Vladivostok l วลาดีวอสตอค l รัสเซียตะวันออก

Vladivostok l วลาดีวอสตอค l รัสเซียตะวันออก
Vladivostok



เรากำลังเรียนอยู่ที่จีน ได้มีโอกาสไปเที่ยวที่ วลาดีวอสตอค (Vladivostok) เมืองหนึ่งทางทิศตะวันออกของรัสเซียในช่วงเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา (2017) ซึ่งเป็นช่วงที่อากาศไม่ร้อนและไม่หนาวเกินไป ประมาณ 10 กว่าองศา สำหรับเราแล้ว Vladivostok เป็นเมืองเล็กๆที่ผู้คนยังใช้ชีวิตเรียบง่าย ไม่รีบเร่ง สถาปัตยกรรมสวยงาม การได้เที่ยวที่นี่จึงเหมือนเป็นการหยุดความเร็วของเวลา แล้วซึมซับไปกับบรรยากาศรอบตัวเรา


การเดินทาง
ทริปนี้เราซื้อตั๋ว Round trip ของสารการบิน China Southern Airlines จาก ฮาร์บิน (Harbin) ประเทศจีน บินตรงสู่ วลาดีวอสตอค (Vladivostok) ประเทศรัสเซีย  สนามบินฮาร์บินเป็นสนามบินเล็กๆ ตึกผู้โดยสารระหว่างประเทศจะเป็นคนละตึกกับผู้โดยสารภายในประเทศ เราจึงต้องรอ shuttle bus สักพักหนึ่งเพื่อไปยังอาคารผู้โดยสารระหว่างประเทศ หลังจากที่เราเช็คอินเสร็จเรียบร้อย ต้องผ่าน ตม ของประเทศจีน ตอนนี้ค่อนข้างมีปัญหา เราก็ไม่รู้เพราะอะไร ทาง ตม จีน ค่อนข้างเข้มงวดกับคนไทย ใช้เวลาในการตรวจสอบเอกสารของเรานานมาก เป็นใคร มาจากไหน ทำอะไร แต่สุดท้ายก็ให้เราผ่าน แนะนำให้เช็คอินเป็นคนแรกๆ  ขากลับก็เช่นกัน หลังจากนั้นเราใช้เวลาในการเดินทางประมาณ 1 ชั่วโมงกว่า เครื่องบินร่อนลงจอดสู่สนามบินวลาดีวอสตอค แนะนำให้หาแผนที่ของวลาดีวอสตอคที่สนามบินเลย จะได้ง่ายต่อการวางแผนการเดินทาง เขตเวลาของที่นี่ จะเร็วกว่า จีน 2 ชั่วโมง (เร็วกว่า ไทย 3 ชั่วโมง)

