ใครว่าอยู่เมืองนอกสบาย By สะใภ้ฟินแลนด์#3

"จบครูคณิต จากไทย เหตุใด จึงมาเรียน เป็น lähihoitaja(ผู้ช่วยพยาบาล) by สะใภ้ฟินแลนด์ #3.1"

"จะทำงาน เป็นอะไร ก็แล้วแต่ ขอให้ทำ ด้วยความสุข และความรัก ในงานที่ทำ เท่านั้นพอ .."

ใช่ค่ะ คุณอ่านหัวข้อ ไม่ผิด จขกท. จบ ป.ตรี ศึกษาศาสตร์ วิชาเอกคณิตศาสตร์ จาก มหาวิทยาลัยสีม่วง แห่งนึงทางภาคเหนือ จบมาเมื่อปีไหน โปรดอย่าถาม once upon a time .. มันตะเตือนไต >_<

ก่อนอื่น เรามาทำความเข้าใจ 'เบื้องต้น' กันก่อนนะคะ

สำหรับคนที่กำลังคิดว่า 'สมน้ำหน้า เป็นครูอยู่ไทยสบายๆดีๆแท้ๆ อยากมีผัวฝรั่งเอง แล้วดันมาเลือกจะมีผัว ประเทศฟินแลนด์ นี้เอง ก็ต้องยอมรับ ในผลการตัดสินใจของหล่อนสิ ..' ตอบค่ะ : ทุกอย่างเกิดขึ้น ด้วยเหตุและผลในตัวของมัน บางอย่างเราไม่ได้เลือก และอธิบายไม่ได้ ว่าทำไมมันถึงเกิดขึ้น มันมาของมันเอง เป็นไปเอง โดยที่เราก็ไม่คิดเหมือนกัน ว่าวันนี้ เราจะมายืนอยู่ ณ จุดนี้ได้

5 ปีที่แล้ว ตอน จขกท. กำลังคิดใคร่ครวญว่าจะ ทิ้งงาน ทิ้งชีวิตสโลว์ไลฟ์ แสนสบาย มีบ้านอยู่ มีรถขับ จะทิ้งทุกอย่าง แล้วมาเริ่มต้นใหม่ ที่นี่ กับผู้ชายที่เรา(เพิ่งจะ)รักคนนี้ จริงๆน่ะหรือ?? ลังเลอยู่เหมือนกันค่ะ แต่ไม่นาน ด้วยความเป็นคนใจง่าย โดยพื้นฐาน 55 เม้าท์!!! จริงๆ แล้ว คือ ตอนนั้น คิดแค่ว่า ถ้าไม่เริ่มเดิน ก็ไม่มีวันไปถึงเป้าหมาย ถ้าอยากมีลูก ชั้นก็ต้องมีผัวก่อนสินะ >_< ประกอบกับ ผัว(เก่า) โทรมาเป่าหูทุกวัน บอกให้ มาเถอะที่รัก ผมจะดูแลคุณเอง จะอั้นจะอี้ จะอี้จะอั้น(กำลัง ทำปากคว่ำ+กลอกตาแรง) คุณมีวุฒิ ป.ตรี วุฒิครูด้วย หางานง่ายจะตาย ที่นี่เงินเดือนครูเยอะมากนะ(แสนกว่าบาทไทย แต่ตอนนั้นผัว(เก่า)ไม่ได้บอกไง ว่ามันยากกกก มากมายแค่ไหน เป็นไป แทบจะไม่ได้ เลยด้วยซ้ำ ที่คนต่างด้าวอย่างเรา จะได้ทำงานเป็นครู ในโรงเรียนที่นี่ ก็มโนเอาเองว่า ชั้นต้องเป็นครูที่นี่ ได้สิ ไม่น่าจะยาก ชั้นต้องทำได้ ชั้นมีผัวดี เค้าต้องช่วยซัพพอร์ตชั้น มโนได้อี๊กกก หลงตัวเองไปอีก ช่างไม่รู้อะไรบ้างเลย โลกสวยอยู่แต่ในกะลา ไม่มีความแน่นอน และตลอดไป บนโลกใบนี้ ตนเป็นที่พึ่งแห่งตน อันนี้สิเรื่องจริง)

