อายุจะ 25 แต่ขับมอไซต์ไม่เป็น

ไม่รู้จะมีคนเหมือนเราไหม เราขับมอไซค์ไม่ได้ จะว่าได้ก็ไม่แน่ใจ ขนาดเป็นแบบเขาเรียกอะไร ออโต้ๆ มันอธิบายความรู้สึกไม่ถูก แทนที่เราจะกลัวจักรยานมากกว่า เพราะเท้าเราเคยโดนล้อจักรยานปั่น ถือเป็นอุบัติเหตุร้ายแรงมากสำหรับเราตอนนั้นอายุ5ขวบเอง จนถึงตอนนี้เราก็จะปวดเท้าข้างขวาที่เคยโดนจักรยานเสมอเวลาเดิน หรือ วิ่ง เยอะๆ แต่เราก็ชอบ ก็รักจักรยาน ส่วนมอไซต์หรอ เราไม่เคยเจ็บปวดจากเจ้าสิ่งนี้เลย จะมีก็แต่ตอนที่เรียน ม.ต้น จะมีเพื่อนบ้าน เขาหัดขับรุมอไซต์นี้แหร๊ะให้ลูกเขาตอนนั้นลูกเขาพึ่ง ป.1 เขาจะพูดกระแหนะกระแหน่เสมอว่าคนที่ขับรถไม่เป็น ปั่นแต่จักรยานเป็น อนาคตเขาจะลำบาก ไปทำงานก็ไม่ได้ เรียนก็ไม่จบ นี้คือสิ่งที่เขาสอนลูกเขา แต่มักพูดกระทบเรา เราเลยตั้งใจว่าไม่หัด และไม่แตะมอไซต์ เวลาไปเรียนก็ขึ้นรถรับส่ง ไปกับเพื่อนบ้าง น้องบ้าง ถ้าไปซื้อของก็จักรยาน เดินบ้าง พอโตมาหน่อยก็เข้ามหาลัย ไปเรียนไกลบ้าน เราก็อยู่หอใกล้มหาลัยไปเรียนก็เดินไป เพื่อนมารับบ้าง รถโดยสารบ้าง ไม่ค่อยได้กลับบ้าน เพราะอยู่ไกล เปลืองค่ารถ จนเราเรียนจบ เราถึงหัดขับ เราพยายามหัดขับ มอไซต์น้องสาวเรา เป็น Honda Scoopy I เราพยายามอยู่เป็นอาทิตย์ ก็ไม่ค่อยคล่อง มันยากมากเลย เราว่าเรียนหนังสือมันง่ายกว่าขับเจ้ารถเครื่องนี้อีกนะ มีวันนึงที่เราขับไปซื้อของกับหลานตัวน้อยให้หลานซ้อนไปด้วยก็ไปทางตรงนี้แหร๊ะไปค่อยๆ พอตอนจะโค้งรถกลับเราคงกะมุม ตีวงโค้งไม่ดีรถเลยชนกับกำแพงวัด เราไม่เจ็บนะ แต่หลานน้อยเราตกรถเป็นแผลถลอก หลังจากนั้นเราก็ไม่จับเจ้ารถเครื่องอีกเลย ส่วนเพื่อนบ้าน เขาก็มาถามแม่เราว่าเราขับรถไม่เป็น เป็นแต่จักรยานทำไมเราเรียนจบ ได้งานดีๆทำ แล้วทำไมใครๆก็บอกว่าเราเรียนเก่ง แม่เราเลยเลยตอบไปว่า เราจะขับรถเป็นไม่เป็ฯไม่สำคัญ แต่สำคัญที่ทุกวันนี้ลูกทุกคนดูแลตัวเองเป็นก็พอ และไม่ได้เอาลูกไปเปรียบกับใคร เราได้ยินแล้วก็ยิ้ม สะใจเบาๆ แต่จนถึงตอนนี้เราก็ยังขับไม่เปผ้น ก็เป็นอยู่เวลาขับคนเดียวแต่ได้แค่ทางตรง พอโค้งทีไรก็แหกโค้งทุกที55555555555
         รวมๆก็ไม่ได้เกี่ยวกันนะ แต่เราชอบเรื่องนี้ของตัวเอง เพราะการเปรียบเทียบกันมีทุกชนชั้น มีทุกแบบ เราไม่เปรียบเขา เขาก็มาเปรียบเรา ประเภทลูกชั้นดีกว่าลูกเทอ พบได้ทุกสังคม และอยู่ที่ตัวบุคคล พ่อแม่ให้ชีวิตเรา เราได้รับการศึกษา เราก็ต้องคิดพิจารณาไตร่ตรองแยกแยะ เลือกทางของเราเอง ว่าเราจะเป็นอย่างคนว่า หรือเราจะเป็นในสิ่งที่ตรงข้าม คนที่เปรียบเทียบเรา ที่ว่าเรา เขาแค่อิจฉา กลัวว่าเราจะได้ดีกว่า แต่เราก็ไม่ต้องไปอิจฉาเขา ถ้าเอาความรู้สึกจริงๆ เราในตอนนั้น ช่วงเรียน ม.ต้น-มหาลัย เราก็มีโกรธ มีอะไรวะกับเพื่อนบ้านเหมือนกัน ที่เขามาแขวะเราตลอด แต่พอวันนี้เราก็มาคิดดูแล้ว มันก็เปล่าประโยนช์ที่จะคิดเคืองเขา ต้องขอบคุณเขามากกว่าเพราะเขาคือครูที่เป็นบททดสอบชีวิตวัยรุ่นให้กับตัวเราเอง

สวัสดี
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่