เมื่อวันศุกร์ในวิชา philosophy เราได้สนทนากันในห้องเรียนเกี่ยวกับตำนานของ Sisyphus พระราชาที่แสนจะฉลาดปราชญ์เปรื่อง ที่ถูกเทพเจ้าลงโทษให้กลิ้งหินก้อนใหญ่ขึ้นไปบนเขา แล้วพอถึงยอดเขา ก้อนหินที่เขากลิ้งขึ้นมาด้วยความยากลำบาก ก็จะกลิ้งลงมาอยู่ที่ปลายเขาเพื่อให้เขาเดินลงมากลิ้งมันกลับขึ้นไปใหม่ ไม่รู้จักจบสิ้น เราคิดว่าตำนานของ Sisyphus สามารถบอกความเป็นมนุษย์ได้อย่างน่าสนใจทีเดียว....
อ้างอิง:
http://www.gabriele-quinque.de/sisyphos-im-amt.html
อันนี้ครูเราวาดเอง 555
การกลิ้งหินของซิซิฟัสก็เปรียบเสมือนกับชีวิตของมนุษย์เราทุกคน เราไม่ได้เลือกที่จะเกิดมา แต่เราถูก "โยน" ลงมาบนโลกเอง ก็เหมือนกับที่ ซิซิฟัสที่ถูกเทพเจ้า "โยน" บทลงโทษให้กับเขา
มนุษย์เราใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ต่อสู้ ดิ้นรนทำทุกอย่าง ทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด ทำหน้าที่ที่เราต้องทำในสังคม โดยที่ตัวเราเองอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการกลิ้งหินก้อนมโหฬารจากตีนเขาขึ้นไปบนภูเขาในตอนแรก
มันทั้งหนัก ต้องใช้แรงกายมหาศาล ซึ่งเรียกได้ว่านี่คือ
"การทรมาน" ทั้งทรมานกับความเหนื่อยล้าทางกายอย่างหนัก และทรมานกับการยังมองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งนั่นเป็นบ่อเกิดของความสิ้นหวังในการทำสิ่งๆหนึ่ง...
จุดเปลี่ยนของทุกอย่างอยู่บนยอดเขา ทันทีที่อยู่บนยอดเขา ซิซิฟัสก็สัมผัสได้ว่าก้อนหินมันเบาลงอย่างเห็นได้ชัด เขารับรู้ และ เข้าใจ ถึงสถานการณ์ได้ในทันที เขารู้ทันทีว่าก้อนหินที่เขาเพียรพยายามกลิ้งขึ้นมาอย่างยากลำบาก กำลังจะต้องกลิ้งตกเขาไป เขารู้ว่าความเพียรพยายามที่เขามีมาทั้งหมดกำลังจะสูญเปล่า การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของเขามัน "ไม่มีความหมาย" มันเป็นการกระทำที่สูญเปล่า เปรียบได้กับมนุษย์เรา เมื่อเราใช้ชีวิตไปได้สักระยะหนึ่ง เราจะเริ่มถามหาความหมายของมัน "ฉันไปโรงเรียนเพื่ออะไร?" "ฉันทำงานที่บริษัทนี้ ในตำแหน่งนี้ไปทำไม?" ในตอนแรกมนุษย์จะรู้ซึ้งถึง "การสูญเปล่าในการกระทำ" ของพวกเขา เพราะสุดท้ายแล้วทุกๆอย่าง ทุกๆการกระทำของมนุษย์ก็คือวงโคจรที่ไม่มีวันจบสิ้น ตราบใดที่ชีวิตของพวกเรายังไม่สิ้นสุด...
แล้วถ้าทุกๆอย่างสุดท้ายแล้วมันสูญเปล่า แล้วเราจะมีความสุขได้ยังไงล่ะ? ซิซิฟัสมีความสุขกับการกลิ้งหินอย่างไม่มีวันจบสิ้นหรือเปล่า?
