Me and Mr.X : Us Against the World (2016)
ในจำนวนหนังสั้นในชุด Me and Mr.X จำนวน 4 เรื่อง เราว่า Us Against the World อ่อนที่สุด กับเรื่องราวความรักของเด็กหนุ่มเรียบร้อยเจี๋ยมเจี๊ยมกับเด็กหนุ่มซ่าสุดป๊อปประจำโรงเรียน ที่ตกเป็นเป้าของการล้อเลียน กลั่นแกล้ง และลงเอยด้วยการปกป้องกันและกัน จนกลายเป็นความทรงจำที่ดีในรั้วโรงเรียน แหม หวานซะ คือด้วยตัวเรื่องมันค่อนข้างช้ำและดูเป็นสูตรสำเร็จมากอยู่แล้ว พอเจอกับเทคนิคการเล่าเรื่องที่แข็งทื่อ การแสดงที่มีปัญหาไม่มีเสน่ห์ดึงดูดมากพอ มันก็เลยไปกันใหญ่
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์อะไรแบบนี้ มันก็ดูน่าเชื่อสมกับที่เค้าเปิดเรื่องว่า “สร้างจากเรื่องจริง” นั่นแหละ ย้อนคิดถึงสมัยตัวเองเป็นเด็กมัธยม ก็มีอะไรคล้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง ถึงแม้มันจะไม่ได้จบลงสวยงาม แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดีและหล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างในทุกวันนี้...
Me and Mr.X : Beijing Beijing (2016)
นี่คือหนังสั้นเกย์จากประเทศจีนในโปรเจกต์ Me and Mr.X ของแอพพลิเคชั่น Blued ซึ่งเปิดโอกาสให้คนทางบ้านส่งเรื่องราวประสบการณ์ความรักของตัวเองเข้ามา เรื่องที่ถูกเลือกจะได้นำมาถ่ายทอดเป็นหนังสั้น แหม นี่มัน Club Friday The Series หรือเปล่า
จาก Us Against the World (EP แรกของ Me and Mr.X) ที่เล่าเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ในรั้วโรงเรียน สู่ Beijing Beijing ที่ขยับมาเล่าปมความรักของเด็กวัยรุ่นชายสองคนที่ต้องเลิกรากันไปเพราะครอบครัวจับได้และสั่งให้เลิกคบ ใครจะรู้ว่า ทั้งคู่บังเอิญเดินทางเข้าสู่เมืองใหญ่แสนเหงาอย่างปักกิ่ง และมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง แล้วครั้งนี้เรื่องราวจะลงเอยแบบเดิมหรือเปล่า?
Beijing Beijing ยังมีความอิหลักอิเหลื่อในตัวบทและการแสดงอยู่เหมือนกับ Us Against the World แต่เอาจริงๆ การเล่นใหญ่ทั้งตัวบท (เล่นกับความโคตรบังเอิญ) การแสดง (แข็งทื่อ) และการใช้เพลงแทรกราวกับ MV แบบนี้ก็คุ้นๆ เหมือนกลุ่มซีรี่ส์วายบ้านเรานั่นแหละ (ยังดีที่นักแสดงใน Beijing Beijing ยังมีเสน่ห์มากกว่า Us Against the World ... โดยเฉพาะน้องหนวดบางร่างลีน) กระนั้น สิ่งที่เราชอบมากก็คือ การนำเสนอความ “ใจร้าย” ของคนในเมืองใหญ่ ซึ่งจากที่ได้ไปสัมผัสปักกิ่งมา เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องเกินเลยแต่อย่างใด เมืองใหญ่ที่ต่างคนต่างอยู่ แก่งแย่งชิงดี และหมางเมินใส่กัน ไม่แปลกใจที่เราได้ยินเพื่อนร่วมงานที่ปักกิ่งบ่นเสมอว่า ... เหงา
Me and Mr.X : The Groomsmen (2016)
ในบรรดาหนังสั้น 4 เรื่องในโปรเจกต์ซีรี่ส์ Me and Mr.X ของแอพพลิเคชั่น Blued นี่คือเรื่องที่เราชอบมากที่สุด โอเค ยอมรับว่าหน้าตาของนักแสดงทั้ง 2 คนมีส่วนมิใช่น้อย (พี่หมีตัวใหญ่เข้มๆ นั่นน่ารักมาก และพี่หนวดหน้าตี๋ก็น่าร๊าก) แต่ แหม การแสดงของทั้งคู่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าเรื่องอื่นๆ นะ และประเด็นจุดพลิกผันของเรื่องก็จริงจัง ยิ่งใหญ่ และมีบทสรุปชวนช็อกมาก
“เสี่ยง” กับ “หมิง” เป็นคู่รักเกย์ที่คบกันมานาน ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดี เพราะทั้งคู่ก็คบกันอย่างเปิดเผย และคุณแม่ของเสี่ยงก็รับทราบถึงความสัมพันธ์นี้ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณแม่ของหมิงเอ่ยปากว่า อยากให้หมิงแต่งงานมีลูกเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล นั่นทำให้เสี่ยงยอมตัดสินใจเดินจากไป แล้วร่วมผลักดันให้หมิงได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง!
