หลังจากที่รีวิว สายการบิน Vietnam Airlines กันไปแล้ว ตาม link นี้ :
https://ppantip.com/topic/36528101
พอถึงสนามบินคันไซเท่านั้นแหล่ะ การเดินทางของจริงกำลังเริ่มต้นขึ้น
ทริคเด็ดๆของเราก็คือ
1.พักที่ไหนถึงจะสะดวกในการเดินทาง? มากัน 3 คนอีก นอนโรงแรมคงต้องแยกห้อง ห้องราคาไม่แพงก็เล็กจัง
เจ้าของกระทู้ตัดสินใจจองที่พักผ่าน Airbnb ใครกังวลใจเรื่องไม่ผ่าน ตม. หมดห่วง คลายกังวลกันไปได้เลย
เพราะ "ญี่ปุ่นไฟเขียว Airbnb เปิดบริการถูกกฎหมาย แล้วนะ"
link ที่มา :
https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-03-10/airbnb-nears-approval-in-room-starved-japan-with-tighter-rules
link ไปจอง :
https://www.airbnb.com
พอถึง ตม. ก็ถามว่าพักที่ไหน กี่คน เดินทางไปไหนบ้าง เราก็ตอบตามความเป็นจริงไป ไม่ถึง 1 นาทีก็ผ่าน ตม. ไปอย่างง่ายดาย
(ขอให้เขียนรายละเอียด ชื่อเจ้าของที่พัก เบอร์โทรติดต่อพร้อมกับที่อยู่ให้ครบถ้วนและเขียนตั้งแต่บนเครื่องบินเรยเป็นการรักษาเวลา)
Airbnb คืออะไร? นิยามสั้นๆก็คือ ที่พักโดยตรงจากคนท้องถิ่น เป็นได้ทั้งบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ เหมาะสำหรับใครที่อยากจะลอง
ใช้ชีวิตแบบ คนญี่ปุ่นจริงๆ การพักแบบนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว ราคาถูกกว่าพักโรงแรมมากๆและใกล้กับย่านท่องเที่ยวด้วย
2.ทริปนี้จะเดินทางยังไงให้สะดวก? สำหรับตัวเจ้าของกระทู้ต้องบอกเลยว่า JR Kansai Area Pass ตัวเดียวเอาอยู่
แนะนำให้จองล่วงหน้าตั้งแต่เมืองไทย (แถมราคาถูกกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่นและบัตรนี้สำหรับชาวต่างชาติ คนท้องถิ่นใช้ไม่ได้)
มีให้เลือกว่าเราจะใช้กี่วัน (เว้นวันไม่ได้ถ้าเปิดใช้แล้วต้องใช้แบบต่อเนื่อง) สำหรับเจ้าของกระทู้คิดแล้วถือว่า คุ้ม
เพราะใช้ตั้งแต่เดินทางจากสนามบิน ไปยัง เทนโนจิ(พักแถวย่านนี้) เกียวโต นารา จากนั้นก็เที่ยวโดยใช้ JR Osaka Loop Line ตลอด
(ไป USJ ก็สะดวก แนะนำให้ใช้)
ช่วงที่เจ้าของกระทู้เดินทางเป็นช่วง ต้นเดือน พ.ค ที่ผ่านมา หลังจากช่วง High Season ซากุระก็ร่วงโรยไป ฝูงชนนักท่องเที่ยวก็ได้กลับบ้าน
นั่นแหล่ะเวลาดีที่ต้องไป คนน้อย ถ่ายภาพไม่ต้องรอคิว ร้านค้าไม่ต้องรอเข้าแถว ถึงจะมีฝนตกเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค
"อยู่ใต้ฟ้า จะกลัวอะไรกับฝน"
3.สิ่งที่ควรพกเป็นอาวุธตลอดการเดินทาง?
