ห้องเพลง**คนรากหญ้า** พักยกการเมือง มุมเสียงเพลง มุมนี้ไม่มีสี ไม่มีกลุ่ม มีแต่เสียง 10/6/2017 - มารู้จักวง PINK FLOYD

กระทู้คำถาม

ห้องเพลงคนรากหญ้าเปิดขึ้นมามีวัตถุประสงค์ เพื่อ

1. มีพื้นที่ให้เพื่อนๆ ได้มาพบปะ พูดคุยระหว่างกัน ในภาวะที่ต้องระมัดระวังการโพสการเมืองอย่างเคร่งครัด
2. เป็นพื้นที่ พักผ่อน ลดความเครียดทางการเมือง ให้เพื่อนๆ มีกิจกรรมสนุกๆ ร่วมกัน
3. สร้างมิตรภาพและความปรองดอง ซึ่งเราหวังให้สังคมไทยเป็นเช่นนี้ แม้นคิดต่างกัน แต่เมื่อคุยกันแล้วก็เป็นเพื่อนกันเหมือนเดิม

กระทู้ห้องเพลงเป็นกระทู้เปิด มิได้ปิดกั้นผู้หนึ่งผู้ใด "ขอให้มาดี เราคือเพื่อนกัน" ซึ่งก็เหมือนกับกระทู้ทั่วไป ที่เราไม่จำเป็นต้องทราบว่า User ท่านไหนเป็นใครมาจากไหน  ...ดังนั้น หากมีบุคคลใดที่มีการโพสสิ่งผิดกฎหมายและศีลธรรมอันดีของสังคมนั้น หรือสิ่งรบกวนใดๆ ในบอร์ด เป็นเรื่องส่วนบุคคล ทางห้องเพลงจึงขอแสดงความบริสุทธิ์ใจว่าไม่มีส่วนเกี่ยวข้องทั้งสิ้น
-----------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------------
สวัสดีครับอมยิ้ม17 สมาชิกห้องเพลงทุกๆท่าน วันนี้ผม MC WANG JIE (แอ๊ด) เข้าประจำการครับอมยิ้ม36

วันนี้ จะเล่าเรื่องราวของ วงดนตรี "โปรเกรสสีฝ ร็อก" วงหนึ่ง ซึ่งมีเอกลักษณ์ที่โดดเด่นไม่เหมือนใคร เป็นวงที่ MC ชอบมากๆ จนตอนนี้ กำลังรังสรรค์บทกวีจากอัลบั้มๆหนึ่งของพวกเขาอยู่ นั่นคือ วง PINK FLOYD ครับ


พิ้งค์ ฟลอยด์ (Pink Floyd) เป็นวงดนตรีร็อก ก่อตั้งขึ้นที่กรุงลอนดอน ประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 1965 (ปีเกิดของ MC พอดี) พิ้งค์ฟลอยด์ ได้เป็นหนึ่งในผู้ทำดนตรี โพรเกรสซีฟร็อค และไซคีเดลิกร็อก อย่างโดดเด่นจนประสบความสำเร็จในระดับสากล ทั้งการแต่งเนื้อเพลงที่อิงเรื่องปรัชญาและแนวความคิดในสังคม การแต่งเพลงที่บรรเลงยาวกว่าเพลงทั่วไป และเทคนิคซาวนด์เอ็ฟเฟกต์ที่สอดแทรกในดนตรี รวมไปถึงการแสดงสดที่แสดงได้อย่างยอดเยี่ยม พิ้งค์ ฟลอยด์ ได้กลายเป็นหนึ่งในวงดนตรีที่ทรงอิทธิพลและประสบความสำเร็จด้านยอดจำหน่ายมากที่สุดตลอดกาลวงหนึ่งในประวัติศาสตร์ดนตรียอดนิยม