เฮ้ย เอาจริงดิ! บอกตรงๆ ว่าช็อกกับการเลือกทางออกนี้ให้ตัวละครมาก แต่เมื่อมองในบริบทสังคมจีน และการยืนยันว่า นี่คือหนังสั้นที่สร้างจากเรื่องจริง ... การลงเอยด้วย “เสี่ยง” เป็นได้แค่เพื่อนเจ้าบ่าว มันก็ดูจริงและสมเหตุสมผลแบบน่าจะเกิดขึ้นได้จริง ... และนั่นก็ยิ่งโคตรเศร้าเลย
มองย้อนกลับมาในซีรี่ส์วายและหนังเกย์ไทย หากมีการเลือกทางออกแบบนี้ให้ตัวละคร คงมิวายโดนด่า ไหนจะเรื่องการหลอกผู้หญิงมาแต่งงานด้วย ไหนจะเป็นการสร้างปัญหาที่ตามมา และที่สำคัญที่สุดมันคือการเลือกทางออกที่ปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริงของตัวละคร ... แต่ถ้ามองให้ลึกในสังคมไทย แม้วันนี้บ้านเราจะเปิดกว้างมากแค่ไหน แต่การแอ๊บหลอกผู้หญิงมาแต่งงานอยู่ มันก็ยังมีอยู่จริง ... มิใช่หรือ?
Me and Mr.X : Promise You A City (2016)
พล็อตของหนังสั้น Promise You A City นั้นคล้ายกับ Us Against The World (หนังสั้นอีกหนึ่งเรื่องในโปรเจกต์ซีรี่ส์ Me and Mr.X ของแอพพลิเคชั่น Blued) ในแง่ที่มันค่อนข้างซ้ำซาก คุ้นหูคุ้นตา เดาง่าย และค่อนข้าง “เบา” แต่มันก็เป็นเรื่องที่เกย์หลายคนน่าจะเชื่อมโยงต่อติดได้ไม่ยากเช่นกัน
Promise You A City บอกเล่าเรื่องราวของเกย์หนุ่มคนหนึ่งที่ยอมลาออกจากงานและชีวิตที่มั่นคง เดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนรักหนุ่มที่เซียงไฮ้ ทว่าเมื่อไปถึงที่นั่นหลายสิ่งหลายอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เค้าคิด เค้ายังหางานทำไม่ได้ รู้สึกไร้ค่า และเริ่มรู้สึกว่าคนรักของเค้าค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ที่สุดแล้ว เค้าจึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์ และเดินทางจากเมืองที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั้นมา
ปัญหาของ Promise You A City คือเราไม่สัมผัสได้ถึงความรักความเอื้ออาทรที่คู่รักคู่นี้มีต่อกัน นั่นทำให้เราไม่เดือดเนื้อร้อนใจเมื่อเห็นเค้ามีปัญหากัน และไม่ได้เอาใจช่วยตัวละครเลย เช่นเดียวกับการที่เราไม่อาจสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแสนพิเศษของเซียงไฮ้ ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นอีกหนึ่งตัวละครหลัก อย่างที่บทพยายามให้เป็น ซึ่งคิดว่าปัญหาเรื่องการเก็บบรรยากาศ บันทึกสถานที่สำคัญในเซียงไฮ้ หรือสร้างฉากจำให้กับเมือง คงมาจากงบประมาณอันมีจำกัดนั่นแหละ
[CR] [Review] หนังสั้นในชุดซีรี่ส์ Me and Mr.X ของ Blued
Me and Mr.X : Us Against the World (2016)
ในจำนวนหนังสั้นในชุด Me and Mr.X จำนวน 4 เรื่อง เราว่า Us Against the World อ่อนที่สุด กับเรื่องราวความรักของเด็กหนุ่มเรียบร้อยเจี๋ยมเจี๊ยมกับเด็กหนุ่มซ่าสุดป๊อปประจำโรงเรียน ที่ตกเป็นเป้าของการล้อเลียน กลั่นแกล้ง และลงเอยด้วยการปกป้องกันและกัน จนกลายเป็นความทรงจำที่ดีในรั้วโรงเรียน แหม หวานซะ คือด้วยตัวเรื่องมันค่อนข้างช้ำและดูเป็นสูตรสำเร็จมากอยู่แล้ว พอเจอกับเทคนิคการเล่าเรื่องที่แข็งทื่อ การแสดงที่มีปัญหาไม่มีเสน่ห์ดึงดูดมากพอ มันก็เลยไปกันใหญ่
อย่างไรก็ตาม ประสบการณ์อะไรแบบนี้ มันก็ดูน่าเชื่อสมกับที่เค้าเปิดเรื่องว่า “สร้างจากเรื่องจริง” นั่นแหละ ย้อนคิดถึงสมัยตัวเองเป็นเด็กมัธยม ก็มีอะไรคล้ายๆ แบบนี้เกิดขึ้นกับตัวเราเอง ถึงแม้มันจะไม่ได้จบลงสวยงาม แต่มันก็เป็นความทรงจำที่ดีและหล่อหลอมให้เราเป็นเราอย่างในทุกวันนี้...