นอกจากนั้น ฮียังบอกอีกว่า ที่นี่น่ะ ถ้ายังไม่มีงานทำ รัฐจ่ายเงินคนว่างงานให้ ทุกเดือนเลย ให้เรียนภาษาฟินนิชฟรี แล้วตอนเรียน คือ ได้เงินไปเรียนด้วยนะ รวมๆแล้ว คิดเป็นเงินไทย ก็เกือบสี่หมื่นบาท ทุกเดือนเน็ทๆ คุณไม่ต้องกังวลอะไรเลย เพราะ ค่าใช้จ่ายในบ้านทุกอย่าง ผมจะรับผิดชอบเอง ทั้งหมด อยากได้อยากซื้ออะไรให้บอก เดือนๆนึง คุณจะได้เงินเดือน เยอะกว่าเงินเดือนครูที่ไทยเสียอีก คุณก็นอนกระดิกทรีน รอผมกลับจากที่ทำงาน อยู่บ้าน ไปเรียน กลับบ้าน เท่านี้ งานบงงานบ้านอะไร ก็ไม่ต้องทำให้เมื่อย ผมจ้างคนมาทำความสะอาดบ้านทุกเดือน ทำกับข้าวก็ไม่ต้องทำ ผมทำเอง ...

โอ้โห ฟังแล้วเคลิ้มสิ นั่นมันชีวิต นางฟ้านางสวรรค์ชัดๆ ไปสิ จะย่ำกับที่ จมปลักอยู่เมืองไทยทำไม ตัดสินใจบินโลด แต่งงานกันที่ เชียงใหม่เสร็จ แพ็คกระเป๋า เดินทางข้ามน้ำข้ามทะเล 10 ชม เต็มๆ เพื่อมา 'เริ่มต้น' ชีวิตใหม่ สร้างครอบครัวในอุดมคติ (ที่มโนเอาไว้) กับอดีตสามี หนึ่งปีหลังของการแต่งงาน สันดานธาตุแท้ฝ่ายชาย เริ่มออกลาย สระเอ หอหีบ สระอี ไม้โท ยอยักษ์ ก็มา ...

สุดท้าย เราตัดสินใจ จบชีวิตคู่ลง หลังจากหย่า และย้ายออกมาอยู่ข้างนอกเอง กับลูกสาว แผนชีวิตส่วนตัว ในด้านการเรียน และการทำงาน ที่เคยวางเอาไว้ ผิดรูปผิดรอย และจำเป็นต้องล้างกระดาน วางหมากชีวิต ของตัวเองใหม่ ทั้งหมด ..

คำว่า 'เริ่มต้นใหม่' ที่ผัวเก่า เคยบอกไว้ เพิ่งได้ใช้ อย่างเป็นทางการ และเพิ่งรู้ซึ้ง ถึงความหมายที่แท้จริงของมัน ก็วันนี้ ... เริ่มใหม่ คือ เริ่มจาก 'ศูนย์'