พิ้งค์ ฟลอยด์ได้กำเนิดขึ้นเมื่อนักศึกษาคณะสถาปัตยกรรมจากมหาวิทยาลัยเวสต์มินสเตอร์ 3 คน ได้แก่ โรเจอร์ วอเทอรส์ (มือเบส), นิค เมสัน (มือกลอง) และ ริชาร์ท ไรท์ (มือคีย์บอร์ด) พิ้งค์ ฟลอยด์ ได้รวมวงกันชั่วคราว ต่อมาได้ ซิด บาร์เร็ตต์ เข้ามาร่วมเป็นมือกีตาร์อีกคน จึงได้ตั้งวงพิ้งค์ ฟลอยด์ ขึ้นในปี ค.ศ. 1965 พวกเขาไต่เต้าชื่อเสียงขึ้นมาจากการเป็นวงดนตรีแบบ "อันเดอร์กราวนด์" ในกรุงลอนดอน ภายใต้การเป็นหัวหน้าวงของบาร์เร็ตต์ ทำให้อัลบั้มเปิดตัว The Piper at the Gates of Dawn ประสบผลสำเร็จด้วยการขึ้นชาร์ทอันดับ 6 ของอังกฤษ พร้อมกับซิงเกิลที่ได้ขึ้นชาร์ทถึง 2 ซิงเกิล เดวิด (หรือ เดฟ) กิลมอร์ ได้เข้ามาร่วมวงในเดือนธันวาคม ค.ศ. 1967 และบาร์เร็ตต์ ก็ได้ออกจากวงไปในเดือนเมษายน ค.ศ. 1968 จากปัญหาทางสุขภาพจิต วอเทอรส์ ได้กลายเป็นหัวหน้าวง โดยเป็นผู้แต่งเพลงหลัก ทั้งคิดคอนเซ็ปต์เบื้องหลังอัลบั้มต่างๆ จนประสบความสำเร็จ ไม่ว่าจะเป็น DARK SIDE OF THE MOON (1973), WISH YOU WERE เฮียร์ (1975), ANIMALS (1977), THE WALL (1979-นี่คืออัลบั้มที่ MC กำลังสร้าง "บทกวีมหากาพย์" ที่ห้องถนนนักเขียนอยู่ในขณะนี้) และ THE FINAL CUT (1983) และพิเศษโดยเฉพาะอย่างยิ่งอัลบั้ม DARK SIDE OF THE MOON ได้ติดอันดับชาร์ทของบิลบอร์ด ต่อเนื่องยาวนานถึง 741 สัปดาห์ หรือเกือบ 14 ปี ระหว่าง ค.ศ. 1973 - 1988 ทำให้อัลบั้มนี้ได้กลายเป็นอัลบั้มที่มียอดจำหน่ายสูงที่สุดอันดับ 2 ตลอดกาลอีกด้วย

แต่ถึงแม้ว่ามีความสำเร็จและชื่อเสียงที่โด่งดัง แต่ภายในวงพิ้งค์ฟลอยด์ กลับเกิดปัญหาที่ตึงเครียด จน ไรท์ ได้ออกจากวงไปในปี ค.ศ. 1979 ตามมาด้วยวอเทอรส์ ในปี ค.ศ. 1985 จนเหลือเพียง กิลมอร์ และ เมสัน ซึ่งยังคงอยู่กับวงต่อไป จนไรท์ ได้กลับมาร่วมเป็นครั้งคราว สมาชิกทั้ง 3 ได้ออกอัลบั้มเพิ่มเติมอีก 2 อัลบั้ม คือ A MOMENTARY LAPSE OF REASON (1987) และ THE DIVISION BELL (1994) และได้ทำการทัวร์จนถึงปี ค.ศ. 1994 ในที่สุด วอเทอรส์ก็กลับมาร่วมวง ในปี ค.ศ. 2005 ในการแสดงสดคอนเสิร์ตไลฟ์เอท (LIVE 8) เพียงงานเดียว แต่เขาก็ไม่ได้คิดที่จะร่วมวงอีกต่อไป จนบาร์เร็ตต์ได้เสียชีวิตลงปี ค.ศ. 2006 และไรท์ในปี ค.ศ. 2008 พิ้งค์ ฟลอยด์ได้ออกสตูดิโออัลบั้มอีกครั้งในชื่อ THE ENDLESS RIVER (2014) ซึ่งอัลบั้มนี้ ก็ไม่มีวอเทอรส์ร่วมบันทึกเสียง แต่ในส่วนอัลบั้ม เป็นการนำดนตรีที่เคยร่วมทำไว้มาทำต่อ ซึ่งได้ทิ้งไว้ตั้งแต่ปี ค.ศ. 1993-94
อัลบั้ม THE WALL และเพลง Another Brick In The Wall (Part 2)

