เรามาทบทวนกันตั้งแต่วิธีการที่หมอใช้ในการประชุมผู้ถือหุ้น ใครจะว่าผิดอย่างไรแต่หมอและ ก.ล.ต.ไม่ได้มองว่าเป็นความผิด เป็นเพียงการที่ " กฎหมายเปิดช่อง " เมื่อเลือกกรรมการมาโดยฝ่ายทวิชมี 5 ที่นั่ง ฝ่ายหมอมีเสียงน้อยกว่าคือ 4 ที่นั่ง หมอก็โชว์เก๋าชี้ให้กรรมการฝ่ายทวิชหมดอายุออกไป 3 ที่นั่งโดยที่ฝ่ายหมอยังอยู่ครบ เมื่อประชุมสามัญผู้ถือหุ้นประจำปีหมอก็ใช้กลยุทธ์เดิมคือการลงคะแนนแบบCUMULATIVE ลากกรรมการหน้าใหม่ทุนหนาฝ่ายของหมอเข้ามาได้อีก 1 ที่นั่งทำให้ฝ่ายทวิชเหลือแค่ 4 เสียงจนทนไม่ไหวก็ยกทีมลาออกไป

จุดไคลแมกซ์มาถึง เมื่อหมอแจ้งไปยังตลาดหลักทรัพย์ว่าทีมทวิชลาออกแต่กรรมการIFEC ยังมีครบตามกฎหมายคือ 5 ท่าน ถึงแม้ว่าฝ่ายทวิชจะไปร้องค้านการจดทะเบียนเป็นกรรมการเข้าใหม่ค้างอยู่ที่กระทรวงพาณิชย์ แต่หมอไม่แคร์ ตลาดหลักทรัพย์ไม่ว่าและก.ล.ต.ก็ไม่ค้าน..... บันไดขั้นแรกหมอเหยียบขึ้นไปได้สบายๆ

บันไดขั้นที่สอง หมอจัดประชุมกรรมการเพียงพอกับองค์ประชุมและตั้งกรรมการใหม่ขึ้นอีก 4 ท่านจนครบจำนวน พร้อมกันนั้นหมอยังตบหน้าสั่งสอนตั้งกรรมการตรวจสอบขึ้นโดยพลันหลังจากที่IFEC ไม่มีกรรมการตรวจสอบมาแล้วกว่า 6 เดือน ตลาดหลักทรัพย์ทำได้แค่เตือนแขวนป้าย ก.ล.ต.ก็ยิ้มหวานให้กับการที่ไร้กรรมการตรวจสอบ ทันทีที่หมดขวากหนามหมอก็ตั้งกรรมการลูกทีมมาตรวจสอบหมอแบบเป็นกันเอง ตลาดหลักทรัพย์ต้องยุติSPแบบหักปากกาเซียน

บัดนี้ IFEC มีครบทุกประการพร้อมที่จะแก้ปัญหาแล้ว จะมามั่วข่าวว่าหมอ "ลักหลับ" ได้อย่างไร ?

ต้องขอบคุณก.ล.ต.และตลาดหลักทรัพย์ที่ไม่บ้าจี้ตามเสียงนกเสียงกา ยืนหยัดยึดมั่นในกฎกติกาเพื่อเป็นบทเรียนให้นักลงทุนทุกรายระลึกว่า " การลงทุนย่อมมีความเสี่ยง "