หนังเก่าเล่าใหม่ 060: Always 3: Sunset on third street (Takashi Yamazaki, 2012) เขียนโดย Form Corleone

หนังเก่าเล่าใหม่ 060: Always 3: Sunset on third street (Takashi Yamazaki, 2012)


" แสงสุดท้ายของวันยังคงสวยแบบนี้เสมอในทุกๆวัน " สำหรับ 'Always' ภาคสุดท้ายนี้ เล่าถึงเรื่องราวในปี 1964 เมื่อญี่ปุ่นประเทศที่ 'แพ้สงคราม' กำลังเป็นเจ้าภาพในการแข่งขันกีฬาโอลิมปิก แน่นอนว่าความเจริญก้าวหน้าในรูปแบบต่างๆ จะต้องแตกต่างจากสองภาคก่อนอย่างเห็นได้ชัด รวมไปถึงบรรยากาศของคนในถนนหมายเลขสาม ที่กำลังตื่นเต้นกับการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญของประเทศ แม้ตัวหนังจะลดความดราม่าเรียกน้ำตาจากสองภาคก่อนไปค่อนข้างเยอะ แต่ความอบอุ่นของหนังเรื่องนี้ยังคงแจ่มชัดและสามารถถ่ายทอดได้ดีไม่แพ้สองภาคก่อน สำหรับภาคนี้หนังพยายามเน้นไปที่ประเด็นของ 'ความสุขในชีวิตคืออะไรกันแน่?' ซึ่งถือเป็นประเด็นที่สามารถปิดไตรภาคนี้ได้อย่างสามบูรณ์แบบ แม้จะทิ้งคำถามปลายเปิดไว้ในตอนท้ายเรื่อง ว่าตัวละครในเรื่องที่เลือกเส้นทางชีวิตต่อไปข้างหน้าจะเผชิญเหตุการณ์อะไรต่อไปหลังจากนี้ 'Always 3' เปรียบเสมือนตัวแทนของการเติมโตของตัวละครทั้งรุ่นใหญ่และรุ่นเด็กอย่างชัดเจนกว่าสองภาคแรก อาจเป็นด้วยระยะเวลาที่ห่างจากสองภาคแรกค่อนข้างเยอะ จึงทำให้เราสามารถเห็นความเปลี่ยนแปลงของตัวละคร ไม่เพียงแค่นักแสดงเด็กจะโตขึ้นจากภายนอกเท่านั้น ความคิดและวิธีคิดก็โตตามไปด้วย


ชีวิตของตัวละครในภาคนี้ 'ริวโนะสุเกะ' แต่งงานกับ 'ฮิโรมิ' และกำลังจะมีลูกด้วยกัน และได้อยู่กันพร้อมหน้าอย่างที่ 'จุนโนสุเกะ' ตั้งตารอคอย บ้านของพวกเขาถูกต่อเติมใหม่แต่ก็ยังแสดงสภาวะของความยากจน 'ริวโนะสุเกะ' ใช้งานเขียนในการเลี้ยงครอบครัวพยายามที่จะเป็นหัวหน้าครอบครัวให้ได้แต่แล้วก็มีคู่แข่งนักเขียนรุ่นใหม่ที่กำลังจะแย่งงานประจำของเขาไป ร่วมถึงปัญหาชีวิตที่เกี่ยวกับพ่อของ 'ริวโนะสุเกะ' ที่ไม่เคยถูกบอกเล่าในสองภาคแรกจะถูกนำมาเติมเต็มให้เราเข้าใจตัวละครตัวนี้มากขึ้น ส่วนครอบครัวซูซูกิ มีการพัฒนาการที่ดีขึ้นมากๆ ในขณะที่ 'โรขุจัง' กำลังมีความรัก ส่วน 'อิปเป' ลูกชายคนเดียวของครอบครัวก็ไม่สนใจที่จะสืบทอดซูซูกิออโต้ต่อจากพ่อ ผิดกับทางด้าน 'จุนโนสุเกะ' ที่อยากเป็นนักเขียนให้ได้ใจจะขาด เรื่องราวทั้งหมดจึงเปรียบเสมือนเส้นตรงที่กำลังดำเนินไปเรื่อยๆตามวิถีทางของชีวิต


ประเด็นหลักของภาคนี้จะแตกต่างจากสองภาคแรกที่บอกเล่าเรื่องความรักของคนหนุ่มสาวหรือความสัมพันธ์ของคนในครอบครัว ตัวหนังจะยกประเด็นเรื่องทำตามความฝันให้เป็นประเด็นหลัก ต่อเสริมด้วยความสุขของการมีชีวิต ความหมายของชีวิต โดยมีฉากหลังเป็นบ้านเมืองที่เจริญก้าวหน้าแล้ว ตัวละครทุกตัวยังคงทำหน้าที่ได้ดี ดนตรีประกอบและโทนสีของหนังยังคงสร้างความอบอุ่นเหมือนเดิม ฉากพระอาทิตย์ตกดินยังคงมีมนตร์เสน่ห์อยู่เสมอ สำหรับเรา 'Always' ทั้งสามภาคให้ความรู้สึกเหมือนเรากำลังศึกษาประเทศที่แพ้สงครามแต่สามารถพาตัวเองก้าวพ้นมาเป็นประเทศที่พัฒนาจนได้เป็นเจ้าภาพจัดแข่งขันกีฬาโอลิมปิก เพียงระยะเวลาไม่ถึง 10 ปี พวกเขาสามารถที่จะพาตัวเองกับมายิ่งใหญ่ได้อีกครั้ง ต้องชื่นชม 'Takashi Yamazaki' ที่สามารถถ่ายทอดเรื่องราวบอกเล่าประเทศของเขา ผ่านตัวละครได้อย่างลึกซึ้งลงตัวที่สุด


สุดท้าย 'Always 3: Sunset on third street' ถือเป็นบทสรุปของไตรภาคได้อย่างสมบูรณ์พร้อม และยังคงให้อารมณ์ครบทุกความรู้สึกเช่นเคย แม้ท้ายสุดบนถนนหมายเลขสามจะยังคงมีเด็กน้อยวิ่งไล่จับกันเช่นเคย แม้ชีวิตเด็กหนุ่มที่กำลังออกจากบ้านเพื่อไปตามความฝันจะยังไม่รู้ปลายทางชีวิต แม้การเริ่มต้นใหม่ของหนึ่งครอบครัวจะยังไม่รู้ชะตากรรมข้างหน้า แต่ทุกสิ่งที่อย่างกำลังเป็นไปในทางทีดี และชีวิตของทุกคนก็ยังดำเนินต่อไป หนึ่งชีวิตกำลังเกิดขึ้น ภายใต้แสงอาทิตย์ตอนตะวันตกดิน ทุกสิ่งหมุนเวียนไปไม่รู้จบ ทุกสิ่งยังคงเป็นเช่นนั้นเสมอ


'พระอาทิตย์กำลังตกดินแล้ว สวยดีเนอะ'


ขอให้มีความสุขกับการดูหนังครับ ยิ้ม

ตัวอย่างหนัง
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ปล. รีวิวภาคแรก https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/photos/a.526813687409980.1073741825.218828854875133/1378615932229747/?type=3&theater

รีวิวภาคสอง
https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/photos/a.526813687409980.1073741825.218828854875133/1383214298436577/?type=3&theater

ฝากกด like Page ด้วยนะครับ
Page: https://www.facebook.com/MoviesDelightClub/
Blog: http://moviesdelightclub.blogspot.com/
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่