San Antonio Spurs ... จะต้องทำยังไงถึงจะได้ Chris Paul หรือ Top Free Agent ปีนี้ ?

ไม่ต้องแอบเราก็พอจะเดาได้นะครับว่าปีนี้แฟนๆ สเปอร์ส นั้นคาดหวังที่จะได้ Point Guard คนใหม่ภายหลังที่ Tony Parker บาดเจ็บยาวซึ่งคาดกันว่าอาจจะกลับมาอีกทีปลายเดือน มกราคม 2561 กันเลยทีเดียว ผนวกกับปีนี้มี Point Guard ทีมีความสัมพันธ์อันดีกับครอบครัว สเปอร์ส มาโดยตลอดอย่าง Chris Paul นั้นหลุดออกมาเป็น Free Agent ได้ด้วยการยกเลิกสัญญา Player Option แลยังรวมไปถึงการมีข่าวว่า Chris Paul ก็สนใจที่จะย้ายมาร่วมทีม สเปอร์ส เป็นอย่างมากจึงทำให้แฟนๆ สเปอร์ส ( แน่นอนผมด้วยอีกคน ) ต่างก็ฝันหวานถึงการได้เห็น Chris Paul มาร่วมทีมกับ Kawhi / LMA และพองเพื่อน ได้เห็นเขาในชุด เงินและดำ คงจะทำให้ฟินยิ่งนัก ...



แต่มันก็ใช่ว่าจะง่ายดายซะขนาดนั้น สเปอร์ส ติดปัญหาการเงินที่จะหาช่องว่างเพื่อเซ็นเอาเขามาร่วมทีมโดยในฤดูกาล 2017 - 2018 พวกเขามีค่าจ้างที่ติดอยู่ใน Cap อยู่แล้วถึง 95,827,665 ซึ่ง Cap ของฤดูกาล 2017 - 2018 นั้นมีเพียงราวๆ 103,000,000 ซึ่งค่าจ้างเหลือเพียงไม่ถึง 8 ล้านเท่านั้นเอง เทียบกับค่าจ้างที่ Chris Paul สมควรที่จะได้รับถ้าเขาต่อสัญญากับ Clippers นั้นอยู่ราวๆ 5 ปี 207 ล้าน ( หรือเฉลี่ย 41.4 ล้านต่อปี ) ค่าสัญญาในปีแรก = 35,700,000 - 8,000,000 จะให้ Chris Paul ลดค่าจ้างขนาดนั้นผมว่าฝันกลางวันคงจะง่ายกว่ากระทู้นี้เลยจะจำแนกแยกการสร้าง Capspace ของ สเปอร์ส ว่าสามารถไปได้เท่าไหร่ สามารถที่จะทำได้ไหมและคิดว่าจะเกิดขึ้นได้หรือเปล่าโดยจะแยกเป็นข้อๆไปเรียงลำดับจาก(น่าจะ)ง่ายไปถึงยากครับ ...

ก่อนอื่นกระทู้นี้ข้อมูลอาจจะผิดพลาด การคาดเดาก็มาจากผมเพียงคนเดียวถ้าผิดพลาดเรื่องตัวเลขยังไงก็ขออภัยไว้ก่อนล่วงหน้า และหลังจากวันนี้ไปผมจะหายไปซักพักแล้วจะกลับมาหลังจากดราฟเสร็จแล้วจะกลับมาเขียนแนะนำทีมถ้าสนใจยังไงฝากติดตามกันด้วยนะครับ ...



A ) Pau Gasol




Gasol มีค่าจ้างในฤดูกาลหน้าอยู่ถึง 16,197,500 เหรียญสหรัฐ ซึ่งแน่นอนด้วยอายุและผลงานที่พอกล้อมแกล้มของเขาการที่ สเปอร์ส ต้องการตัว Chris Paul นั้นการลดค่าจ้างของเขาลงดูจะเป็นหนทางที่เข้ากันและเป็นไปได้มากที่สุดแล้วแล้วจะทำยังไงกับเขากันหละ ...