Another Brick In The Wall (Part 2) เป็นเพลงที่ฮิตมากๆของวง Pink Floyd ในอัลบั้ม THE WALL เพลงนี้เคยขึ้นอันดับ 1 มาแล้วทั่วโลกในปี 1979-1980 มีนักวิจารณ์กล่าวว่า "จะว่าไปมันก็เป็นเพลงที่ลักลั่นย้อนแย้งเอาการ เพราะมันเป็นเพลงที่มีจังหวะสนุก แต่เนื้อหานั้นสุดแสนจะเคร่งเครียด แถมมันเป็นเพลงที่ใครต่อใครยกให้เป็นเหมือนลายเซ็นของวง Pink Floyd แต่สำหรับแฟนพันธุ์แท้แล้ว นี่เป็นเพลงที่ทั้งแปลกแยกและไม่ใช่เพลงที่ดีที่สุดของพวกเขาเลย!" เอาอะไรมาเป็นตัววัดก็ไม่รู้นะครับ อาจจะเป็น อัลบั้มชุดเก่าๆก่อนหน้านั้นโดยเฉพาะ DARK SIDE OF THE MOON มาเป็นตัวเทียบกระมัง ? แต่ในความเห็นส่วนตัวของ MC เห็นว่า THE WALL มันกินใจมากกว่า "ด้านมืดของพระจันทร์" และเห็นว่า ที่ใครต่อใครหลายคนบอกว่าเพลง Another Brick In The Wall (Part 2) เป็นเหมือนลายเซ็นของวง Pink Floyd นั้น ก็สมควรแล้ว!!! และไม่ใช่เฉพาะเพลงนี้เพลงเดียว แต่เป็นหมดทั้งอัลบั้ม ทุกเพลง!!! แต่เพลงนี้มันติดหูคนฟังทันทีตั้งแต่แรกได้ยินได้ฟัง มันก็เลยดูโดดเด่นเป็นพิเศษเท่านั้นเอง!!!

            Roger Waters มือเบสและนักร้องนำ คีย์แมนผู้แต่งเพลงนี้ กล่าวว่า “ผมแต่งเพลงนี้เพื่อเสียดสี เพราะที่จริงแล้วผมเป็นคนที่เห็นความสำคัญของการศึกษาอย่างมาก… แต่ในสมัยที่ผมเรียน การศึกษาภาคบังคับในยุค ’50 มันเป็นการบังคับขู่เข็ญ และมันจำเป็นต้องมีการขบถต่อต้าน… เพลงนี้ไม่ได้พุ่งเป้าไปที่ครูอย่างเดียว แต่ยังสื่อไปถึงการเป็นขบถต่อรัฐบาลที่ชั่วช้า การต่อต้านคนที่มีอำนาจเหนือคุณ พวกคนผิด นั่นล่ะคือสิ่งที่คุณจำเป็นจะต้องต่อต้าน !!!

          Another Brick In The Wall เป็นเพลงแบบไตรภาค โดย Part 1 เป็นการเกริ่นที่คลอด้วยเสียงร้องและกีตาร์โซโลเบาๆ ทำนองขับเคลื่อนไปอย่างเนิบๆ เนื้อหาเกี่ยวกับตัวเอก พิ้งค์ (ซึ่งที่แท้คือตัวของ โรเจอร์ วอเทอร์ เองนั่นแหละ) ที่เติบโตขึ้นและค้นพบว่า พ่อของตัวเองตายไปเพราะสงคราม พิ้งค์รู้สึกสะเทือนใจ และเริ่มสร้างกำแพง, Part 2 มีท่วงทำนองกระฉับกระเฉงแบบดิสโก้ และนอกจากเสียงร้องของ Waters และเพื่อนร่วมวงแล้ว ยังมีเสียงบงการดุๆ ของครู ปะทะกับเสียงประสานของนักเรียนเป็นระยะๆ เนื้อหาตอนสองคือ หลังจากที่ถูกครูถากถาง พิงค์ ก็ฝันว่านักเรียนในโรงเรียนลุกฮือประท้วงพวกครูใจทราม และ Part 3 เป็นส่วนที่สั้นแต่ดุดันที่สุดในแบบฮาร์ดร็อค ดนตรีเร่งเร้า เสียงร้องแผดกร้าว เนื้อหาของตอนสุดท้าย พิงค์เดือดดาลเมื่อพบว่าภรรยานอกใจ เขาลงมือก่อกำแพงจนสำเร็จ เขาปิดกั้นตัวเองโดยสมบูรณ์ และมองทุกคนที่ผ่านมาในชีวิตเป็นแค่ก้อนอิฐในกำแพงนั้น…

