จุดเริ่มต้นของความเชื่อ
เราเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือเรื่องของเนื้อคู่มากๆ ความรู้สึกมันบอกให้รอ รออย่างไม่มีเหตุผล แค่คิดว่าสักวันคงได้เจอ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา (จนตอนนี้เรียนจบ กำลังจะทำงานแล้วก็ยังไม่มา 555) ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวมันเอง อาจเพราะการปลูกฝังจากพ่อแม่ว่าไม่ต้องมีน่ะดีแล้วเรียนให้จบก่อน และความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์หมอดู ร่างทรงทุกที่เลยบอกเหมือนกันหมดว่าเนื้อคู่เรายังไม่เจอหรอกตอนนี้จนกว่าจะเรียนจบมีงานทำถึงจะเจอ ตอนนี้ให้ตั้งใจเรียนให้ดี เพื่อพ่อแม่ เรื่องอื่นยังไม่ต้องไปสนใจ มันจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ใช้เป็นเหตุผลในการรอ เพราะถ้าคนเรามันจะมีถึงเวลามันก็มาเองไม่ต้องรีบร้อน แต่หมอดูก็คู่กับหมอเดาเราจะเชื่อทั้งหมดก็ไม่ได้ ดูแค่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตไม่ได้ยึดติดและเชื่อตามทั้งหมด แต่ใช้วิจารณญาณในการดู คิด วิเคราะห์ แยกแยะ อาจมองว่างมงายแต่มันแล้วแต่ความเชื่อของคน ข้อดีของการเชื่อหมอดูกับพ่อแม่ในเรื่องนี้มันดีมากจริงๆ เพราะการไม่มีแฟนในระหว่างที่เรียนมันช่วยในเรื่องเรียนมาก เพราะเมื่อเราไม่มีแฟนเวลาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับเรื่องเรียน เพื่อน ครอบครัว เวลามีเรื่องเครียดมีเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องเรียน เครียดจนร้องไห้ก็เรื่องเรียน ทุกข์ใจก็แค่เรื่องเดียวคือเรื่องเรียน มีเรื่องเพื่อนบ้างประปราย หากทุกข์ใจเพราะเพื่อนคนไหนมากๆ ก็ตัดไป ถ้าเป็นเรื่องใหญ่มากๆก็ตัดมันออกไปตัดมันออกจากชีวิตไปเลย เลิกคบไปเลย แม่คอยบอกเสมอว่าถ้าเค้าไม่ดี เค้าทำไม่ดีอะไรกับเรา อย่าไปเอาคืนอย่าไปตอบโต้ให้ใช้วิธีนิ่งไว้ เพราะการนิ่งจะทำให้มันไม่รู้ว่าเราคิดอะไร เดาใจเราไม่ได้ (นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว) วิธีนี้ใช้ได้ผลจริงๆ เพราะมันเป็นฝ่ายดิ้นพลาน ร้อนใจอยู่ฝ่ายเดียว สะใจ!!!!! อย่าไปจองเวรมัน เดี๋ยวต้องมาเจอมันอีก ปล่อยมันไปตามเวรตามกรรม พอตัดมันไปเรื่องทุกข์ใจของเราก็หมดไปอีกเรื่อง ไม่ต้องเอาเรื่องมันเก็บมาคิดให้ทุกข์ ที่ผ่านมาต้องขอบคุณพ่อแม่ที่คอยอยู่เคียงข้างให้คำแนะนำ ส่งเสริม ไม่เคยต้องทุกข์ใจกับอะไรนานๆ เพราะเวลามีปัญหาอะไรเข้ามาก็โทรคุยกับท่านตลอดแล้วความทุกข์นั้นจะหายไปในทันทีเหมือนเจอทางออก ไม่มีใครดีเท่าพ่อแม่อีกแล้ว และคนที่พร้อมจะรับฟังเรื่องของเราได้ทุกอย่างไม่มีข้อแม้คือพ่อแม่ เราจึงเปรียบพ่อแม่เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของเรา ขอบคุณพ่อกับแม่ที่มอบทัศนคติเชิงบวกให้นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต เวลาไปวัดสิ่งที่จะขอพรบ่อยๆคือ ขอให้เจอแต่มิตรที่ดี อย่าได้มีศัตรู และนี่คงเป็นอานิสงส์ตรงนั้น เพราะที่ผ่านมาเจอแต่มิตรที่ดี หากเจอคนไม่ดีปุ๊บ เราก็ตีตัวออกห่างปั๊บเลย
…และต่อจากนี้มันจะเกี่ยวกับโชคชะตาฟ้าลิขิตมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตน้อยๆในช่วงเวลาสั้นๆ ที่พบเจอมาในสังคมมหาลัย กับเพื่อนหลากหลายรูปแบบ ที่เราจะเจอในรั่วมหาลัย แต่จะมีเรื่องเนื้อคู่มั้ยไม่แน่ใจ ได้แต่อยู่อยู่เหมือนกัน
คุณเชื่อเรื่อง “โชคชะตาฟ้าลิขิต” กับการได้มาเจอกัน…มากน้อยแค่ไหน???
