นอีกหนึ่ง Gadget ที่ผมชอบมากเช่นเดียวกัน เพราะมันได้ฟิลลิ่งของการถ่ายภาพที่ถ่ายปุ๊ปได้เห็นภาพปั๊ป มันเหมือนของเล่น มันมีความสนุกปนอยู่ในการถ่ายภาพ วันนี้ผมเลยมีของเล่นใหม่มาแนะนำกัน หลายๆคนคงอาจได้เห็นภาพโฆษณาของ FUJI Instax SQUARE SQ10 ตามสื่อออนไลน์ต่างๆมาบ้างแล้ว ผมจำได้ว่าผมเห็นภาพของกล้องตัวนี้ครั้งแรกบนหน้า Feed ทาง Facebook ของผม มีพื่ที่รู้จักแชร์ลิ้งค์นี้มาอีกที พอเห็นเป็น Instax ตัวใหม่ผมก็รีบกดลิงค์เข้าไปอ่าน ความน่าสนใจของมันคือเป็นภาพ สี่เหลี่ยมจตุรัส ซึ่งทำให้นึกย้อนกลับไปถึง ภาพจากกล้อง Polaroid ที่ผมเคยมีเมื่อนานมาแล้ว และนี่เป็นครั้งแรกที่ FUJI Instax ทำภาพในสเกล 1:1 แค่ได้อ่านผมก็ตื่นเต้นอยากเป็นเจ้าของ แต่พอมาเห็นราคาก็แอบสะดุ้งอยู่เหมือนกันเพราะสนนราคาอยู่ที่ 9,990 บาท ส่วนฟิล์มนั้นกล่องละ 350 บาท ราคาถือว่าแรงมากๆครับ ผมว่าคนส่วนใหญ่เป็นเหมือนกันเวลาเล่นพวกกล้อง Polaroid หรือ Instax ตัวกล้องถึงแม้ราคาจะสูงแต่ถ้าความอยากได้มีมากกว่าเราก็อยากจะซื้อ แต่ราคาฟิล์มนี่ถือเป็นปัญหาใหญ่ในการตัดสินใจเหมือนกันนะครับ ถ่ายออกมาหนึ่งครั้งเราต้องเสียเงินหลักสิบสำหรับหนึ่งภาพ พอมาเห็นราคาฟิล์มสำหรับรุ่นนี้ที่ 350 บาท สำหรับ 10 รูป ตกรูปละ 35 บาท เทียบกับราคาข้าวสามารถทานข้าวได้ 1 จาน เรียกว่าบางทีแถบไม่กล้าถ่ายเลยเพราะกลัวฟิล์มหมด จะถ่ายจะปริ้นแต่ละครั้งต้องมั่นใจได้ว่าชอบภาพนั้นมากจริงๆ แต่คุณค่าทางใจบางทีมันก็เทียบเป็นราคาไม่ได้เหมือนกันจริงไหมครับ หลังจากได้อ่านได้ดูลิงค์ดังกล่าวความอยากได้มีอยู่มากมาย แต่ราคาทำให้บอกกับตัวเองว่าเรื่องนี้ต้องตัดสินใจดีๆ แล้วผมก็ลืมมันไป
จนเมื่ออาทิตย์ก่อนผมแวะไปทำธุระที่ Siam Discovery ขณะที่กำลังจะเดินข้ามจาก Siam Discovery ไป Siam Center เพื่อกลับบ้าน ก็เดินผ่านไปเห็นบูธของ FUJI Instax SQ10 ภาพในความทรงจำที่ได้เห็นได้อ่านเกี่ยวกับลิงค์นั้นก็ฝุดขึ้นมา และไม่มีอะไรสามารถหยุดผมได้อีกต่อไป ผมรีบเดินไปที่บูธ เวลาในขณะนั้นคือ สามทุ่มสี่สิบห้านาที บูธเงียบเหงาไร้ผู้คน พนักงานก็คงจะเตรียมตัวกลับบ้านกันแล้ว สิ่งที่ผมเห็นคือ ภาพจากฟิล์ม Instax วางโชว์อยู่ด้านหน้า พร้อมกับตัวกล้อง ผมเลยรีบเข้าไปหยิบจับสัมผัสดูให้เห็นกับตา ความประทับใจแรกคือขนาดของฟิล์มที่มันน่ารักมาก ก ไก่ ล้านตัวววววววว มันเป็นสัดส่วน 1:1 ที่เล็กกว่าฟิล์ม Polaroid เป็นขนาดใหม่แต่ให้ความรู้สึกและเสน่ห์แบบเก่าของภาพขนาดสี่เหลี่ยมจตุรัส หลังจากนั้นเลยหยิบตัวกล้องขึ้นมาเล่นดู นำ้หนักที่กำลังดี ขนาดที่ไม่ใหญ่จนเกินไปถ้าเทียบกับ Instax บางตัวที่เคยทำออกมา ความอยากได้กลับมาอีกครั้ง เลยทำการสอบถามกับพนักงานถึงเรื่องฟังค์ชั่นต่างๆ ผมต้องขอชื่นชมน้องพนักงานคนที่ดูแลผมด้วยนะครับ ในขณะที่ห้างกำลังใกล้จะปิด แต่น้องพนักงานทำงานได้ดีเยี่ยมมาก พูดจาสุภาพ ยิ้มแย้ม ให้คำแนะนำดีมาก ไม่ทำให้ลูกค้ารู้สึกไม่สบายใจถ้าจะเดินออกไปโดยไม่ซื้ออะไรเลย หลังจากพิจารณาเบื้องต้นแล้ว ผมตัดสินใจรวดเร็วมากว่าจะรับกล้องตัวนี้กลับบ้านไปดูแล ยิ่งห้างใกล้จะปิดด้วยแล้ว ต้องตัดสินใจให้ไวครับ ไม่งั้นถ้าความอยากได้ยังอยู่แต่กลับบ้านมือเปล่า อาจทำให้คืนนั้นนอนไม่หลับได้ทั้งคืน หลังจากซื้อมา ผมยังไม่มีเวลาหยิบมาจับมาเล่นเลยเพราะ ติดงานหลายอย่างมาก และตั้งใจว่าอยากจะมารีวิวกล้อง Instax ตัวนี้ให้สำหรับคนที่สนใจได้ลองอ่านกันดู เพราะเท่าที่ผมลองเสริชหาข้อมูลยังไม่มีข้อมูลเกี่ยวกับกล้องตัวนี้มากเท่าไหร่นัก ถึงมีก็จะเป็นพวกข้อมูลหรือสเปคแบบจริงจัง ยังไม่ค่อยมีรีวิวที่มาจากผู้ใช้โดยตรงมากนัก และคงจะมีอีกหลายคนอาจจะลังเลใจว่าจะซื้อดีไหม ยังไงลองอ่านรีวิวนี้ประกอบการตัดสินใจดูนะครับ
ก่อนอื่นต้องบอกก่อนว่านี่เป็นรีวิวที่ใช้ความรู้สึกส่วนตัวในการเขียนนะครับ ดังนั้นข้อมูลทั้งหมดเป็นข้อมูลที่ผมได้อ่าน ได้ฟังจากพนักงาน รวมไปถึงได้ใช้งานเอง ถ้ามีสิ่งใดที่ไม่ถูกใจหรือ มีข้อมูลที่ผิดพลาดไปบ้าง ต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยนะครับ และสามารถท้วงติงหรือแนะนำข้อมูลที่ถูกต้องเพื่อแก้ไขกับผมได้นะครับ
เรามาเริ่มแกะกล่องกันเลยดีกว่า จริงๆแล้วกล้อง Instax SQ10 ตัวนี้เป็นกล้อง Instax ตัวที่ 3 ที่ผมมีไว้ครอบครอง ตัวแรกที่ผมซื้อมาใช้นั้นคือ FUJI Instax Wide 300 และตัวที่ 2 คือ FUJI Instax Share SP-2 ด้วยความที่กล้องทั้ง 3 ตัวนั้นเป็นกล้อง Instax ที่มีขนาดฟิล์มแตกต่างกันออกไป ผมเลยจะขอพูดและเปรียบเทียบกล้องทั้งสามตัวไปด้วยพร้อมๆกัน เพื่อให้เพื่อนๆได้เห็นภาพกันง่ายมากขึ้นนะครับ
ในกล่อง Instax SQ10 นั้นประกอบไปด้วย กล้อง Instax SQ10 1 ตัว คู่มือ ใบรับประกัน สายคล้องข้อมือ สายชาร์จ และ MICRO SD Card ความจุ 16 GB ในส่วนของ MICRO SD Card นั้นผมไม่ทราบเหมือนกันนะครับว่าเขาแถมมาให้สำหรับทุกเครื่องหรือเปล่า แต่ตอนที่ผมซื้อมานั้น ผมได้ถามกับพนักงานว่ามีโปรโมชั่นอะไรเป็นพิเศษหรือเปล่า น้องพนักงานบอกว่าจะมีแถม MICRO SD Card ให้ด้วย ในส่วนนี้ผมไม่แน่ใจว่าจะได้สำหรับการซื้อในร้านอื่นๆด้วยไหม หรือเป็นโปรโมชั่นพิเศษสำหรับบูธนี้เท่านั้น ถ้ายังไงใครสนใจลองสอบถามไปทาง FUJI THAILAND หรือร้านค้าต่างๆก่อนนะครับ