จากสนามบิน – เข้าสู่ตัวเมือง ค่อนข้างไกลมากประมาณ 20 กิโลเมตร
•    ตอนกลางวัน จะมีรถไฟจากสนามบิน เข้าสู่ตัวเมือง รอบตามรูป ราคา 260 รูเบิล (RUB)
•    สำหรับคนที่ไปถึงตอนดึกเหมือนเรา แนะนำให้ถามที่พักที่เราจองว่า มีรถรับส่งสนามบินไหม ราคาจะถูกกว่าแท็กซี่สนามบิน เราจ่ายให้โฮส 900 RUB แท็กซี่สนามบินน่าจะราคาประมาณ 1200 RUB ขึ้นไป จากการที่เราถามเพื่อนรัสเซีย
ที่พัก
ที่พักที่นี่มีทั้งโรงแรม (ซึ่งราคาค่อนข้างสูงและมีให้เลือกน้อย) หรือ Hostel จากที่เราเดินผ่าน ราคาที่พักที่เราเห็นมีหลายราคา เริ่มต้นน่าจะประมาณ 500 RUB เลือกได้ตามแต่ชอบ ส่วนของเรา เราจองที่พักก่อนเดินทาง ผ่านแอพ Airbnb ซึ่งก็มีให้เลือกเยอะ เราเลือกตำแหน่งตรงกลางเมือง ราคาประมาณคืนละ 1,000 กว่าบาทต่อห้อง ซึ่งค่อนข้างจะสะดวกในการเดินทาง และใกล้ร้านอาหาร เดินเที่ยวเมืองสะดวก (ตอนแรกก็ไม่รู้ จนได้มาพักแล้วรู้ว่า location โอเคเลย)
สถานที่ท่องเที่ยว
สำหรับเรา อันที่จริงแล้วที่นี่ก็ไม่ได้มีสถานที่ท่องเที่ยวอะไรมากนัก ส่วนใหญ่จะเป็นการดูสถาปัตยกรรม เดินริมชายหาด พิพิธภัณฑ์ แต่ที่ทำให้น่าสนใจคงจะเป็น วิถีชีวิต slow life ผู้คนยังใช้ชีวิตเรียบง่าย มีระเบียบ และเป็นเมืองที่สะอาด สถานที่ท่องเที่ยว เราจะอิงจากแผนที่ด้านล่าง



วันแรก
    เราตื่นเช้าเดินผ่านเมืองลัดเลาะไปตามชายฝั่งไปที่ Sportivnaya embankment (หมายเลข 5) ตรงนี้จะเป็นชายหาดเล็กๆ มีลานน้ำพุกว้างๆ มีส่วนสนุกให้เล่น ส่วนใหญ่คนที่นี้จะมาเดินชมวิว นั่งเล่นพูดคุยกันหลังจากนั้นก็เดินเล่นดูเมืองไปเรื่อยๆ เมืองที่นี่ค่อนข้างเล็ก สามารถเดินได้ทั่ว มีร้านขายของประปรายให้เดินดู

    ตอนบ่ายเราก็ไปกันต่อที่ประภาคาร Takarevskaya koshka lighthouse (หมายเลข 10) เรานั่งรถเมล์ไปจนสุดสาย ดูจาก Google maps ว่าขึ้นรถสายไหน ป้ายอยู่ตรงไหน ซึ่งรถเมล์ที่จะไปประภาคารนั้นมีหลายสาย ก่อนขึ้น ลองถามคนขับดู เพื่อความแน่ใจ ค่าตั๋วจะอยู่ที่ 21 RUB/คน การขึ้นรถเมล์ที่นี่จะขึ้นไปนั่งก่อน จ่ายทีหลัง ก่อนลงเดินไปจ่ายที่คนขับ แล้วลงรถที่ประตูหน้า หลังจากลงรถป้ายสุดท้ายเดินไปอีกประมาณ 10 นาที ก็จะเห็นประภาคารขนาดเล็กที่อยู่ห่างออกไป ตอนเราไปก็มีคนมาที่นี่บ้างประปราย มีทั้งเดินไปและขับรถไป ลมที่นี่แรงมาก ตอนเราไปมีคนเล่นเซิร์ฟอยู่ด้วยประมาณสองคน นั่งดูวิวพักผ่อนสักพัก แล้วก็เดินทางกลับ

ตอนเย็น เราก็มาเดินชมเล่นในเมือง เที่ยวชมลานอนุสาวรีย์ใจกลางเมือง Revolution fighters square (central square หมายเลข 1) ตกกลางคืนเราก็เดินชมบริเวณเมือง ผ่านตามตรอก ซอย เราชอบบรรยากาศที่ไม่วุ่นวาย มีความเงียบสงบ เดินไปเรื่อยๆ แบบไม่รู้สึกเหนื่อยเลย เป็นเมืองที่โรแมนติคอีกเมืองหนึ่งเลยแหละ ตอนกลางคืนจะมีวัยรุ่นออกมาเล่นกีตาร์และร้องเพลง ตามทางลอดใต้ดิน หรือ square ที่มีร้านค้าอยู่ ซึ่งคนเดินผ่านไปมาเค้าก็จะชวนไปเต้นด้วย ก็น่ารักไปอีกแบบ