Me and Mr.X : Beijing Beijing (2016)
นี่คือหนังสั้นเกย์จากประเทศจีนในโปรเจกต์ Me and Mr.X ของแอพพลิเคชั่น Blued ซึ่งเปิดโอกาสให้คนทางบ้านส่งเรื่องราวประสบการณ์ความรักของตัวเองเข้ามา เรื่องที่ถูกเลือกจะได้นำมาถ่ายทอดเป็นหนังสั้น แหม นี่มัน Club Friday The Series หรือเปล่า
จาก Us Against the World (EP แรกของ Me and Mr.X) ที่เล่าเรื่องราวความรักความสัมพันธ์ในรั้วโรงเรียน สู่ Beijing Beijing ที่ขยับมาเล่าปมความรักของเด็กวัยรุ่นชายสองคนที่ต้องเลิกรากันไปเพราะครอบครัวจับได้และสั่งให้เลิกคบ ใครจะรู้ว่า ทั้งคู่บังเอิญเดินทางเข้าสู่เมืองใหญ่แสนเหงาอย่างปักกิ่ง และมีโอกาสได้พบกันอีกครั้ง แล้วครั้งนี้เรื่องราวจะลงเอยแบบเดิมหรือเปล่า?
Beijing Beijing ยังมีความอิหลักอิเหลื่อในตัวบทและการแสดงอยู่เหมือนกับ Us Against the World แต่เอาจริงๆ การเล่นใหญ่ทั้งตัวบท (เล่นกับความโคตรบังเอิญ) การแสดง (แข็งทื่อ) และการใช้เพลงแทรกราวกับ MV แบบนี้ก็คุ้นๆ เหมือนกลุ่มซีรี่ส์วายบ้านเรานั่นแหละ (ยังดีที่นักแสดงใน Beijing Beijing ยังมีเสน่ห์มากกว่า Us Against the World ... โดยเฉพาะน้องหนวดบางร่างลีน) กระนั้น สิ่งที่เราชอบมากก็คือ การนำเสนอความ “ใจร้าย” ของคนในเมืองใหญ่ ซึ่งจากที่ได้ไปสัมผัสปักกิ่งมา เราไม่ได้คิดว่ามันเป็นเรื่องเกินเลยแต่อย่างใด เมืองใหญ่ที่ต่างคนต่างอยู่ แก่งแย่งชิงดี และหมางเมินใส่กัน ไม่แปลกใจที่เราได้ยินเพื่อนร่วมงานที่ปักกิ่งบ่นเสมอว่า ... เหงา
Me and Mr.X : The Groomsmen (2016)
ในบรรดาหนังสั้น 4 เรื่องในโปรเจกต์ซีรี่ส์ Me and Mr.X ของแอพพลิเคชั่น Blued นี่คือเรื่องที่เราชอบมากที่สุด โอเค ยอมรับว่าหน้าตาของนักแสดงทั้ง 2 คนมีส่วนมิใช่น้อย (พี่หมีตัวใหญ่เข้มๆ นั่นน่ารักมาก และพี่หนวดหน้าตี๋ก็น่าร๊าก) แต่ แหม การแสดงของทั้งคู่ก็อยู่ในเกณฑ์ดีกว่าเรื่องอื่นๆ นะ และประเด็นจุดพลิกผันของเรื่องก็จริงจัง ยิ่งใหญ่ และมีบทสรุปชวนช็อกมาก
“เสี่ยง” กับ “หมิง” เป็นคู่รักเกย์ที่คบกันมานาน ทุกอย่างดูเหมือนจะไปได้ดี เพราะทั้งคู่ก็คบกันอย่างเปิดเผย และคุณแม่ของเสี่ยงก็รับทราบถึงความสัมพันธ์นี้ จนกระทั่งวันหนึ่งคุณแม่ของหมิงเอ่ยปากว่า อยากให้หมิงแต่งงานมีลูกเพื่อสืบทอดวงศ์ตระกูล นั่นทำให้เสี่ยงยอมตัดสินใจเดินจากไป แล้วร่วมผลักดันให้หมิงได้ทำในสิ่งที่ถูกต้อง!
