ความแตกต่างของชีวิตกับความสำคัญของความรู้
The difference of life and the importance of knowledge.
การได้เห็นโลกมากขึ้นทำให้เราได้พบผู้คนที่หลากหลาย
และสิ่งนี้เองคือคำตอบว่าทำไมชีวิตของแต่ละคนถึงต่างกัน
หากแยกความแตกต่างตามการใช้ชีวิตจะประมาณนี้
1.จนมากไม่มีอะไรจะกินมีหนี้ท่วมหัว (ทำงานเยี่ยงทาส)
2.อดมื้อกินมื้อชีวิตลำบาก (หาเช้ากินค่ำ)
3.พอมีจะกิน แต่ภาระเยอะ (มนุษย์ทั่วไป)
4.มีเงินเหลือเก็บวางแผนเผื่ออนาคต (คนที่รู้จักพัฒนา)
5.พัฒนามาถึงขั้นที่ต้องการจะแบ่งปัน
"กลุ่มแรก" มักโทษโชคชะตาของชีวิต
ระดับการเรียนรู้ชีวิตน้อยมากๆ ทั้งในและนอกห้อง
ทำให้ไม่รู้วิธีหารายได้มาใช้จ่าย จะทำงานก็ไม่มีความรู้
ไม่รู้จักการคิดวางแผนครอบครัวเอาตัวรอดไม่เป็น
"กลุ่มสอง" เอาตัวรอดได้แล้วแต่มีภาระติดมาด้วย "ลูก"
ด้วยความที่ไม่มีความรู้ด้านการวางแผนครอบครัว
แต่ขยันนะมีงานอะไรทำแล้วได้เงินทำหมด
"กลุ่มสาม" เรียนจบมาแล้วมีงานประจำทำรายได้มั่นคง
แต่ไม่เคยเรียนรู้ "นอกห้อง" มีความสามารถคือหาเงินได้
ที่นี้หากใช้เงินเป็นจะอัพขึ้นมาขั้นสี่ ไม่เป็นก็ลงมาขั้นสอง
พออยู่กลุ่มนี้ไปสักพักก็มี "ลูก" ตัวแปรสำคัญที่สุด
"ขยายความกลุ่มสาม"
หากไม่รู้จักชีวิตเยอะพอไม่สามารถอธิบายให้ลูกเข้าใจได้
ทำแค่สั่งกับสอนความกดดันเขาจะมีมากจนไม่ฟังคุณ
เขาจะหาคนที่เข้าใจเขาแทนนั่นคือ "เพื่อน"
แล้วเพื่อนเขาคือใคร? คนที่ใช้ชีวิตมาสิบกว่าปีเท่ากัน
ยังขอเงินพ่อแม่เหมือนกันมีปัญหาคล้ายๆกันด้วย
พอขาดความรักเขาก็มาสนใจเพศตรงข้ามเร็วเกินไป
ชีวิตของเขาเริ่มมีปัญหาคนกลุ่มที่สามจะโทษว่าลูกไม่ดี
ในทางตรงกันข้ามเขาพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้ทันโลก
เขาใช้ประสบการณ์และชีวิตเลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ
ลูกเขาไม่ขาดความรักมุ่งหน้าหาอนาคตที่สดใส
พร้อมทั้งเรียนรู้ "นอกห้อง" ไปพร้อมๆกัน
แต่ในยุคนี้บางสิ่งบางอย่างได้เปลี่ยนไปด้วยอินเทอร์เน็ต
เราสามารถเข้าถึงโลกแห่งการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น
ในทางตรงกันข้ามสิ่งไม่มีประโยชน์ก็เยอะขึ้น
เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ไม่ว่าเราจะอยู่กลุ่มไหน
(สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือก)
"กลุ่มที่สี่" สอนลูกดีประสบการณ์นอกห้องเยอะ
เก็บเงินเก่ง รู้จักลงทุน และสอนลูกลงทุนไปด้วย
คนที่มีพื้นฐานในชีวิตดีจะเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น
ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบเพราะ "เลือกได้"
"คนกลุ่มสุดท้าย" ขอเรียกว่า Top player of life
หรือ คนที่ส่งผลต่อชีวิตคนอื่น (รู้แล้วแบ่งปัน)
มีความรู้ในด้านนั้นๆเป็นพิเศษเลยอยากช่วยเหลือคน
เพื่อยกระดับคนกลุ่มต่างๆขึ้นมาเพื่อพัฒนาสังคม
ถามว่าตอนนี้แอดอยู่กลุ่มไหนติดว่าคงแถวๆ 4 กว่าๆมั้ง
ทั้งหมดที่ว่ามาไม่ได้กล่าวถึงจำนวนเงินในบัญชีนะ
แต่คือรูปแบบของการใช้ชีวิต
"เงินไม่ได้เท่ากับความสุข แต่มันลดความทุกข์ไปได้เยอะ"
ตอนเด็กๆไม่มีใครมาสอนแอดแบบนี้
ในหลายสิ่งหลายอย่างเรียนรู้ด้วยตัวเอง
และเริ่มพัฒนามาตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือ
ชีวิตคุณก็เช่นกัน "เลือก" ว่าอยากอยู่กลุ่มไหน
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
"นอกห้อง"
มาแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับชีวิตกันได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ที่เพจกับเวปของเรานะครับ
http://www.facebook.com/gwanokhong
http://www.gwanokhong.com
ความแตกต่างของชีวิตกับความสำคัญของความรู้
The difference of life and the importance of knowledge.