อัลบั้ม The Wall ออกจำหน่ายในปลายปี 1979 มันเป็นคอนเซ็ปต์อัลบั้มที่เพลงทุกเพลงจะมีความต่อเนื่องเชื่อมโยงกัน โดย Roger Waters และโปรดิวเซอร์ Bob Ezrin เริ่มต้นด้วยการเขียนสคริปต์ 40 หน้าที่ว่าด้วยเรื่องราวของ "พิ้งค์" ตัวเอกที่มีความซับซ้อนทางอารมณ์ ซึ่งเป็นตัวละครที่ได้รับแรงบันดาลใจส่วนหนึ่งมาจากชีวิตจริงของ Waters นั่นเอง! (โดยพ่อของ Waters ก็เสียชีวิตในสงครามโลกครั้งที่สอง) และนอกจากนี้บางเพลงยังมีการอ้างอิงไปถึง Syd Barrett สมาชิกยุคก่อตั้งของ Pink Floyd ที่จำต้องอำลาวงไปเพราะอาการป่วยทางจิตจากการใช้ยาอย่างหนัก (เพลงที่ว่านั้นคือ COMFORTABLY NUMB-MC)

เนื้อเรื่องย่อของอัลบั้ม The Wall คือ พิ้งค์ มีวัยเด็กที่ทุกข์ทน เพราะแม่โอ๋เค้ามากจนเกินไป และครูที่โรงเรียนก็คอยกลั่นแกล้งทำร้ายเค้า ทำให้พิ้งค์มีปมด้อย และเริ่มก่อกำแพงในใจ เขาเติบใหญ่ขึ้นมาเป็นร็อคสตาร์ แต่ชีวิตคู่ของเค้ากลับมีปัญหาเพราะการนอกใจ การใช้ยา และการใช้ความรุนแรง และนั่นทำให้พิ้งค์ ตัดสินใจสร้างกำแพงปิดกั้นตัวเองจากโลกภายนอก… แต่หลังจากนั้นวิกฤติของพิงค์กลับยิ่งทวีคูณ โดยเค้าตกอยู่ในภวังค์ สร้างภาพหลอนว่าตนเป็นผู้นำเผด็จการลัทธินีโอนาซีผู้เกรี้ยวกราด ที่พร้อมจะส่งไพร่พลไปลงมือกับสาวกคนที่เค้าเห็นว่าไร้ค่า… ซึ่งสุดท้ายแล้วพิ้งค์ที่ทุกข์ทรมานกับความรู้สึกผิดบาป ก็ถูกมโนสำนึกพิพากษาให้เขา "ทลายกำแพงลงเสีย" และเปิดทางให้พิ้งค์ กลับออกไปสู่โลกแห่งความเป็นจริง