หลังจากที่เราแกะกล่องกันแล้ว เรามาเริ่มต้นกันที่ ตัวกล้องกันก่อนเลย ลักษณะของรูปทรงกล้องผมว่าเหมือนไอคอนกล้องถ่ายรูปในมือถือของพวกเรา มีความสมมาตรซ้ายขวา สัดส่วนกระทัดรัด ดูเข้าใจง่าย สีดำตัดกับวงกลมสีเงินด้านหน้าก็ดูเรียบง่ายสวยงามดีครับ ส่วนด้านหลังหน้าจอแสดงผลขนาด 3 นิ้ว ส่วนด้านล่างเป็นแผงปุ่มกดควบคุมการใช้งาน น้ำหนักกล้องรวมฟิล์มและแบตเตอรี อยู่ที่ประมาณ 450 g. แบตเตอรีเป็นแบบใช้สายชาร์จเสียบเข้ากับตัวกล้องได้เลยใช้เวลาชาร์จประมาณ 3-4 ชั่วโมง เมื่อแบตเตอรีเต็มสามารถใช้ปริ้นภาพได้ประมาณ 160 ภาพ สิ่งที่น่าสนใจที่สุดสำหรับกล้อง Instax SQ10 ตัวนี้คือมันเป็นกล้อง Instax Hybrid ที่ให้ฟังค์ชั่นการทำงานแบบสองระบบ ทั้งถ่ายภาพแล้วปริ้นภาพออกมาอัตโนมัติ หรือจะถ่ายภาพเก็บไว้ก่อนแล้วค่อยปริ้นภาพออกมาทีหลังก็ได้
ถ้าให้เปรียบเทียบก็เหมือนการเอากล้อง Instax mini จับมัดรวมกันเข้ากับ Instax Share มันเป็นการเอาข้อเด่นกับข้อด้อยจากกล้อง Instax ทั้งสองตัวมาพัฒนาให้อยู่ในกล้อง Instax SQ10 ตัวนี้ จริงๆแล้วกล้องตัวนี้ทำที่เกี่ยวคล้องไว้สองข้างสำหรับห้อยคอมาด้วย แต่สายที่แถมมานั้นเป็นแบบคล้องข้อมือ ผมว่าราคากล้องขนาดนี้ถ้าแถมสายคล้องคอเพิ่มมาด้วยจะดีมากครับ เพราะมันก็จะทำให้พกพาสะดวกมากขึ้น มันเป็นกล้องกึ่งดิจิตอลเพราะฉะนั้นจำนวนครั้งในการถ่ายจะไม่จำกัด การคล้องคอแล้วถ่ายภาพถ่ายไปเรื่อยๆก็น่าจะดีกว่า ไม่ต้องคอยหยิบคอยเก็บออกมาจากกระเป๋าเวลาที่จะถ่าย นำ้หนักที่ไม่ได้เบาจนเกินไปก็ให้ความรู้สึกที่ค่อนข้างแข็งแรงดูคงทน แต่ก็ไม่หนักเหมือน Instax Wide 300 ที่พกไปไหนลำบากมาก ผมจำได้ว่าตอนไปเที่ยวญี่ปุ่นผมแบกตัวนี้ไปด้วยเพราะอยากถ่ายวิว นำ้หนักที่มากทำให้บางวันก็ขี้เกียจที่จะพามันออกไปด้วยทุกที่ Instax SQ10 ตัวนี้เลยถือว่าตอบโจทย์ได้เป็นอย่างดี
จากที่ผมได้เป็นเจ้าของและได้ลองใช้กล้อง Instax มาแล้วทั้ง 3 แบบ กล้อง Instax wide ให้ความรู้สึกสนุกแบบกล้องโพลารอยด์ที่ได้ลุ้นกับภาพที่ถ่าย ณ ขณะนั้น ผมจำได้เลยว่าฟิล์มกล่องแรกที่ผมใช้กับ Instax wide ภาพที่ได้นั้นเรียกว่าเสียเกือบทั้งหมด สนุกไหมหล่ะ นั่นมันเงินทั้งนั้นเลยนะ 555 เรื่องแสงที่เราไม่แน่ใจว่ามันสว่างหรือมืดจนเกินไปไหม ที่เราคิดว่าแสงพอ แต่กล้องก็ชดเชยแสงให้โดยการยิงแฟลชให้ ผลที่ได้เป็นยังไงหล่ะ ก็พังสิครับ ระยะของเลนส์กับวัตถุที่บางทีก็ต้องลองถ่ายไปเรื่อยๆจนจับจุดได้ว่าระยะประมาณนี้ภาพจะออกมากำลังพอดี แล้วยิ่งพอเป็น Instax wide 300 ด้วยแล้ว รูที่ใช้สำหรับเล็งถ่ายภาพอยู่ด้านข้างยื่นออกไปไม่ได้อยู่ตรงกลางกล้อง ถ้าส่องจากสิ่งที่เห็นภาพที่ได้จะเอียงไม่อยู่ตรงกึ่งกลาง ถือเป็นกล้องที่เล็งยากมากเพราะสิ่งที่เห็นกับสิ่งที่ได้นั้นไม่เหมือนกัน มันได้ความเซอร์ไพรส์หลายๆอย่าง ก็สนุกดีไปอีกแบบ กว่าจะถ่ายจนเริ่มคุ้นเคยกับกล้องก็หมดฟิล์มไปหลายกล่อง