การได้เห็นโลกมากขึ้นทำให้เราได้พบผู้คนที่หลากหลาย
และสิ่งนี้เองคือคำตอบว่าทำไมชีวิตของแต่ละคนถึงต่างกัน
หากแยกความแตกต่างตามการใช้ชีวิตจะประมาณนี้
1.จนมากไม่มีอะไรจะกินมีหนี้ท่วมหัว (ทำงานเยี่ยงทาส)
2.อดมื้อกินมื้อชีวิตลำบาก (หาเช้ากินค่ำ)
3.พอมีจะกิน แต่ภาระเยอะ (มนุษย์ทั่วไป)
4.มีเงินเหลือเก็บวางแผนเผื่ออนาคต (คนที่รู้จักพัฒนา)
5.พัฒนามาถึงขั้นที่ต้องการจะแบ่งปัน
"กลุ่มแรก" มักโทษโชคชะตาของชีวิต
ระดับการเรียนรู้ชีวิตน้อยมากๆ ทั้งในและนอกห้อง
ทำให้ไม่รู้วิธีหารายได้มาใช้จ่าย จะทำงานก็ไม่มีความรู้
ไม่รู้จักการคิดวางแผนครอบครัวเอาตัวรอดไม่เป็น
"กลุ่มสอง" เอาตัวรอดได้แล้วแต่มีภาระติดมาด้วย "ลูก"
ด้วยความที่ไม่มีความรู้ด้านการวางแผนครอบครัว
แต่ขยันนะมีงานอะไรทำแล้วได้เงินทำหมด
"กลุ่มสาม" เรียนจบมาแล้วมีงานประจำทำรายได้มั่นคง
แต่ไม่เคยเรียนรู้ "นอกห้อง" มีความสามารถคือหาเงินได้
ที่นี้หากใช้เงินเป็นจะอัพขึ้นมาขั้นสี่ ไม่เป็นก็ลงมาขั้นสอง
พออยู่กลุ่มนี้ไปสักพักก็มี "ลูก" ตัวแปรสำคัญที่สุด
"ขยายความกลุ่มสาม"
หากไม่รู้จักชีวิตเยอะพอไม่สามารถอธิบายให้ลูกเข้าใจได้
ทำแค่สั่งกับสอนความกดดันเขาจะมีมากจนไม่ฟังคุณ
เขาจะหาคนที่เข้าใจเขาแทนนั่นคือ "เพื่อน"
แล้วเพื่อนเขาคือใคร? คนที่ใช้ชีวิตมาสิบกว่าปีเท่ากัน
ยังขอเงินพ่อแม่เหมือนกันมีปัญหาคล้ายๆกันด้วย
พอขาดความรักเขาก็มาสนใจเพศตรงข้ามเร็วเกินไป
ชีวิตของเขาเริ่มมีปัญหาคนกลุ่มที่สามจะโทษว่าลูกไม่ดี
ในทางตรงกันข้ามเขาพัฒนาตัวเองอยู่เสมอเพื่อให้ทันโลก
เขาใช้ประสบการณ์และชีวิตเลี้ยงลูกด้วยความเข้าใจ
ลูกเขาไม่ขาดความรักมุ่งหน้าหาอนาคตที่สดใส
พร้อมทั้งเรียนรู้ "นอกห้อง" ไปพร้อมๆกัน
แต่ในยุคนี้บางสิ่งบางอย่างได้เปลี่ยนไปด้วยอินเทอร์เน็ต
เราสามารถเข้าถึงโลกแห่งการเรียนรู้ได้ง่ายขึ้น
ในทางตรงกันข้ามสิ่งไม่มีประโยชน์ก็เยอะขึ้น
เราสามารถพัฒนาตัวเองได้ไม่ว่าเราจะอยู่กลุ่มไหน
(สิ่งสำคัญที่สุดคือการเลือก)
"กลุ่มที่สี่" สอนลูกดีประสบการณ์นอกห้องเยอะ
เก็บเงินเก่ง รู้จักลงทุน และสอนลูกลงทุนไปด้วย
คนที่มีพื้นฐานในชีวิตดีจะเข้าใจอะไรได้ง่ายขึ้น
ใช้ชีวิตในแบบที่ตัวเองชอบเพราะ "เลือกได้"
"คนกลุ่มสุดท้าย" ขอเรียกว่า Top player of life
หรือ คนที่ส่งผลต่อชีวิตคนอื่น (รู้แล้วแบ่งปัน)
มีความรู้ในด้านนั้นๆเป็นพิเศษเลยอยากช่วยเหลือคน
เพื่อยกระดับคนกลุ่มต่างๆขึ้นมาเพื่อพัฒนาสังคม
ถามว่าตอนนี้แอดอยู่กลุ่มไหนติดว่าคงแถวๆ 4 กว่าๆมั้ง
ทั้งหมดที่ว่ามาไม่ได้กล่าวถึงจำนวนเงินในบัญชีนะ
แต่คือรูปแบบของการใช้ชีวิต
"เงินไม่ได้เท่ากับความสุข แต่มันลดความทุกข์ไปได้เยอะ"
ตอนเด็กๆไม่มีใครมาสอนแอดแบบนี้
ในหลายสิ่งหลายอย่างเรียนรู้ด้วยตัวเอง
และเริ่มพัฒนามาตั้งแต่เริ่มอ่านหนังสือ
ชีวิตคุณก็เช่นกัน "เลือก" ว่าอยากอยู่กลุ่มไหน
ขอบคุณที่ติดตามนะครับ
"นอกห้อง"
มาแลกเปลี่ยนความคิดเกี่ยวกับชีวิตกันได้
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้