สวัสดีค่ะ ครั้งนี้เป็นกระทู้รีวิวญี่ปุ่นครั้งที่สองของเรา ซึ่งต้องบอกก่อนว่า เราไม่เก่งรีวิวเท่าไหร่ อาจจะผิดพลาดบ้างต้องขออภัยด้วยนะคะ
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่าเราเป็นพวกญี่ปุ่นฟีเวอร์มากกกกก ในที่นี้หมายถึงรักการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นนะคะ ไม่ได้ติ่งดารา นักร้อง แต่เราเป็นติ่งธรรมชาติ และบ้านนอกที่ญี่ปุ่นค่ะ ด้วยความที่เราไปญี่ปุ่นค่อนข้างบ่อยและเคยใช้ชีวิตในบ้านนอกที่ญี่ปุ่นมาแล้ว ทำให้เราหลงเสน่ห์ในความเงียบสงบ รอยยิ้ม ธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์ของประเทศญี่ปุ่น รักมากถึงขนาดที่เคยคิดว่าอยากลาออกจากงานแล้วไปสมัครเป็นเกษตรกรที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ก็ต้องหาเงินหาทองก่อนเนอะ^^
เข้าเรื่องเลยนะคะ ครั้งนี้ค่ะ เราไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกแล้ว ซึ่งโดยปกติของเรา จะชอบไปแบบที่คนอื่นเค้าไม่ค่อยไปกัน(รึเปล่านะ ฮ่าๆๆ) เราชอบไปบ้านนอกค่ะ เราหาดูหลายที่มาก จนมาเจอเรียวกังที่นึงที่เกียวโต ซึ่งทีแรกเราแค่เห็นว่ามันเป็นเรียวกังที่น่าเข้าพักมาก บวกกับมีมื้อเย็น มื้อเช้า และออนเซ็นด้วย เรารีบจองโดยไม่คิดเลยค่ะ ฮ่าๆๆ และมารู้ทีหลังว่ามันอยู่ไกลจากตัวเมืองมากกก ต้องนั่งรถบัสเข้าไปในตัวหมู่บ้านใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงค่ะ ซึ่งพอถึงจุดนั้น จองแล้ว จ่ายเงินแล้วก็คงต้องเอาไงเอากัน จะไม่ไปก็ไม่ได้แล้ว เราเลยหาข้อมูลการเดินทางเพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพรที่ชื่นชอบ ฮ่าๆๆๆ สำหรับที่แห่งนี้มีชื่อว่าโอฮาระ(Ohara)ค่ะ เราเองก็เคยอ่านรีวิวในพันทิป ผ่านๆตามาบ้างค่ะ และแอบจดข้อมูลไปใช้ในการเดินทางครั้งนี้ด้วย ฮ่าๆๆ(ขอบคุณทุกรีวิวนะคะ) แต่ที่โอฮาระอาจจะยังไม่คุ้นหูใครๆเท่าไหร่นัก อาจจะเพราะอยู่ห่างไกลตัวเมือง เพื่อนญี่ปุ่นเราหลายคนยังไม่รู้จักเลยค่ะ ฮ่าๆๆ
เริ่มแรกเลยค่ะ หลังจากที่เราเที่ยวในตัวเมืองเกียวโตมาทั้งวันแล้ว เราก็ปลีกตัวจากน้องสาวของเราเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศสดชื่นเพียงคนเดียว ฮ่าๆๆ เรานั่งรถบัสหมายเลข17จากป้ายรถบัสหน้าสถานีเกียวโตซึ่งเป็นต้นสายค่ะ นั่งไปสุดสายที่โอฮาระเลย ค่าใช้จ่ายรอบละ550เยนค่ะ
พอเราไปถึงที่ท่ารถที่โอฮาระแล้ว ตามปกติคือเราสามารถโทรเรียกให้ทางโรงแรมนำรถมารับได้ค่ะ ซึ่งในโอฮาระมีเรียวกังที่ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการเพียง3ที่เท่านั้น สำหรับเราเลือกจองเรียวกังของOhara no satoค่ะ ซึ่งทางโรงแรมมีบริการรถรับส่งจากท่ารถเข้าไปยังโรงแรมได้ แต่ด้วยความที่เราเลือกที่จะเดินถ่ายรูปชิวๆมากกว่า เราจึงตัดสินใจเดินทางกับคุณกูเกิ้ลแมปที่คุ้นเคย ฮ่าๆๆ
และนี่คือวิวระหว่างทางที่เดินไปยังโรงแรมค่ะ เดิน3ก้าว แวะถ่าย3รูปค่ะ กว่าจะถึงโรงแรมก็มืดพอดี ฮ่าๆๆๆ
และแล้วเราก็เดินมาถึงเรียวกังที่เราจะพักในคืนนี้!!!