สำหรับเจ้าของกระทู้ที่ขาดไม่ได้คือ "Pocket WiFi" กลับมาตรงที่พัก Airbnb ส่วนใหญ่ Host จะมี Pocket WiFi ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักใช้และนำออกไปใช้ข้างนอกได้ (ประหยัดไปได้เยอะ) แต่สำหรับใครที่อยากมีติดตัวตั้งแต่ลงจากเครื่องก็แนะนำเช่า จากที่ไทยไป
(แนะนำให้สอบถามเจ้าหน้าที่รุ่นไหนใช้กับภูมิภาคนี้ได้บ้างกับการนัดรับส่ง โดยปกติราคาจะอยู่ที่ 150-200 บ.ต่อวัน)
ถัดมาคือ "Pocket Money" เจ้าของกระทู้แลกตอนช่วงเรทค่าเงินต่ำพอดี อีกอย่างแนะนำให้แลกไปล่วงหน้าเรยก็ดีค่ะ
"หนังสือคู่กาย" พกเล่มที่ชอบมากที่สุดไป 1 เล่มพอ (ไม่ใช่อะไรมันหนัก555) ถึงแม้เราจะไม่มีไกค์พาทัวร์ ให้ข้อมูลแต่เรามีหนังสือ
พอเราถึงสถานที่นั้นๆ หรือ อยากรู้ว่าแถวนี้มีที่เที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆไหม หนังสือดีๆซักเล่มจะเป็นคำตอบให้คุณได้
(เวลานั่งบนเครื่องก็อ่านไปเพลินๆอีกอย่างบางทีเราใช้มือถือดูเส้นทางรถไฟ ดูสภาพอากาศ) ให้คุณพ่อคุณแม่ได้วางแผนทริปไปกับเราได้ด้วย
ดูเส้นทางรถไฟ :
http://www.hyperdia.com/en/
ดูสภาพอากาศ :
https://www.jnto.go.jp/weather/eng/index.php
"กล้องคู่ใจ" : Canon EOS-60D (กล้องคู่ใจเจ้าของกระทู้) + Sigma 10-20mm f/4-5.6 EX DC HSM + FIX Canon EF 50MM F/1.8
และที่สำคัญอีกอย่างคือ "ประกันภัยการเดินทาง" เหมือนจะดูไม่จำเป็นแต่สำหรับ Backpacks อย่างเราๆ นี่เป็นหัวใจหลัก
(กันไว้ดีกว่าแก้เดี๋ยวนี้ประกันภัยมีให้เลือกหลากหลายมาก ให้จัดการก่อนเดินทางประมาณ 1 อาทิตย์)
สถานที่ไปเที่ยววันแรก : ปราสาทโอซาก้า - ศาลเจ้าโฮโกกุ - โรงฝึกชูโดคัน - เดินเล่นย่าน Dotombori -ชิมปูยักษ์ร้าน Kani Doraku Honten
- ราเมงเจ้าดัง Kinryu ramen - ซาลาเปา 511 Horai Honten - เดินในตรอก Hozenji Yokocho - ร้านของฝาก Naniwa Ichibirian -
ช้อปปิ้งสตรีท Shinsaibashisuji - เดินเล่นย่านนัมบะแวะกิน PABLO - ซื้อ Rikuro's Cheese Cake อีกซักหน่อยละค่อยกลับเข้าที่พัก
พอออกจาก ตม.ขาเข้า ให้จำภาพบันไดเลื่อนนี้ไว้ ถ้าจะแลกบัตร JR PASS ให้ขึ้นไป 2F
แผนที่ปราสาทโอซาก้า (กว้างดี) จะเดินไปหรือจะนั่งรถไฟที่ให้บริการบริเวณทางเข้าก็ได้ 300 เยนขาเดียว
ตั๋วเข้าปราสาทโอซาก้า ถ้าใครซื้อบัตร Osaka Amazing Pass ก็จะเข้าชมฟรี ราคาปกติ 600 เยน
บริเวณปราสาทสามารถล่องเรือชมบรรยากาศได้ เรือออกแบบได้เข้ากับปราสาทมาก
ปราสาทโอซาก้า ช่วงหน้าฝน
ไอศกรีมชาเขียวร้านนี้อร่อยมากอยู่ข้างๆ ปราสาท