A1 ) กล่อมให้เซ็นสัญญา Minimum ให้ได้ ( 16,197,500 - 1,605,967 = ประหยัดไปได้ 14,591,533 )

การที่จะกล่อมคนที่มีฝีมืออยู่แบบเขาดูแล้วจะเป็นไปไม่ได้แต่จริงๆแล้ว สเปอร์ส เคยทำกรณีเช่นนี้มาแล้วในกรณีอย่าง David West ที่ยอมลดค่าจ้างลงเพื่อมาลุ้นแหวนเต็มตัว อยู่ที่ว่าเขาเลือกที่จะเซ็นสัญญาต่อไปแล้วรับเงิน ( ซึ่งก็เป็นเงินที่เขาควรได้เพราะยื่นให้เขาเอง ) หรือว่าจะยอมลดเงินตัวเองลงมาเพื่อที่ทีมจะได้มีทีมที่สามารถลุ้นแชมป์ได้ ( เหมือนกรณี Tim Duncan เคยทำมาแล้ว ) ซึ่งกรณีนี้ขึ้นอยู่กับ Gasol เพียงคนเดียวเท่านั้น ...

A2 ) เทรดเขาในกรณีที่เขาเลือก Player Option ( แล้วแต่ออฟชั่นเลือกเทรด )

การเทรดผู้เล่นเป็นเรื่องปกติในวงการบาส การเลือกเทรด Gasol ออกไปก็เป็นตัวเลือกที่น่าจะเป็นอันดับต้นๆ แต่ทีมไหนหละที่จะสามารถเทรดได้ มีแน่นอนครับพวกทีมที่ต้องการผู้เล่นที่จะมาเติม Cap ให้ผ่านแล้วไปลุ้น Free Agent ในปีหน้า หรือ ทีมที่เทรดแล้วยกเลิกสัญญาเพื่อลดภาระของ Cap แต่ Gasol ก็ยังเป็นผู้เล่นที่ยืนอยู่ในระดับสูงๆได้ถึงจะไม่ได้เป็นตัวเด่นเหมือนเมื่อตอนสมัยหนุ่มๆแต่ประสบการณ์ของเขาสามารถช่วยให้ทีมชนะได้อย่างแน่นอน การเทรดเขาออกจากทีมแล้วปล่อยให้เขาโดนยกเลิกสัญญาจนโดนทีมอย่าง CAV หรือ GSW เซ็นไปด้วยสัญญา Minimum ดูแล้วจะเป็นการยื่นหอกให้ศัตรูเสียมากกว่าหากจะเลือกทางนี้ สเปอร์ส ก็ต้องระวังการแก้แค้นของ Gasol ให้จงหนัก ...

A3 ) จากกันด้วยดี ( ประหยัดไปได้ 16,197,500 )

Pau Gasol ไม่มีอะไรต้องพิสูจน์ในการเล่น NBA อีกแล้วครับเขาได้มาหมดแล้วทั้งแหวนทั้งกล่อง ได้แหวนมาสองครั้งได้เงินอีกร่วมๆเกือบ 180 ล้าน ( แค่ในสัญญา ) การที่ Gasol ในวัย 36 - 37 จะเลือกที่จะย้ายออกหรือยกเลิกสัญญาก็เป็นไปได้ทั้งนั้นโดยทีมที่ผมคิดว่าเขาอาจจะย้ายไปนั่นก็คือ Memphis Grizzlies ย้ายไปที่ๆเขาได้เติบโตได้เล่นกับน้องชายของเขา ได้กลับไปเยือนถิ่นที่เขาเรียกได้ง่าเกิดขึ้นมาในวงการ ก็ดูจะเป็นอีกหนึ่งทางเลือกที่ไม่เลวสำหรับเขาที่ประสบความสำเร็จมาแล้วทุกอย่าง แต่จะเกิดขึ้นไหมนั้นอยู่ที่ตัวของ Gasol เท่านั้นครับ ...