และนี่คือห้องที่เราเข้าพักค่ะ สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม มีโคทัตสึ(โต๊ะอุ่นขา ที่ไม่ได้ใช้เพราะไม่หนาว ฮ่าๆๆ) มีฟูตง(ฟูกญี่ปุ่น) มีชุดยากาตะให้เปลี่ยนตอนจะไปอาบน้ำที่ออนเซ็น และเครื่องอำนวยความสะดวกภายในห้องค่ะ
นี่คือมื้อเย็นของเราค่ะ เป็นมิโสะนาเบะ ซึ่งทางโรงแรมจะจัดที่นั่งให้ตามกลุ่มและตามจำนวนผู้เข้าพัก ซึ่งเราไปคนเดียว ทั้งโต๊ะนี้เป็นของเราแต่เพียวผู้เดียว ฮ่าๆๆ กินไม่หมดเลยค่ะ สำหรับรสชาติก็จะออกเค็มๆจากรสมิโสะค่ะ อาจจะยังไม่เผ็ดแซ่บถูกปากคนไทยเท่าไหร่ แต่สำหรับเรา โอเคเลยนะ และที่นี่สามารถเติมข้าวได้ตลอดนะคะ เราได้มากสุดก็สองชามแหละค่ะ อิ่มก่อน ฮ่าๆๆ ช่วงเวลาอาหารเย็นคือตั้งแต่18:00-19:30น.
เท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องรักษาสิทธิ์ให้ทันนะคะ
หลังจากอิ่มท้องแล้วเราได้เวลาลงอ่างงงง เราเลือกที่จะลงออนเซ็นในช่วงเวลาประมาณ2ทุ่มซึ่งเดาว่าทุกคนน่าจะลงหมดแล้ว จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความนานาชาติ ฮ่าๆๆ และเราเดาถูกค่ะ เราไปถึงห้องอาบน้ำในตอนที่ไม่มีคนอยู่แล้วจริงๆ เพราะฉะนั้น ออนเซ็นนี้จึงเป็นคนเราคนเดียววว ฮ่าๆๆ (ไม่มีรูปนะคะเพราะเขาห้ามถ่ายค่ะ) ซึงที่จริงจะมีอ่างออนเซ็นกลางแจ้งอยู่ด้านนอกด้วยนะคะ แต่ตอนนั้นค่อนข้างมืดมากเราเลยขออยู่แค่ในร่มก็พอ กลัวมีตัวอะไรโผล่มาอาบด้วย ฮ่าๆๆ
สำหรับในช่วงเช้าจะมีบริการเสียงตามสาย เรียกลงไปทานข้าวค่ะ ฮ่าๆๆ เวลาอาหารเช้าจะอยู่ที่7:00-8:30น.ค่ะ และนี่ก็คือมื้อเช้าของเราค่ะ เป็นอาหารแบบพื้นบ้าน ประกอบด้วยข้าว ปลาย่าง สาหร่าน เต้าหู้ ผักเครื่องเคียงต่างๆ และซุปมิโซะ อาจจะดูเป็นอาหารพื้นๆ (นั่งพื้นทานด้วย ผ่าม!! เล่นเองไปค่ะ ฮ่าๆๆ) แต่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพของชาวญี่ปุ่นเลยนะคะ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว เรามีเวลาไม่มากจึงไม่ได้เดินเที่ยววัดตามหมู่บ้านอย่างเต็มที่ เพราะวัดยังไม่เปิด ฮ่าๆๆ ภาพที่ได้มาจึงเป็นภาพธรรมชาติโดยรอบหมู่บ้านเท่านั้นนะคะ
จบแล้วค่ะสำหรับรีวิวในครั้งนี้ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ ไว้ครางหน้าถ้ามีอะไรดีๆจะเอามาแชร์อีกนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^
ปล.ขอทิ้งท้ายผีญี่ปุ่น1รูปค่ะ บ๊ายยย
[CR] Slow lifeใน Ohara บ้านนอกที่ญี่ปุ่น