1. ภาษาที่สาม ถ้าคุณพูดสื่อสารภาษาฟินน์ไม่ได้ คุณก็หางาน ไม่ได้ ต่อให้คุณพูดภาษาอังกฤษได้ดีมาก แต่คุณใช้ภาษาฟินน์ไม่ได้ คือ จบ .. แล้วต้องทำไงล่ะทีนี้??
2. ทำใจ แล้ว ไปหาลงคอร์สเรียน ภาษาฟินนิช พื้นฐานให้สื่อสาร พูด อ่าน เขียน ให้ได้ แล้วลองไปสมัครงานดูอีกที แล้วถ้ายังไม่ได้ ต้องทำยังไง?(บอกเลยว่ามันไม่ง่าย)
3. ก็ต้องไปลงเรียน 'วิชาชีพ' เป็นภาษาฟินนิช อะไรก็ได้ สักอย่างนึง เพื่อให้ได้ วุฒิหรือใบประกาศฯ เฉพาะสาขาวิชาชีพมา ทีนี้ การจะได้งาน ก็มีความเป็นไปได้มากขึ้น เพราะ ประเทศนี้ แม้กระทั่งจะสมัครงาน เป็น siivoja(พนักงานทำความสะอาด) ยังต้องไปเรียน คุณต้องมีใบประกาศ(koulutus todistus) เค้าถึงจะรับพิจารณา  อันนี้ไม่นับรวม คนไทยบางคน ที่โชคดี มาถูกที่ถูกเวลา มีคนรู้จัก/เพื่อน ชวนไปทำงานด้วยกัน โดยที่ไม่ต้องใช้วุฒิอะไรสมัครเลย อันนี้ก็โชคดีของเค้า ดวงใครดวงมัน ...
4. แล้วถ้าลงเรียนคอร์สวิชาชีพ เป็นภาษาอังกฤษ สามารถทำได้มั้ย? จบแล้วจะมีงานทำรึเปล่า? .. อันนี้ตอบยากค่ะ เพราะคอร์สบางคอร์ส ก็มีเปิดสอนเป็นภาษาอังกฤษ ในบางสถาบันเท่านั้น เท่าที่รู้ก็เช่น กุ๊ก (kokki) พนักงานขาย(myyjä) และแคชเชียร์(kassa) .. เรียนจบแล้ว จะหางานได้มั้ย?? ... อันนี้ก็ขึ้นอยู่กับลักษณะงานที่คุณไปสมัคร ถ้าคุณไปสมัครงานที่ต้องใช้ ทักษะการสื่อสาร ปฏิสัมพันธ์ กับผู้คนโดยตรง แล้ว วุฒิที่คุณมีอยู่ เป็นคอร์สที่เรียนเป็นภาษาอังกฤษมา ความสามารถภาษาฟินน์ของคุณก็ยังไม่ดีพอ แบบนี้นายจ้างเค้าก็มีสิทธิ์ จะเลือกพิจารณา คนที่จบ คอร์สภาษาฟินนิชก่อน จริงมั้ยคะ? ตามหลักพื้นฐานสากล ในการคัดคนเข้าทำงานทั่วไป อันนี้เราก็ต้องคิด พิจารณาเอาเอง
5. แล้วเรียนสายอาชีพ ที่ว่า มันมีสาขาอะไร ให้เรียนบ้าง? จะไปสมัครเรียนได้ที่ไหน? ตอบ ; ในฟินแลนด์มี ammattikoulu (โรงเรียนอาชีวะ สายอาชีพ) มากมาย ยกตัวอย่างเฉพาะที่รู้จัก และเคยได้ยินชื่อ ก็เช่น Keuda, Laurea, Varia, Stadin, Omnia .. เป็นต้น ลองเสิร์ชดูในกูเกิ้ล ตามพื้นที่ที่คุณอยู่ดูนะคะ Everything can find by Google ยิ้ม สาขาวิชาที่เปิดสอนก็เช่น ผู้ช่วยพยาบาล ครูผู้ช่วยสอน ช่างตัดผม ช่างดูแลผิวพรรณ ความงาม ช่างทำเล็บ พนักงานขับรถบัส พนักงานขับรถส่งของ ช่างไม้ ช่างก่อสร้าง ช่างเย็บผ้า พนักงานทำความสะอาดทั่วไป แม่บ้าน กุ๊ก คนอบขนมปังเบเกอรี่ พนักงานขาย อื่นๆ อีกมากมาย สามารถเช็คดู หาข้อมูลคร่าวๆ ได้ที่ www.keuda.fi สมัครได้ ทางอินเทอเน็ตค่ะ ยิ้ม
6. แล้ว ใบปริญญา วุฒิการศึกษาที่ เราได้มาจากไทยแลนด์ สามารถเอามาเทียบวุฒิ ที่ฟินแลนด์ ได้ไหม? ตอบ : ได้ค่ะ แต่เทียบได้เฉพาะป.ตรี จากบางคณะ และบางมหาวิทยาลัยของรัฐเท่านั้น(ทางกระทรวงศึกษาธิการของที่นี่ เค้าจะมี list มหาลัยในประเทศไทย ที่ได้รับการยอมรับอยู่ค่ะ เราสามารถตรวจดูได้) หมายถึง คุณ จบ ป.โทที่ไทย หากเอามาเทียบวุฒิที่นี่ คุณจะเทียบได้เทียบเท่าแค่ ป.ตรี เท่านั้น นอกเสียจากว่า คุณจะมีประสบการณ์การทำงาน ในสาขาที่จบมา โดยตรง ยาวนาน และน่าเชื่อถือ นั่น คุณอาจจะเทียบได้เทียบเท่า ป.โท ของที่นี่ แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าน้อยมากๆๆๆ ที่จะมีกรณีนั้นเกิดขึ้น ส่วนตัว จขกท เองนั้น เทียบได้แค่วุฒิ ป.