B ) Tony Parker




Parker มีค่าจ้างติดอยู่ใน Cap  15,453,126 เหรียญสหรัฐ ถามว่ามากไหม ? ไม่มากเท่าไหร่หรอกครับกับสิ่งที่เขาควรจะได้กับทีม แต่แน่นอนการที่จะปล่อยให้เงินเกือบ 15 ล้านไปลุ้นกับผู้เล่นที่บาดเจ็บแล้วไม่รู้กลับมาแล้วจะสามารถเป็นเหมือนเดิมได้ไหมนั้นดูจะเป็นการเสียเปล่า แต่ผมเชื่อว่าทีมอย่าง สเปอร์ส ไม่ใช่ทีมที่จะเทรดหรือยกเลิกสัญญาผู้เล่นที่ภักดีอย่าง Tony Parker ได้อย่างแน่นอนแล้วจะทำยังไงกับเขากันหละทีนี้ ...

B ) รีไทน์กับทีมด้วยเหตุผลด้านการบาดเจ็บ

ผมก็ไม่ค่อยที่จะแม่นเรื่องกฏของ NBA เท่าไหร่หรอกนะครับแต่ก็สามารถยกตัวอย่างผู้เล่นที่เลิกแล้วมาได้อย่างกรณี Tim Duncan ที่ประกาศรีไทน์ไปเช่นกันแล้วในกรณีของ Tony Parker นั้นถ้าเขาประกาศรีไทน์ในตอนนี้กรณีนี้ไม่แน่ใจว่าทีมจะสามารถยืดหยุ่นการจ่ายค่าจ้างคงเหลือได้กี่ปีกันแน่ ( ไม่แน่ใจเรื่องกฎเหมือนจะเคยอ่านแล้วลืมไปแล้ว ) ถ้ายืดหยุ่นเป็น 3 ปีนั่นเท่ากับที่จ่ายให้ Tim Duncan สเปอร์ส จะจ่ายให้กับ Tony Parker ราวๆ 5,151,042 สามปีซึ่งนั่นจะทำให้ Cap ว่างอีกราวๆ ( 10,302,084 ) ซึ่งก็ถือว่ามากเอาเรื่องอยู่เช่นกัน ... แต่ในกรณีนี้ตามข่าวที่ผมตามมาไม่มีทีท่าว่า Tony Parker จะรีไทน์แต่ประการใดก็ดูยังมีไฟกับทีมอยู่ไม่น้อยทีเดียว ... โอกาสที่คิดว่ากรณีนี้จะเกิดขึ้นมีไหม มี แต่น้อยครับ ...

C ) LaMarcus Aldridge




ก็อย่างที่ได้เกริ่นไปในคราวก่อนนะครับว่าจริงๆแล้วผมเชื่อว่า LMA ยังเป็นผู้เล่นที่สามารถเล่นได้ในระดับสูงอยู่เพียงแต่ว่าเขาอาจจะเจอกับปัญหามากไปซักนิด แต่มันก็ไม่ใช่ข้ออ้างเพราะฉะนั้นหากต้องการคู่หูคนใหม่มาให้กับ Kawhi ทำไมไม่เชือด LMA ซะหละ ...

C ) เทรดกับทีมไหนซักทีมในวันดราฟ

ทีมไหนกันหละที่พร้อมจะเทรดกับ สเปอร์ส แล้วต้องการผู้เล่นอย่าง LMA คำตอบคือเยอะมากครับถึงแม้สัญญาของเขาจะแพงแต่ด้วยชื่อเสียงของเขาแล้วโอกาสเกิดขึ้นนั้นไม่ยาก ยังไงๆชื่อชั้นของ LMA ยังพอขายให้กับทีมลุ้นเพลย์ออฟสบายๆ ไม่ว่าจะเป็น ...

- Sacramento Kings ที่เหลือที่ว่างใน Cap บานเบอะและต้องการผู้เล่นระดับสูงมาช่วยฟูมฟักดาวเด่นที่พวกเขากำลังดันอย่าง Buddy Hield รองยื่นข้อเสนอที่ผมมองว่าสมเหตุสมผลอย่าง Spurs ได้ตัว Anthony Tolliver และ Willie Cauley-Stein แลกกับ Kings ได้ LaMarcus Aldridge ผมเชื่อว่ายังไง Kings ก็น่าจะเอา ( เผลอแถมดราฟอันดับสิบให้ด้วย ตามสไตล์ FO ต้องคำสาปอย่าง Kings ) ... สเปอร์ส ได้ตัวหลัก Center แถมตัวยิงสามที่ไว้ใจได้ ส่วน คิงส์ ได้สตาร์ไปผนึกกำลังกับ Buddy Hield ...