เฮ้ย เอาจริงดิ! บอกตรงๆ ว่าช็อกกับการเลือกทางออกนี้ให้ตัวละครมาก แต่เมื่อมองในบริบทสังคมจีน และการยืนยันว่า นี่คือหนังสั้นที่สร้างจากเรื่องจริง ... การลงเอยด้วย “เสี่ยง” เป็นได้แค่เพื่อนเจ้าบ่าว มันก็ดูจริงและสมเหตุสมผลแบบน่าจะเกิดขึ้นได้จริง ... และนั่นก็ยิ่งโคตรเศร้าเลย
มองย้อนกลับมาในซีรี่ส์วายและหนังเกย์ไทย หากมีการเลือกทางออกแบบนี้ให้ตัวละคร คงมิวายโดนด่า ไหนจะเรื่องการหลอกผู้หญิงมาแต่งงานด้วย ไหนจะเป็นการสร้างปัญหาที่ตามมา และที่สำคัญที่สุดมันคือการเลือกทางออกที่ปิดกั้นความรู้สึกที่แท้จริงของตัวละคร ... แต่ถ้ามองให้ลึกในสังคมไทย แม้วันนี้บ้านเราจะเปิดกว้างมากแค่ไหน แต่การแอ๊บหลอกผู้หญิงมาแต่งงานอยู่ มันก็ยังมีอยู่จริง ... มิใช่หรือ?
Me and Mr.X : Promise You A City (2016)
พล็อตของหนังสั้น Promise You A City นั้นคล้ายกับ Us Against The World (หนังสั้นอีกหนึ่งเรื่องในโปรเจกต์ซีรี่ส์ Me and Mr.X ของแอพพลิเคชั่น Blued) ในแง่ที่มันค่อนข้างซ้ำซาก คุ้นหูคุ้นตา เดาง่าย และค่อนข้าง “เบา” แต่มันก็เป็นเรื่องที่เกย์หลายคนน่าจะเชื่อมโยงต่อติดได้ไม่ยากเช่นกัน
Promise You A City บอกเล่าเรื่องราวของเกย์หนุ่มคนหนึ่งที่ยอมลาออกจากงานและชีวิตที่มั่นคง เดินทางไปเริ่มต้นชีวิตใหม่กับคนรักหนุ่มที่เซียงไฮ้ ทว่าเมื่อไปถึงที่นั่นหลายสิ่งหลายอย่างกลับไม่เป็นอย่างที่เค้าคิด เค้ายังหางานทำไม่ได้ รู้สึกไร้ค่า และเริ่มรู้สึกว่าคนรักของเค้าค่อยๆ เปลี่ยนแปลงไป ที่สุดแล้ว เค้าจึงตัดสินใจจบความสัมพันธ์ และเดินทางจากเมืองที่เต็มไปด้วยความทรงจำนั้นมา
ปัญหาของ Promise You A City คือเราไม่สัมผัสได้ถึงความรักความเอื้ออาทรที่คู่รักคู่นี้มีต่อกัน นั่นทำให้เราไม่เดือดเนื้อร้อนใจเมื่อเห็นเค้ามีปัญหากัน และไม่ได้เอาใจช่วยตัวละครเลย เช่นเดียวกับการที่เราไม่อาจสัมผัสได้ถึงบรรยากาศแสนพิเศษของเซียงไฮ้ ทั้งๆ ที่มันควรจะเป็นอีกหนึ่งตัวละครหลัก อย่างที่บทพยายามให้เป็น ซึ่งคิดว่าปัญหาเรื่องการเก็บบรรยากาศ บันทึกสถานที่สำคัญในเซียงไฮ้ หรือสร้างฉากจำให้กับเมือง คงมาจากงบประมาณอันมีจำกัดนั่นแหละ