ตรี เท่านั้นค่ะ เพื่อนของ จขกท จบโทจากไทย เอามาเทียบวุฒิที่นี่ ก็เทียบได้แค่ ป.ตรี เท่านั้น เช่นเดียวกันค่ะ จะบอกว่า กรุณา อย่าคาดหวัง กับวุฒิการศึกษาจากไทยให้มากนัก คือ มันเอามาใช้สมัครงานที่นี่ ไม่ได้เลย พูดตรงๆ แบบขอโทษที่ทำให้เสียความมั่นใจ คือ ปริญญาจากไทย ที่นี่ มีค่า คือกระดาษ A4 แผ่นเดียว(เค้าไม่เรียกดูด้วยซ้ำ อาจจะถาม ตามมารยาท เค้าสนใจแต่ วุฒิการศึกษาที่เราได้ เราจบจากประเทศเค้า ระดับความสามารถในการใช้ภาษาฟินน์ และประสบการณ์การทำงาน(ที่นี่) เท่านั้นค่ะ) ค่าดำเนินการเทียบวุฒิ ก็แพงยับจับจิต 230 ยูโร แล้ว ถ้าจะเทียบวุฒิเป็นครู ก็ต้องจ่ายเพิ่มอีก 350 ยูโร โดยที่ไม่รับประกันด้วย ว่าจะเทียบได้หรือไม่ได้ ถ้าตัดสินใจ ตอบตกลงให้เค้าดำเนินการ ลองเทียบดูแล้ว ถ้าไม่ผ่าน เค้าก็ไม่มีการคืนเงินให้นะคะ และถึงจะเทียบวุฒิครูได้ เราก็ต้องไปเรียนเพิ่ม เรียนเป็นภาษาฟินน์ ในมหาวิทยาลัยครู ของที่นี่อยู่ดี ซึ่งยากอภิมหาบรรลัยจะยาก แล้วทีนี้ยังไง? จะเรียนยังไงไหว? ในเมื่อภาษาฟินน์พื้นๆ เรายังไม่เข้าใจด้วยซ้ำ
7. ทำไมไม่เรียนต่อ ป.โท ก็มีวุฒิ ป.ตรีมาแล้ว ไปลงเรียนสายอาชีพทำไม ไม่ไปลองสอบเข้า ป.โท ในมหาลัยต่างๆดูล่ะ ดาวน์เกรดตัวเองทำไม?? ทำไม่ได้ค่ะ 1. เตื้อ(สำนักจัดหางาน) ไม่สนับสนุน ไม่จ่ายเงินเรียนให้ เค้าสนับสนุนให้เรียนสายอาชีพ(เรียนเป็นภาษาฟินน์ หรือ อังกฤษก็ได้) ที่เรียนสั้นๆ 1-2 ปี จบแล้วมีงานทำหาเลี้ยงตัวเองได้เลย แบบนี้มากกว่า
2. เพราะ จขกท.เอง ไม่ได้เก่งภาษาอังกฤษมาก ขนาดนั้น จะเรียน ป.โท ต้องมีผลสอบโทเฟล โทอิก ไอเอลท์ ซักอย่างนึง ซึ่งยากและเสี่ยง ที่จะไม่ผ่าน ในการสอบครั้งแรก จะสอบก็ต้องเสียเงิน ครั้งละเกือบ 200 ยู ถ้าไม่ผ่าน ก็ต้องอ่านใหม่ เครียดใหม่ เตรียมตัวไปสอบใหม่ ก็เสียเงินอีก กดดันอีก จขกท. ไม่ชอบความกดดันค่ะ บวกกับตอนนั้น ในครอบครัวก็เริ่มมีปัญหาระหองระแหง รู้สึกไม่ค่อยมั่นใจในสถานะตัวเอง ใจมันไม่นิ่ง รู้สึกถึงความเปลี่ยนแปลงในชีวิต ที่กำลังจะเกิดขึ้น เลยพยายามที่จะ หลีกเลี่ยง การทำอะไรโดยพึ่งพาอาศัย(เงิน) สามีเก่า ให้มากที่สุด ซึ่งสุดท้ายมันก็เกิดขึ้น ตามที่คาดไว้จริงๆ โชคยังดี ที่เราเลือกเดินทางนี้ พาตัวเองและลูก ผ่านพ้นวิกฤตและรอดมาได้
3. ยังเชื่อในใจลึกๆว่า ในเมื่อเราจะใช้ชีวิตอยู่ที่นี่ อีกนาน(ลูกยังเล็ก) การที่เรามีวุฒิเป็น ภาษาฟินน์น่าจะมีประโยชน์มากกว่า เพราะถ้าเราเรียนจบสายอาชีพ(สาขาไหนก็ได้ ที่ใช้ภาษาฟินน์ ในการเรียนการสอน และ เรียน 2 ปีขึ้นไป) เราสามารถทำเรื่อง ขอสัญชาติฟินน์ได้เลย ไม่ต้องสอบ YKI วัดระดับภาษาฟินน์ ต่างด้าวบางคน อยู่มาเป็นสิบๆปี พูดได้ ฟังเข้าใจหมด แต่สอบไม่ผ่าน YKI ก็เจ็บกระดองใจกันไป ค่าดำเนินการและค่าสอบก็ไม่ใช่น้อยๆ ประมาณ 450€ สำหรับการขอสัญชาติ และ ค่าสอบ YKI อีกน่าจะประมาณ 200€ นี่ได้ข่าวว่าจะขึ้นค่าธรรมเนียมอีก แอบลุ้นอยู่ในใจ ว่าอย่าเพิ่งขึ้นเล๊ย พ่อเอ้ยยย รอแม่เรียนให้จบก่อนเทิ้ดดด สี่ร้อยกว่ายูนี่ แม่ใช้ได้เป็นเดือนๆเลยนะนั่น ถ้าแพงกว่านี้ แม่คงกัดฟัน เก็บเงิน หืดขึ้นคอแน่ๆ  ..