วันที่สอง
เราเดินไปที่สถานีรถไฟ เดินผ่านสถานีไปข้างหลัง จะมีท่าจอดเรืออยู่ ถ่ายรูป ชมวิว จะเห็นตึกที่อยู่ในตัวเมืองด้วย ตอนที่เราไปมีเรือสำราญมาพอดี ใหญ่มาก มีคณะมาต้อนรับด้วย ที่ท่าเรือจึงคึกคักมากตอนนั้น

ตอนบ่ายเราไป Russky Island มีสถานที่ให้ไปเที่ยวประมาณ 3-4 แห่ง แต่เราไปแค่ที่ Far Eastern Federal University (หมายเลข 9) ข้อมูลรถเมล์ค่อนข้างหายาก เพราะ Russky Island ยังไม่ได้ปักหมุดใน Google Maps เราจึงต้องถามคนรัสเซียแถวๆป้ายรถเมล์ ได้คำตอบว่าขึ้นรถเมล์ขึ้นรถเมล์สาย 15 ค่าโดยสาร 21 RUB/คน ลงป้ายหน้ามอ แล้วเดินเข้าไปด้านหลังของมหาวิทยาลัย จะมีชายหาด สามารถปั่นจักรยานได้ มีร้านอาหาร ตอนที่เราไปไม่ค่อยเห็นนักศึกษา อาจเป็นเพราะช่วงวันหยุดสุดสัปดาห์ด้วย


วันที่สาม
    วันนี้เราไม่ได้เที่ยวอะไรมากนัก เดินไปดูพวกร้านขายของที่ระลึก ส่วนใหญ่ก็จะเป็นช็อคโกแลต มีร้านขายของที่ระลึกทั่วไป เดินถ่ายรูปสถานที่ต่างๆ แล้วเราก็เดินทางกลับโดยขึ้นรถไฟจากตัวเมืองไปที่สนามบิน ใช้เวลาประมาณ 40 นาที

อาหาร
    อาหารที่วลาดีวอสตอคมีหลากหลายสไตล์ทั้งจีน ยุโรป รัสเซีย เราก็ใช้แอพ Tripadvisor ในการตัดสินใจเหมือนกัน มีหลากหลายราคา ร้านอาหารเริ่มต้นประมาณ 200 RUB ถ้า Street food จะเริ่มต้นที่ประมาณ 100 RUB เทียบกับที่ไทยแล้ว อาหารที่นี่ถือว่าค่อนข้างแพงเลยทีเดียว ร้านอาหารบางร้านไม่มีเมนูภาษาอังกฤษ เราก็ดูจากรูป หรือไม่ก็ใช้โปรแกรมแปลภาษาช่วย
-    Moonshine เป็น Bar และมีอาหารเสิร์ฟด้วย เหมาะสำหรับ dinner -    Svoy fete ร้านอาหารรัสเซีย มีเมนูภาษาอังกฤษ -    ร้านเกี๊ยว-       ร้านอาหารทั่วไป ที่สามารถเลือกอาหารได้ที่บาร์ เสร็จแล้วไปจ่ายเงินที่เคาท์เตอร์
สำหรับ street food หาซื้อได้ทั่วไป ส่วนใหญ่ที่เรากินก็ เคบับ หนึ่งอันอิ่มไปยาวๆ
สำหรับเราทริปนี้เป็นทริปที่ค่อนข้างประทับใจ จึงอยากแบ่งปันให้เพื่อนๆได้มาเห็นมุมเล็กๆของรัสเซีย เผื่อมีโอกาสจะได้แวะไปเที่ยว
และมาแบ่งปันเรื่องราวของเมืองนี้ด้วยกัน
ยิ้ม
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่