- Denver Nuggets ที่ก็เหลือที่ว่างใน Cap เยอะแยะเช่นกัน ลองยื่นแลกกับ Kenneth Faried และ Jameer Nelson ... Nuggets ได้สตาร์ไปผนึกกำลังกับทีมพลังหนุ่ม Spurs ได้ตัววงในสายเดียวกับ Blake Griffin แถมตัวถือบอลสำรองประสบการณ์สูงไว้ใจได้อย่าง Jameer Nelson ...

นี่แค่ตัวอย่างเบื้องต้นผมเชื่อว่ามีโอกาสเทรดได้เยอะเหมือนกัน ...

โดยถ้าพวกเขาเลือก ออฟชั่นต่างจะส่งผลต่อ Cap ดังนี้

A1 ) - ประหยัดไปได้ 14,591,533 + 8,000,000 = 22,591,533 พอสำหรับ Chris Paul แต่ไม่พอคนอื่นๆแน่ๆ
A2 ) - ไม่น่าจะช่วยได้
A3 ) - ประหยัดไปได้ 16,197,500 + 8,000,000 = 24,197,500 - 35,700,000 = - 11,502,500 ไม่ชน Hard Cap แต่ทีมเคลื่อนไหวลำบากเหลืออีกราวๆ 11 ล้านคงหาสำรองดีๆยาก
A1 + B ) - 14,591,533 + 10,302,084 = 24,893,617 + 8,000,000 = 32,893,617 * เหลือติด Hard Cap อีกราวๆ  17 ล้าน
A2 + B ) - ไม่น่าจะช่วยได้
A3 + B ) - 16,197,500 +10,302,084 = 26,499,584 + 8,000,000 = 34,499,584 * เหลือติด Hard Cap อีกราวๆ  20 ล้าน


ส่วนตัวเลือกอื่นๆนั้นผมเชื่อว่าไม่ส่งผลต่อ Cap มากเท่าสามคนที่ได้เกริ่นในเบื้องต้นผมมองพวกที่เหลือคนสำคัญๆก็คงมีเพียง Danny Green ที่ทีมคงจะเก็บไว้เพราะเกมส์รับของเขาและการช่วยทำแต้มจากสามแต้มยังไงราคาในตลาดน่าจะแพงเกิน 10 ล้านที่เขาได้อยู่อย่างแน่นอน ... ในรายของคนอื่นๆนั้น ...

Manu Ginobili - น่าจะรีไทน์
Patty Mills - ค่าจ้างของเขาแกว่งไปมาแต่สามารถขึ้นไปแตะ 12 - 16 ล้านต่อปีได้ ( ส่วนนึงมาจากฟอร์มในรอบชิงแชมป์สายที่ไม่ค่อยเข้าตาเท่าไหร่ )
Dewayne Dedmon / Jonathon Simmons - มูลค่าในตลาดของเขานั้นก็แกว่งไปๆมาแต่ตกแล้วคงไม่มีทีมไหนบ้าเซ็นเกิน 8 ล้านเป็นแน่
David Lee - ก็คงเซ็น Minimum ต่อไปแต่ผมว่าแกคงไม่อยู่ สเปอร์ส แล้วหละมั้งเผลออาจจะกลับ GSW ก็เป็นได้

Kyle Anderson - ทีมใช้สิทธิแล้วคงไม่ไปไหน
Dejounte Murray - ตัวความหวังอนาคตคงจะไปยากอยู่
Bryn Forbes และ Davis Bertans - สัญญาราคาไม่แพงยังไงก็ส่งผลไม่มาก

ส่วนตัวผมเองเชื่อว่าโอกาสที่ Pau Gasol จะไปนั้นสูงที่สุด หรือต่อให้ไม่ไปก็ต้องมีคนใดคนนึง Pau / LaMarcus Aldridge ที่จะโดนเทรดเพื่อเปิดพื้นที่ให้มีพื้นที่ที่จะเอา Chris Paul แน่นอน ( ถึงว่าจะมีโอกาสพลาดก็เถอะ ) ...

เดี๋ยวมาต่อนะครับไปทำงานก่อนงานเข้าพอดี ร้องไห้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่