สำหรับเราความสุขของซิซิฟัส ก็คือการรับรู้ในสถานการณ์นั่นแหละ การรับรู้ว่าก้อนหินที่เขาใช้พละกำลังแรงกายทั้งหมด เพียรพยายามกลิ้งมันขึ้นมากำลังจะกลิ้งตกลงไปจากยอดเขา ความสุขในที่นี้คือ การรับรู้ว่า "เมื่อเลยยอดเขาไป ก้อนหินมันจะกลิ้งลงเขาด้วยตัวมันเอง ฉันจะไม่ต้องเสียแรงไปกลิ้งมันลงเขาอีก" นี่คือความรู้สึกมีความสุขในทุกครั้งๆที่ซิซิฟัสรู้สึกทุกครั้งที่กลิ้งหินไปได้ถึงยอดเขา!
ถึงซิซิฟัสจะรับรู้ถึง "Absurdity" ของการการกระทำของตัวเอง ว่าสุดท้ายแล้วการกระทำของเขา มันไม่ได้มีความหมายอะไร มันสูญเปล่า แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่ซิซิฟัสยังมีอยู่ก็คือ "อิสระ"
อิสระอะไร? การถูกทำโทษให้ต้องกลิ้งหินไม่มีวันจบสิ้นน่ะหรออิสระ?
แน่นอน ซิซิฟัสมีอิสระ มันคืออิสระทางความคิด เมื่อ
ซิซิฟัสรับรู้ถึง "โชคชะตาของเขา" เขาสามารถที่จะ "ยอมรับ และ อยู่กับมัน" ได้ เขามีอิสระที่เต็มที่ในการให้มุมมองสิ่งที่เขากำลังเผชิญ เพราะฉะนั้น ซิซิฟัสที่มีความสุขจะไม่คิดว่า "ฉันกำลังกลิ้งก้อนหินที่จะต้องถูกกลิ้งไปแบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น" แต่เขาจะคิดแบบที่เราบอกไปข้างบน และด้วยอิสระที่เขามีนี่เองที่ทำให้เขา "ชนะ" โชคชะตา ของตัวเอง โชคชะตาที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้ แต่ซิซิฟัสสามารถกำหนดตัวเอง และเลือกที่จะมีความสุขกับโชคชะตานั้นได้...
ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของมนุษย์ การมองเห็นถึง "Absurdity" ของโลก อาจจะหมายถึงโศกนาฏกรรมสำหรับมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกัน การรับรู้นั้นจะมาพร้อมกับการยอมรับในสถานการณ์ ในโชคชะตาของตัวเอง และอยู่กับมันให้ได้โดยปรับวิสัยทัศน์ทางความคิด นั่นจะทำให้เราค้นพบอิสระที่เรามีอยู่ในมือ อิสระที่จะทำให้โชคชะตาที่เรากำหนดไม่ได้ กลายเป็นโชคชะตาในมือของเราเอง อิสระทางความคิดที่เรามีเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรารับรู้ถึงความสุขที่ปลายเขาได้ในที่สุด...
สุดท้ายนี้เราอยากจะตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออยากให้ทุกๆคนลองหยุด "คิด" ถึงความสุขในการใช้ชีวิตดูบ้าง ลอง "ถาม" หาความสุขของชีวิตดูบ้าง โดยเฉพาะหลายๆคนที่อาจจะยังไม่เคยลองถามตัวเองเลยด้วยซ้ำว่า อันนี้ทำไปทำไม? เขาเหล่านั้นอาจจะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังกลิ้งหินขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆอยู่ทั้งชีวิต ซึ่งการไม่รับรู้เป็นสิ่งที่อันตรายนะ เพราะการรับรู้ในการกระทำของตัวเองมันเหมือนเป็น step แรกในการก้าวไปหาความสุข มันเป็นสิ่งที่สำคัญ
มนุษย์เราไม่ใช่ machines ที่แค่ function ไปเรื่อยๆ
ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ที่มนุษย์เรามัวแต่ "function" แทน "live" จนทำให้หลายๆคนอาจจะลืมให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่อง "ความสุข" ไป
แล้วคุณล่ะ มองเห็นความสุขของการกลิ้งหินขึ้นภูเขาแล้วหรือยัง?