ประเทศฟินแลนด์ ใช้ภาษาฟินนิชเป็นหลัก แต่ประชากรรุ่นใหม่ เกิน 90% สามารถพูดและเข้าใจภาษาอังกฤษได้ดี จขกท. เรียนภาษาฟินน์ พื้นฐาน ใน โรงเรียนไฮสกูล(ผู้ใหญ่) 3 ปี ท้องและลาเลี้ยงลูก 1 ปี ตอนอยู่ปี 2 พอเรียนจบ ก็สอบเข้า เรียนต่อ "lähihoitaja" ของ Keuda ทันที ระยะเวลาเรียนทั้งหมด 2 ปี 2 เดือน (เริ่มเรียน กันยา 2015 จบคอร์ส ธันวา 2017) อีก 1 ปี ก็จะเรียนจบ ได้วุฒิเป็น "lähihoitaja" แล้วค่ะ ยิ้ม
ปอลิง. จบแล้วมีงานทำแน่นอน คอนเฟิม!! ยิ้ม
ปอปลิง. ถ้าไม่เลือกงาน สู้งาน อดทน ไม่เหลาะแหละนะคะ แต่ ถ้าคุณยังอีโก้สูง งานนี้ต้อยต่ำ งานนั้นลำบาก ก็บายค่ะ เชิญอยู่บ้านเป็น คุณนายฝรั่ง ใช้เงินผัว -เงินรัฐให้สบายใจ ต่อไป ยิ้ม