เราเป็นคนหนึ่งที่เชื่อในเรื่องโชคชะตาฟ้าลิขิตหรือเรื่องของเนื้อคู่มากๆ ความรู้สึกมันบอกให้รอ รออย่างไม่มีเหตุผล แค่คิดว่าสักวันคงได้เจอ แต่ตอนนี้ยังไม่ถึงเวลา (จนตอนนี้เรียนจบ กำลังจะทำงานแล้วก็ยังไม่มา 555) ทุกอย่างมีเหตุผลในตัวมันเอง อาจเพราะการปลูกฝังจากพ่อแม่ว่าไม่ต้องมีน่ะดีแล้วเรียนให้จบก่อน และความเชื่อเรื่องไสยศาสตร์หมอดู ร่างทรงทุกที่เลยบอกเหมือนกันหมดว่าเนื้อคู่เรายังไม่เจอหรอกตอนนี้จนกว่าจะเรียนจบมีงานทำถึงจะเจอ ตอนนี้ให้ตั้งใจเรียนให้ดี เพื่อพ่อแม่ เรื่องอื่นยังไม่ต้องไปสนใจ มันจึงเป็นอีกเหตุผลหนึ่งที่ใช้เป็นเหตุผลในการรอ เพราะถ้าคนเรามันจะมีถึงเวลามันก็มาเองไม่ต้องรีบร้อน แต่หมอดูก็คู่กับหมอเดาเราจะเชื่อทั้งหมดก็ไม่ได้ ดูแค่เป็นแนวทางในการดำเนินชีวิตไม่ได้ยึดติดและเชื่อตามทั้งหมด แต่ใช้วิจารณญาณในการดู คิด วิเคราะห์ แยกแยะ อาจมองว่างมงายแต่มันแล้วแต่ความเชื่อของคน ข้อดีของการเชื่อหมอดูกับพ่อแม่ในเรื่องนี้มันดีมากจริงๆ เพราะการไม่มีแฟนในระหว่างที่เรียนมันช่วยในเรื่องเรียนมาก เพราะเมื่อเราไม่มีแฟนเวลาส่วนใหญ่จึงหมดไปกับเรื่องเรียน เพื่อน ครอบครัว เวลามีเรื่องเครียดมีเพียงเรื่องเดียวคือเรื่องเรียน เครียดจนร้องไห้ก็เรื่องเรียน ทุกข์ใจก็แค่เรื่องเดียวคือเรื่องเรียน มีเรื่องเพื่อนบ้างประปราย หากทุกข์ใจเพราะเพื่อนคนไหนมากๆ ก็ตัดไป ถ้าเป็นเรื่องใหญ่มากๆก็ตัดมันออกไปตัดมันออกจากชีวิตไปเลย เลิกคบไปเลย แม่คอยบอกเสมอว่าถ้าเค้าไม่ดี เค้าทำไม่ดีอะไรกับเรา อย่าไปเอาคืนอย่าไปตอบโต้ให้ใช้วิธีนิ่งไว้ เพราะการนิ่งจะทำให้มันไม่รู้ว่าเราคิดอะไร เดาใจเราไม่ได้ (นิ่งสงบ สยบความเคลื่อนไหว) วิธีนี้ใช้ได้ผลจริงๆ เพราะมันเป็นฝ่ายดิ้นพลาน ร้อนใจอยู่ฝ่ายเดียว สะใจ!!!!! อย่าไปจองเวรมัน เดี๋ยวต้องมาเจอมันอีก ปล่อยมันไปตามเวรตามกรรม พอตัดมันไปเรื่องทุกข์ใจของเราก็หมดไปอีกเรื่อง ไม่ต้องเอาเรื่องมันเก็บมาคิดให้ทุกข์ ที่ผ่านมาต้องขอบคุณพ่อแม่ที่คอยอยู่เคียงข้างให้คำแนะนำ ส่งเสริม ไม่เคยต้องทุกข์ใจกับอะไรนานๆ เพราะเวลามีปัญหาอะไรเข้ามาก็โทรคุยกับท่านตลอดแล้วความทุกข์นั้นจะหายไปในทันทีเหมือนเจอทางออก ไม่มีใครดีเท่าพ่อแม่อีกแล้ว และคนที่พร้อมจะรับฟังเรื่องของเราได้ทุกอย่างไม่มีข้อแม้คือพ่อแม่ เราจึงเปรียบพ่อแม่เป็นที่ปรึกษากิตติมศักดิ์ของเรา ขอบคุณพ่อกับแม่ที่มอบทัศนคติเชิงบวกให้นำมาใช้ในการดำเนินชีวิต เวลาไปวัดสิ่งที่จะขอพรบ่อยๆคือ ขอให้เจอแต่มิตรที่ดี อย่าได้มีศัตรู และนี่คงเป็นอานิสงส์ตรงนั้น เพราะที่ผ่านมาเจอแต่มิตรที่ดี หากเจอคนไม่ดีปุ๊บ เราก็ตีตัวออกห่างปั๊บเลย
…และต่อจากนี้มันจะเกี่ยวกับโชคชะตาฟ้าลิขิตมากน้อยแค่ไหน ก็ไม่รู้เหมือนกัน เอาเป็นว่ามันเป็นประสบการณ์ชีวิตน้อยๆในช่วงเวลาสั้นๆ ที่พบเจอมาในสังคมมหาลัย กับเพื่อนหลากหลายรูปแบบ ที่เราจะเจอในรั่วมหาลัย แต่จะมีเรื่องเนื้อคู่มั้ยไม่แน่ใจ ได้แต่อยู่อยู่เหมือนกัน