ศาลเจ้าโฮโกกุ ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เจ้าของปราสาทนี้มีความเก่าแก่และเป็นสถานที่สำคัญอีกที่หนึ่ง
ช่วงเย็น เดินทางกันต่อไป ย่านคิตะ และ มินามิ
[CR] [JAPAN ตอนที่ 2 ทริคเด็ดๆไปโอซาก้าแบบ Backpacks แต่คุณภาพคับจอ
หลังจากที่รีวิว สายการบิน Vietnam Airlines กันไปแล้ว ตาม link นี้ : https://ppantip.com/topic/36528101
พอถึงสนามบินคันไซเท่านั้นแหล่ะ การเดินทางของจริงกำลังเริ่มต้นขึ้น
ทริคเด็ดๆของเราก็คือ
1.พักที่ไหนถึงจะสะดวกในการเดินทาง? มากัน 3 คนอีก นอนโรงแรมคงต้องแยกห้อง ห้องราคาไม่แพงก็เล็กจัง
เจ้าของกระทู้ตัดสินใจจองที่พักผ่าน Airbnb ใครกังวลใจเรื่องไม่ผ่าน ตม. หมดห่วง คลายกังวลกันไปได้เลย
เพราะ "ญี่ปุ่นไฟเขียว Airbnb เปิดบริการถูกกฎหมาย แล้วนะ"
link ที่มา : https://www.bloomberg.com/news/articles/2017-03-10/airbnb-nears-approval-in-room-starved-japan-with-tighter-rules
link ไปจอง : https://www.airbnb.com
พอถึง ตม. ก็ถามว่าพักที่ไหน กี่คน เดินทางไปไหนบ้าง เราก็ตอบตามความเป็นจริงไป ไม่ถึง 1 นาทีก็ผ่าน ตม. ไปอย่างง่ายดาย
(ขอให้เขียนรายละเอียด ชื่อเจ้าของที่พัก เบอร์โทรติดต่อพร้อมกับที่อยู่ให้ครบถ้วนและเขียนตั้งแต่บนเครื่องบินเรยเป็นการรักษาเวลา)
Airbnb คืออะไร? นิยามสั้นๆก็คือ ที่พักโดยตรงจากคนท้องถิ่น เป็นได้ทั้งบ้าน คอนโด อพาร์ตเมนต์ เหมาะสำหรับใครที่อยากจะลอง
ใช้ชีวิตแบบ คนญี่ปุ่นจริงๆ การพักแบบนี้ตอบโจทย์ได้ดีเลยทีเดียว ราคาถูกกว่าพักโรงแรมมากๆและใกล้กับย่านท่องเที่ยวด้วย
2.ทริปนี้จะเดินทางยังไงให้สะดวก? สำหรับตัวเจ้าของกระทู้ต้องบอกเลยว่า JR Kansai Area Pass ตัวเดียวเอาอยู่
แนะนำให้จองล่วงหน้าตั้งแต่เมืองไทย (แถมราคาถูกกว่าไปซื้อที่ญี่ปุ่นและบัตรนี้สำหรับชาวต่างชาติ คนท้องถิ่นใช้ไม่ได้)
มีให้เลือกว่าเราจะใช้กี่วัน (เว้นวันไม่ได้ถ้าเปิดใช้แล้วต้องใช้แบบต่อเนื่อง) สำหรับเจ้าของกระทู้คิดแล้วถือว่า คุ้ม
เพราะใช้ตั้งแต่เดินทางจากสนามบิน ไปยัง เทนโนจิ(พักแถวย่านนี้) เกียวโต นารา จากนั้นก็เที่ยวโดยใช้ JR Osaka Loop Line ตลอด
(ไป USJ ก็สะดวก แนะนำให้ใช้)
ช่วงที่เจ้าของกระทู้เดินทางเป็นช่วง ต้นเดือน พ.ค ที่ผ่านมา หลังจากช่วง High Season ซากุระก็ร่วงโรยไป ฝูงชนนักท่องเที่ยวก็ได้กลับบ้าน
นั่นแหล่ะเวลาดีที่ต้องไป คนน้อย ถ่ายภาพไม่ต้องรอคิว ร้านค้าไม่ต้องรอเข้าแถว ถึงจะมีฝนตกเล็กน้อยแต่ก็ไม่เป็นอุปสรรค
"อยู่ใต้ฟ้า จะกลัวอะไรกับฝน"
3.สิ่งที่ควรพกเป็นอาวุธตลอดการเดินทาง?