ทำไมถึง เลือกเรียน lähihoitaja?

เหตุผลคือ ตอนที่เรียนภาษาฟินน์จบ จขกท. ไม่รู้จะเรียนอะไรดี ไม่มีทางไป ชีวิตตอนนั้นค่อนข้างวุ่นวาย ไม่มั่นคง สามวันดี สี่วันมีเรื่อง ไปสมัครสอบ koulunkäyntiavustaja (ครูผู้ช่วยสอน) ก็สอบไม่ติด เพราะภาษาฟินน์ไม่ดีพอ กำลังจะตัดใจ จะไปหาลงเรียน คอร์สภาษาอังกฤษ อยู่แล้วเชียว คือไม่เอามันแล้ว เหนื่อย ท้อแท้ ไม่อยากพยายาม กับภาษาฟินน์อีกต่อไปแล้ว แล้วจู่ๆก็ได้ รับแจ้งทางไปรษณีย์ เกี่ยวกับคอร์สนี้ "OIVAT lähihoitaja ..." ชื่อวุฒิยาวมากกกก จำไม่เคยได้ รู้แค่ว่า คอร์สนี้ เป็นคอร์สสั้นๆ 10 เดือน สำหรับคนต่างด้าว(maahanmuuttaja)

ในคอร์ส ประกอบด้วย การเรียนเตรียมเนื้อหา เพื่อจะเรียนเป็น lähihoitaja(ผู้ช่วยพยาบาล) (จากนี้ใช้ lh ตัวย่อนี้ละกันเน๊าะ อินดูป้าเต๊อะ มันยาว ขี้ค้านพิม) .. สารภาพ ว่าวันที่สมัคร คือเอาเอกสารนี้ ไปยื่นให้ผัวเก่าดู ฮีก็อ่านผ่านๆ ไม่ได้ใส่ใจ บอกแค่ น่าสนใจดี ได้ไปฝึกงานที่เดย์แคร์ด้วย ดีนะทำงานเป็น(lastenhoitaja ครูอนุบาล) จบแล้วได้วุฒิ lh เลยด้วย ฮีพูดสรุปๆว่ามันดี น่าสนใจ มีความก้าวหน้า จขกท. เลยตัดสินใจ สมัครออนไลน์ พอไปสอบ ก็ดันผ่าน(ภาษาฟินน์ B1.1 ขึ้นไป) สัมภาษณ์ ก็ผ่านอีก ก็เลยเอ๊า ผ่านก็เรียนสิวะ ดีกว่าไม่มีที่เรียน
สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 1
เขียนอีเมลล์ รายงานเตื้อ(สำนักจัดหางาน) ว่าได้ที่เรียนแล้วนะ เรียน lh ที่ เกวด้า(Keuda) เตื้อเห็นดีเห็นงามมากกก บอกเรียนเลยๆ เราสนับสนุนเต็มที่ 'คุณคิดถูกแล้ว' .. ตอนนั้นก็เฉยๆ ไม่ได้อะไร ใจมันขุ่นๆ กังวลเรื่องครอบครัวมากกว่า เปิดเทอมต้นเดือนกันยา ก็ไปเรียนปกติ 25 กันยา ก็หย่ากับสามี เกือบจะเลิกเรียนกลางครรภ์แล้ว แต่บุญหัวมากกกก ที่จิกร่างและใจพังๆ ของตัวเอง ให้กลับมาตั้งใจเรียน ได้ใหม่อีกครั้ง ...

เรียนแล้ว เป็นไง??

เชื่อมั้ยว่า ตอนมาเรียนแรกๆ ยังไม่รู้เลยด้วยซ้ำว่า จะต้องเรียน ต้องเจอ ต้องทำ อะไรบ้าง เหมือนมาเรียนให้มันจบๆไปเป็นวันๆ แค่อยากจบ อยากมีงานทำ แค่นั้น ตลกมาก นี่มาคิดย้อนไป คิดว่า อ่อ เดี๋ยวพอจบ 10 เดือนนี้ กุก็ไปสมัครงาน ครูอนุบาลได้แล้วสินะ สบ๊ายยย เรียนก็ไม่เห็นยากอะไรเท่าไหร่ ฝึกงานที่เดย์แคร์ก็ใสๆ น่ารักๆ เลี้ยงเด็กก็เหมือนเลี้ยงลูกตัวเอง งานไม่หนักไม่โหดอะไร ...  แต่พอใกล้จะถึงซัมเมอร์ ปี 2016 ใกล้จะปิดเทอม เท่านั้นแหละ คิดดู๊ เพิ่งมารู้ตัว ว่า คุณหลอกดาวววว .. เปล่าค่ะชะนี เค้าไม่ได้หลอก แต่เมิงน่ะโง่เอง ไม่ใส่ใจ ไม่ฟังที่ครูอธิบาย สาธยายมาตลอด จะ 10 เดือนของการเรียนการสอน ให้ดีๆ ...