ดังนั้นแท้ที่จริง อัลบั้ม The Wall เป็นเหมือนกระจกที่สะท้อนปัญหาชีวิตของ Roger Waters และวง Pink Floyd นั่นเอง! โดยแรงบันดาลใจแรกเริ่มมาจากการที่ช่วงหนึ่งทางวงกำลังมีปัญหากับการออกทัวร์ พวกเขาเหนื่อยหน่ายกับความกดดันที่ถาโถมเข้ามาและความคลั่งไคล้อย่างเกินขอบเขตของแฟนๆ จนกระทั่งครั้งหนึ่ง Waters เหลืออดและถ่มน้ำลายใส่แฟนเพลงข้างเวทีที่โหวกเหวกโวยวายสร้างความรำคาญให้กับเขา! และนั่นทำให้ Waters นึกถึงการสร้างกำแพงเว้นช่องว่างระหว่างศิลปินกับแฟนเพลง… เท่านั้นยังไม่พอ Waters ยังได้ก่อกำแพงขึ้นในวง Pink Floyd ของเขาเองอีกด้วย! Waters ที่สวมบทบาทหัวหน้าวงนับตั้งแต่เมื่อ Syd Barrett จากไป ยิ่งนานวันอัตตาของเขาก็ยิ่งล้นจนไปครอบงำเพื่อนสมาชิกคนอื่นเสียหมด Waters นั้นเป็นคนกำหนดทิศทางวงและแต่งเพลงเองแทบทั้งหมด จนทำให้บางครั้งเพื่อนร่วมวงรู้สึกว่า Waters ไม่ให้ความสำคัญกับพวกเขาเลย และปฏิบัติกับพวกเขาเหมือนเป็นแค่วงแบ็คอัพ! ในการอัดอัลบั้ม “The Wall” นั้น บรรยากาศเป็นไปอย่างตึงเครียด และ Waters ชอบไปกดดันไล่บี้มือคีย์บอร์ด Richard Wright ที่เขาคิดว่าไม่ทุ่มเทให้กับวง จนสุดท้าย Wright ถูกบีบให้ลาออกจากวงและถูกลดชั้นลงมาเป็นนักดนตรีรับจ้าง!… แต่สุดท้ายแล้ว Waters กลับต้องเป็นฝ่ายไปเสียเอง! หลังอัลบั้มต่อมา “The Final Cut” (1983) สถานการณ์ความขัดแย้งก็มาถึงขีดสุด Waters หมางเมินกับเพื่อนๆ จนเขาต้องยอมถอนตัวออกไปอย่างเคียดแค้นในปี 1985 (ขณะที่ Wright ถูกดึงกลับมาร่วมงานในปี 1987) จนกระทั่ง 24 ปีให้หลัง… ในปี 2005 Waters ได้กลับมารวมตัวกับเพื่อนๆ Pink Floyd อีกครั้งในคอนเสิร์ตเพื่อการกุศล Live 8 และนั่นก็เป็นแค่ครั้งเดียวในหนหลังที่มี Waters อยู่ด้วย! (แม้แต่ในคอนเสิร์ตไว้อาลัย Syd Barrett ที่ลอนดอนเมื่อปี 2007 Waters ยังขึ้นแสดงต่างหากแยกจากวง Pink Floyd)

พิ้งค์ ฟลอยด์ ได้รับการบรรจุเข้าสู่หอเกียรติยศ (HALL OF FAME) ร็อกแอนด์โรลของสหรัฐอเมริกาในปี ค.ศ. 1996 และหอเกียรติยศทางดนตรีประเทศอังกฤษ ในปี ค.ศ. 2005 อ้างอิงจากข้อมูลจากปี ค.ศ. 2013 วงพิ้งค์ ฟลอยด์ ได้จำหน่ายอัลบั้มไปแล้วกว่า 250 ล้านชุด ทั่วโลก เฉพาะในสหรัฐอเมริกาประเทศเดียวขายได้กว่า 75 ล้านชุด

จบเรื่องราวของ พิ้งค์ฟลอยด์ เพียงเท่านี้ครับ
เครดิตจาก https://th.wikipedia.org/wiki/%E0%B8%9E%E0%B8%B4%E0%B8%87%E0%B8%81%E0%B9%8C_%E0%B8%9F%E0%B8%A5%E0%B8%AD%E0%B8%A2%E0%B8%94%E0%B9%8C,http://drunkart.blogspot.com/2013/09/pink-floyd-70.html
แก้ไขข้อความเมื่อ
คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 18

กระทู้ "มหากาพย์ กำแพงกั้นชีวิต" 2 ภาค ที่ห้องกวีครับ (ภาค 2 เพิ่งตั้งวันนี้)

https://ppantip.com/topic/36539715

https://ppantip.com/topic/36551839/

ใครไปอ่านก็ขอคะแนนโหวดให้ภาค 2 ด้วยนะจ๊ะ อมยิ้ม04
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่