ก่อนอื่นเราต้องบอกก่อนว่าเราเป็นพวกญี่ปุ่นฟีเวอร์มากกกกก ในที่นี้หมายถึงรักการใช้ชีวิตในญี่ปุ่นนะคะ ไม่ได้ติ่งดารา นักร้อง แต่เราเป็นติ่งธรรมชาติ และบ้านนอกที่ญี่ปุ่นค่ะ ด้วยความที่เราไปญี่ปุ่นค่อนข้างบ่อยและเคยใช้ชีวิตในบ้านนอกที่ญี่ปุ่นมาแล้ว ทำให้เราหลงเสน่ห์ในความเงียบสงบ รอยยิ้ม ธรรมชาติ และอากาศบริสุทธิ์ของประเทศญี่ปุ่น รักมากถึงขนาดที่เคยคิดว่าอยากลาออกจากงานแล้วไปสมัครเป็นเกษตรกรที่ญี่ปุ่นเลยค่ะ ฮ่าๆๆๆ แต่ก็ต้องหาเงินหาทองก่อนเนอะ^^
เข้าเรื่องเลยนะคะ ครั้งนี้ค่ะ เราไปเที่ยวญี่ปุ่นอีกแล้ว ซึ่งโดยปกติของเรา จะชอบไปแบบที่คนอื่นเค้าไม่ค่อยไปกัน(รึเปล่านะ ฮ่าๆๆ) เราชอบไปบ้านนอกค่ะ เราหาดูหลายที่มาก จนมาเจอเรียวกังที่นึงที่เกียวโต ซึ่งทีแรกเราแค่เห็นว่ามันเป็นเรียวกังที่น่าเข้าพักมาก บวกกับมีมื้อเย็น มื้อเช้า และออนเซ็นด้วย เรารีบจองโดยไม่คิดเลยค่ะ ฮ่าๆๆ และมารู้ทีหลังว่ามันอยู่ไกลจากตัวเมืองมากกก ต้องนั่งรถบัสเข้าไปในตัวหมู่บ้านใช้เวลาประมาณ1ชั่วโมงค่ะ ซึ่งพอถึงจุดนั้น จองแล้ว จ่ายเงินแล้วก็คงต้องเอาไงเอากัน จะไม่ไปก็ไม่ได้แล้ว เราเลยหาข้อมูลการเดินทางเพื่อเตรียมพร้อมที่จะไปอยู่ท่ามกลางธรรมชาติ ป่าเขาลำเนาไพรที่ชื่นชอบ ฮ่าๆๆๆ สำหรับที่แห่งนี้มีชื่อว่าโอฮาระ(Ohara)ค่ะ เราเองก็เคยอ่านรีวิวในพันทิป ผ่านๆตามาบ้างค่ะ และแอบจดข้อมูลไปใช้ในการเดินทางครั้งนี้ด้วย ฮ่าๆๆ(ขอบคุณทุกรีวิวนะคะ) แต่ที่โอฮาระอาจจะยังไม่คุ้นหูใครๆเท่าไหร่นัก อาจจะเพราะอยู่ห่างไกลตัวเมือง เพื่อนญี่ปุ่นเราหลายคนยังไม่รู้จักเลยค่ะ ฮ่าๆๆ
เริ่มแรกเลยค่ะ หลังจากที่เราเที่ยวในตัวเมืองเกียวโตมาทั้งวันแล้ว เราก็ปลีกตัวจากน้องสาวของเราเพื่อไปสัมผัสบรรยากาศสดชื่นเพียงคนเดียว ฮ่าๆๆ เรานั่งรถบัสหมายเลข17จากป้ายรถบัสหน้าสถานีเกียวโตซึ่งเป็นต้นสายค่ะ นั่งไปสุดสายที่โอฮาระเลย ค่าใช้จ่ายรอบละ550เยนค่ะ
พอเราไปถึงที่ท่ารถที่โอฮาระแล้ว ตามปกติคือเราสามารถโทรเรียกให้ทางโรงแรมนำรถมารับได้ค่ะ ซึ่งในโอฮาระมีเรียวกังที่ได้รับอนุญาตให้เปิดบริการเพียง3ที่เท่านั้น สำหรับเราเลือกจองเรียวกังของOhara no satoค่ะ ซึ่งทางโรงแรมมีบริการรถรับส่งจากท่ารถเข้าไปยังโรงแรมได้ แต่ด้วยความที่เราเลือกที่จะเดินถ่ายรูปชิวๆมากกว่า เราจึงตัดสินใจเดินทางกับคุณกูเกิ้ลแมปที่คุ้นเคย ฮ่าๆๆ
และนี่คือวิวระหว่างทางที่เดินไปยังโรงแรมค่ะ เดิน3ก้าว แวะถ่าย3รูปค่ะ กว่าจะถึงโรงแรมก็มืดพอดี ฮ่าๆๆๆ
และแล้วเราก็เดินมาถึงเรียวกังที่เราจะพักในคืนนี้!!!