ความสุขในการกลิ้งหินของซิซิฟัส(Sisyphus)
อ้างอิง: http://www.gabriele-quinque.de/sisyphos-im-amt.html
อันนี้ครูเราวาดเอง 555
การกลิ้งหินของซิซิฟัสก็เปรียบเสมือนกับชีวิตของมนุษย์เราทุกคน เราไม่ได้เลือกที่จะเกิดมา แต่เราถูก "โยน" ลงมาบนโลกเอง ก็เหมือนกับที่ ซิซิฟัสที่ถูกเทพเจ้า "โยน" บทลงโทษให้กับเขา
มนุษย์เราใช้ชีวิตด้วยความยากลำบาก ต่อสู้ ดิ้นรนทำทุกอย่าง ทุกวิถีทางเพื่อความอยู่รอด ทำหน้าที่ที่เราต้องทำในสังคม โดยที่ตัวเราเองอาจจะยังไม่รู้ตัวด้วยซ้ำว่ากำลังทำอะไรอยู่ ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับการกลิ้งหินก้อนมโหฬารจากตีนเขาขึ้นไปบนภูเขาในตอนแรก
มันทั้งหนัก ต้องใช้แรงกายมหาศาล ซึ่งเรียกได้ว่านี่คือ
"การทรมาน" ทั้งทรมานกับความเหนื่อยล้าทางกายอย่างหนัก และทรมานกับการยังมองไม่เห็นจุดหมายปลายทาง ซึ่งนั่นเป็นบ่อเกิดของความสิ้นหวังในการทำสิ่งๆหนึ่ง...
จุดเปลี่ยนของทุกอย่างอยู่บนยอดเขา ทันทีที่อยู่บนยอดเขา ซิซิฟัสก็สัมผัสได้ว่าก้อนหินมันเบาลงอย่างเห็นได้ชัด เขารับรู้ และ เข้าใจ ถึงสถานการณ์ได้ในทันที เขารู้ทันทีว่าก้อนหินที่เขาเพียรพยายามกลิ้งขึ้นมาอย่างยากลำบาก กำลังจะต้องกลิ้งตกเขาไป เขารู้ว่าความเพียรพยายามที่เขามีมาทั้งหมดกำลังจะสูญเปล่า การกระทำทุกสิ่งทุกอย่างของเขามัน "ไม่มีความหมาย" มันเป็นการกระทำที่สูญเปล่า เปรียบได้กับมนุษย์เรา เมื่อเราใช้ชีวิตไปได้สักระยะหนึ่ง เราจะเริ่มถามหาความหมายของมัน "ฉันไปโรงเรียนเพื่ออะไร?" "ฉันทำงานที่บริษัทนี้ ในตำแหน่งนี้ไปทำไม?" ในตอนแรกมนุษย์จะรู้ซึ้งถึง "การสูญเปล่าในการกระทำ" ของพวกเขา เพราะสุดท้ายแล้วทุกๆอย่าง ทุกๆการกระทำของมนุษย์ก็คือวงโคจรที่ไม่มีวันจบสิ้น ตราบใดที่ชีวิตของพวกเรายังไม่สิ้นสุด...
แล้วถ้าทุกๆอย่างสุดท้ายแล้วมันสูญเปล่า แล้วเราจะมีความสุขได้ยังไงล่ะ? ซิซิฟัสมีความสุขกับการกลิ้งหินอย่างไม่มีวันจบสิ้นหรือเปล่า?
สำหรับเราความสุขของซิซิฟัส ก็คือการรับรู้ในสถานการณ์นั่นแหละ การรับรู้ว่าก้อนหินที่เขาใช้พละกำลังแรงกายทั้งหมด เพียรพยายามกลิ้งมันขึ้นมากำลังจะกลิ้งตกลงไปจากยอดเขา ความสุขในที่นี้คือ การรับรู้ว่า "เมื่อเลยยอดเขาไป ก้อนหินมันจะกลิ้งลงเขาด้วยตัวมันเอง ฉันจะไม่ต้องเสียแรงไปกลิ้งมันลงเขาอีก" นี่คือความรู้สึกมีความสุขในทุกครั้งๆที่ซิซิฟัสรู้สึกทุกครั้งที่กลิ้งหินไปได้ถึงยอดเขา!