สำหรับเจ้าของกระทู้ที่ขาดไม่ได้คือ "Pocket WiFi" กลับมาตรงที่พัก Airbnb ส่วนใหญ่ Host จะมี Pocket WiFi ให้นักท่องเที่ยวที่เข้ามาพักใช้และนำออกไปใช้ข้างนอกได้ (ประหยัดไปได้เยอะ) แต่สำหรับใครที่อยากมีติดตัวตั้งแต่ลงจากเครื่องก็แนะนำเช่า จากที่ไทยไป
(แนะนำให้สอบถามเจ้าหน้าที่รุ่นไหนใช้กับภูมิภาคนี้ได้บ้างกับการนัดรับส่ง โดยปกติราคาจะอยู่ที่ 150-200 บ.ต่อวัน)
ถัดมาคือ "Pocket Money" เจ้าของกระทู้แลกตอนช่วงเรทค่าเงินต่ำพอดี อีกอย่างแนะนำให้แลกไปล่วงหน้าเรยก็ดีค่ะ
"หนังสือคู่กาย" พกเล่มที่ชอบมากที่สุดไป 1 เล่มพอ (ไม่ใช่อะไรมันหนัก555) ถึงแม้เราจะไม่มีไกค์พาทัวร์ ให้ข้อมูลแต่เรามีหนังสือ
พอเราถึงสถานที่นั้นๆ หรือ อยากรู้ว่าแถวนี้มีที่เที่ยวที่น่าสนใจอื่นๆไหม หนังสือดีๆซักเล่มจะเป็นคำตอบให้คุณได้
(เวลานั่งบนเครื่องก็อ่านไปเพลินๆอีกอย่างบางทีเราใช้มือถือดูเส้นทางรถไฟ ดูสภาพอากาศ) ให้คุณพ่อคุณแม่ได้วางแผนทริปไปกับเราได้ด้วย
ดูเส้นทางรถไฟ : http://www.hyperdia.com/en/
ดูสภาพอากาศ : https://www.jnto.go.jp/weather/eng/index.php
"กล้องคู่ใจ" : Canon EOS-60D (กล้องคู่ใจเจ้าของกระทู้) + Sigma 10-20mm f/4-5.6 EX DC HSM + FIX Canon EF 50MM F/1.8
และที่สำคัญอีกอย่างคือ "ประกันภัยการเดินทาง" เหมือนจะดูไม่จำเป็นแต่สำหรับ Backpacks อย่างเราๆ นี่เป็นหัวใจหลัก
(กันไว้ดีกว่าแก้เดี๋ยวนี้ประกันภัยมีให้เลือกหลากหลายมาก ให้จัดการก่อนเดินทางประมาณ 1 อาทิตย์)
สถานที่ไปเที่ยววันแรก : ปราสาทโอซาก้า - ศาลเจ้าโฮโกกุ - โรงฝึกชูโดคัน - เดินเล่นย่าน Dotombori -ชิมปูยักษ์ร้าน Kani Doraku Honten
- ราเมงเจ้าดัง Kinryu ramen - ซาลาเปา 511 Horai Honten - เดินในตรอก Hozenji Yokocho - ร้านของฝาก Naniwa Ichibirian -
ช้อปปิ้งสตรีท Shinsaibashisuji - เดินเล่นย่านนัมบะแวะกิน PABLO - ซื้อ Rikuro's Cheese Cake อีกซักหน่อยละค่อยกลับเข้าที่พัก
พอออกจาก ตม.ขาเข้า ให้จำภาพบันไดเลื่อนนี้ไว้ ถ้าจะแลกบัตร JR PASS ให้ขึ้นไป 2F
แผนที่ปราสาทโอซาก้า (กว้างดี) จะเดินไปหรือจะนั่งรถไฟที่ให้บริการบริเวณทางเข้าก็ได้ 300 เยนขาเดียว
ตั๋วเข้าปราสาทโอซาก้า ถ้าใครซื้อบัตร Osaka Amazing Pass ก็จะเข้าชมฟรี ราคาปกติ 600 เยน
บริเวณปราสาทสามารถล่องเรือชมบรรยากาศได้ เรือออกแบบได้เข้ากับปราสาทมาก
ปราสาทโอซาก้า ช่วงหน้าฝน
ไอศกรีมชาเขียวร้านนี้อร่อยมากอยู่ข้างๆ ปราสาท
ศาลเจ้าโฮโกกุ ที่สร้างขึ้นเพื่ออุทิศให้แก่เจ้าของปราสาทนี้มีความเก่าแก่และเป็นสถานที่สำคัญอีกที่หนึ่ง
ช่วงเย็น เดินทางกันต่อไป ย่านคิตะ และ มินามิ