และนี่คือห้องที่เราเข้าพักค่ะ สไตล์ญี่ปุ่นดั้งเดิม มีโคทัตสึ(โต๊ะอุ่นขา ที่ไม่ได้ใช้เพราะไม่หนาว ฮ่าๆๆ) มีฟูตง(ฟูกญี่ปุ่น) มีชุดยากาตะให้เปลี่ยนตอนจะไปอาบน้ำที่ออนเซ็น และเครื่องอำนวยความสะดวกภายในห้องค่ะนี่คือมื้อเย็นของเราค่ะ เป็นมิโสะนาเบะ ซึ่งทางโรงแรมจะจัดที่นั่งให้ตามกลุ่มและตามจำนวนผู้เข้าพัก ซึ่งเราไปคนเดียว ทั้งโต๊ะนี้เป็นของเราแต่เพียวผู้เดียว ฮ่าๆๆ กินไม่หมดเลยค่ะ สำหรับรสชาติก็จะออกเค็มๆจากรสมิโสะค่ะ อาจจะยังไม่เผ็ดแซ่บถูกปากคนไทยเท่าไหร่ แต่สำหรับเรา โอเคเลยนะ และที่นี่สามารถเติมข้าวได้ตลอดนะคะ เราได้มากสุดก็สองชามแหละค่ะ อิ่มก่อน ฮ่าๆๆ ช่วงเวลาอาหารเย็นคือตั้งแต่18:00-19:30น.
เท่านั้น เพราะฉะนั้นต้องรักษาสิทธิ์ให้ทันนะคะ หลังจากอิ่มท้องแล้วเราได้เวลาลงอ่างงงง เราเลือกที่จะลงออนเซ็นในช่วงเวลาประมาณ2ทุ่มซึ่งเดาว่าทุกคนน่าจะลงหมดแล้ว จะได้ไม่ต้องเผชิญหน้ากับความนานาชาติ ฮ่าๆๆ และเราเดาถูกค่ะ เราไปถึงห้องอาบน้ำในตอนที่ไม่มีคนอยู่แล้วจริงๆ เพราะฉะนั้น ออนเซ็นนี้จึงเป็นคนเราคนเดียววว ฮ่าๆๆ (ไม่มีรูปนะคะเพราะเขาห้ามถ่ายค่ะ) ซึงที่จริงจะมีอ่างออนเซ็นกลางแจ้งอยู่ด้านนอกด้วยนะคะ แต่ตอนนั้นค่อนข้างมืดมากเราเลยขออยู่แค่ในร่มก็พอ กลัวมีตัวอะไรโผล่มาอาบด้วย ฮ่าๆๆ
สำหรับในช่วงเช้าจะมีบริการเสียงตามสาย เรียกลงไปทานข้าวค่ะ ฮ่าๆๆ เวลาอาหารเช้าจะอยู่ที่7:00-8:30น.ค่ะ และนี่ก็คือมื้อเช้าของเราค่ะ เป็นอาหารแบบพื้นบ้าน ประกอบด้วยข้าว ปลาย่าง สาหร่าน เต้าหู้ ผักเครื่องเคียงต่างๆ และซุปมิโซะ อาจจะดูเป็นอาหารพื้นๆ (นั่งพื้นทานด้วย ผ่าม!! เล่นเองไปค่ะ ฮ่าๆๆ) แต่เป็นอาหารเพื่อสุขภาพของชาวญี่ปุ่นเลยนะคะ
หลังจากทานข้าวเช้าเสร็จแล้ว เรามีเวลาไม่มากจึงไม่ได้เดินเที่ยววัดตามหมู่บ้านอย่างเต็มที่ เพราะวัดยังไม่เปิด ฮ่าๆๆ ภาพที่ได้มาจึงเป็นภาพธรรมชาติโดยรอบหมู่บ้านเท่านั้นนะคะ
จบแล้วค่ะสำหรับรีวิวในครั้งนี้ ผิดพลาดประการใดขออภัยด้วยนะคะ ไว้ครางหน้าถ้ามีอะไรดีๆจะเอามาแชร์อีกนะคะ ขอบคุณค่ะ ^^
ปล.ขอทิ้งท้ายผีญี่ปุ่น1รูปค่ะ บ๊ายยย