ถึงซิซิฟัสจะรับรู้ถึง "Absurdity" ของการการกระทำของตัวเอง ว่าสุดท้ายแล้วการกระทำของเขา มันไม่ได้มีความหมายอะไร มันสูญเปล่า แต่ในขณะเดียวกันสิ่งที่ซิซิฟัสยังมีอยู่ก็คือ "อิสระ"
อิสระอะไร? การถูกทำโทษให้ต้องกลิ้งหินไม่มีวันจบสิ้นน่ะหรออิสระ?
แน่นอน ซิซิฟัสมีอิสระ มันคืออิสระทางความคิด เมื่อ
ซิซิฟัสรับรู้ถึง "โชคชะตาของเขา" เขาสามารถที่จะ "ยอมรับ และ อยู่กับมัน" ได้ เขามีอิสระที่เต็มที่ในการให้มุมมองสิ่งที่เขากำลังเผชิญ เพราะฉะนั้น ซิซิฟัสที่มีความสุขจะไม่คิดว่า "ฉันกำลังกลิ้งก้อนหินที่จะต้องถูกกลิ้งไปแบบนี้ไม่มีวันจบสิ้น" แต่เขาจะคิดแบบที่เราบอกไปข้างบน และด้วยอิสระที่เขามีนี่เองที่ทำให้เขา "ชนะ" โชคชะตา ของตัวเอง โชคชะตาที่ดูเหมือนจะเป็นสิ่งที่กำหนดไม่ได้ แต่ซิซิฟัสสามารถกำหนดตัวเอง และเลือกที่จะมีความสุขกับโชคชะตานั้นได้...
ซึ่งก็ไม่ต่างอะไรกับชีวิตของมนุษย์ การมองเห็นถึง "Absurdity" ของโลก อาจจะหมายถึงโศกนาฏกรรมสำหรับมนุษย์ แต่ในขณะเดียวกัน การรับรู้นั้นจะมาพร้อมกับการยอมรับในสถานการณ์ ในโชคชะตาของตัวเอง และอยู่กับมันให้ได้โดยปรับวิสัยทัศน์ทางความคิด นั่นจะทำให้เราค้นพบอิสระที่เรามีอยู่ในมือ อิสระที่จะทำให้โชคชะตาที่เรากำหนดไม่ได้ กลายเป็นโชคชะตาในมือของเราเอง อิสระทางความคิดที่เรามีเป็นสิ่งสำคัญที่จะทำให้เรารับรู้ถึงความสุขที่ปลายเขาได้ในที่สุด...
สุดท้ายนี้เราอยากจะตั้งกระทู้นี้ขึ้นมาเพื่ออยากให้ทุกๆคนลองหยุด "คิด" ถึงความสุขในการใช้ชีวิตดูบ้าง ลอง "ถาม" หาความสุขของชีวิตดูบ้าง โดยเฉพาะหลายๆคนที่อาจจะยังไม่เคยลองถามตัวเองเลยด้วยซ้ำว่า อันนี้ทำไปทำไม? เขาเหล่านั้นอาจจะยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่าตัวเองกำลังกลิ้งหินขึ้นภูเขาไปเรื่อยๆอยู่ทั้งชีวิต ซึ่งการไม่รับรู้เป็นสิ่งที่อันตรายนะ เพราะการรับรู้ในการกระทำของตัวเองมันเหมือนเป็น step แรกในการก้าวไปหาความสุข มันเป็นสิ่งที่สำคัญ
มนุษย์เราไม่ใช่ machines ที่แค่ function ไปเรื่อยๆ
ยิ่งในยุคปัจจุบันนี้ที่มนุษย์เรามัวแต่ "function" แทน "live" จนทำให้หลายๆคนอาจจะลืมให้ความสำคัญกับประเด็นเรื่อง "ความสุข" ไป
แล้วคุณล่ะ มองเห็นความสุขของการกลิ้งหินขึ้นภูเขาแล้วหรือยัง?