ความเป็นจริง คือ เมิงเรียนจบ 10 เดือนแล้ว ไปสมัครงานเป็น lastenhoitaja ครูอนุบาล อย่างที่มโนเอาไว้ ไม่ได้นะค๊ะ ไม่มีใครรับ ไม่ด๊ายยย ... ต้อง มีวุฒิ lähihoitaja เสียก่อน แล้วต้องเลือกวิชาเอก สาขา lasten ha nuorten ด้วย ถึงจะ เดินมั่นหน้าไปยื่นใบสมัครได้ค่ะ ... มาถึงตอนนี้ ดาวเริ่มมึน เอ๊ะยังไง? ตกลงมันคืออะไรกัน?? จูนสมอง แล้วเรียบเรียง สเตปการเรียนจะเป็น lähihoitaja ใหม่ เอาใหม่สิ!! ก็พบว่า โอ้วววว ดอกไม้ของชั้น นี่มันไม่ใช่เรื่องง่ายๆชิลๆอีกต่อไปแล้วนะดาว หล่อนจะเรียนๆเล่นๆไปแบบที่เคยทำ ไม่ได้อีกแล้ว มิเช่นนั้น หล่อนจะโดนเฉดหัวออกไป หรือไม่หล่อนก็ต้องดรอปตัวเองนะคะ ..

การเรียน Lähihoitaja พาร์ทหลังจาก 10 เดือนแรกของห้องเรียนคนต่างด้าว(ที่พลาดมาลงเรียนอย่างเรา55) แท้จริงแล้ว คือ .. เรียนหนักขึ้น ยากขึ้น และต้องเรียนปนกับ lh ห้องคนฟินน์ล้วนๆ ในบางวิชา ซึ่งแม่เอ้ยยยย นางพูดกันเร็วมั๊ก พูดอยู่ในลำคอ คนฟินน์ของแท้ออริจินัล ซึ่งอิชั้นฟังไม่ค่อยทัน งานการบ้านก็เยอะมาก ทุกวิชาครูสั่งงานโหดลื๊ม เหมือนกำลังแข่งกันว่า ใครทำนักเรียน อกแตกตายก่อนได้ คนนั้นได้มง อาทิตย์นึงไปเรียนเลกเชอร์แค่ 2-3 วัน ที่ รร ก็จริง แต่ อีกสองสามวันที่เหลือ คือ ไม่เคยจะพอ เสาร์อาทิตย์ ก็มีลูกมีผู้ชาย ให้ต้องดูแลเอ็นเตอร์เทนกันมะ การบ้านไฟลนก้น ส่งไป ไม่ผ่านก็โดนตีกลับ ต้องแก้ใหม่(งานเขียน ให้วิเคราะห์ เสียส่วนใหญ่) ... อันนี้ คือ หนักหนา เอาการ แต่เราก็ผ่านมันมาได้ เพราะเรามีเพื่อนดี เพื่อนแท้ เพื่อนตาย ไม่มีนายเราตายหยั่งเขียด แน่ๆ "Google translate" ขอกราบผู้คิดค้น และขอได้รับความขอบคุณอย่างสูงสุดมา ณ ที่นี้ด้วย

จะเป็น lähihoitaja ได้ คุณต้อง ฝึกงาน ให้ครบ 3 องก์ 3 ที่ฝึกงาน
1. KATU ฝึกที่เดย์แคร์ 140 ชั่วโมง + näyttö 35 ชั่วโมง( näyttö คือ เราทำงานให้คนประเมินดูว่า เราสามารถ ทำได้ เข้าใจในการทำงาน มากน้อยแค่ไหน)
2. KUTU ฝึกที่สถานบำบัด(ส่วนมากจะเป็นที่ päivätoiminta/työkeskus/erityiskoulu สถานที่บำบัด คนติดยา คนป่วยเป็นโรคซึมเศร้า ไบโพลาร์ เด็กออทิสติก มีปัญหาทางจิต ประเภทนี้) 140 ชั่วโมง + näyttö 35 ชั่วโมง
3. HOHU ฝึกที่โรงพยาบาล ที่วอร์ดดูแลคนไข้สูงอายุ หรือคนพิการ หรือ ผู้ป่วยที่ต้องการความดูแลอย่างใกล้ชิด อันนี้ฝึกนานหน่อย 175 ชม. + näyttö 35 ชม.

ฝึกงานแต่ละครั้ง ก็จะมีการประเมิน จากครูที่ รร ของเรา, นายจ้าง และคนที่ทำงานด้วยกัน ผลคะแนน มี 3 ระดับคือ T1 H2 K3 คือ รายละเอียดมันเยอะมากกก ถ้าใครสนใจจะเรียนจริงๆ ก็ทักมาหลังไมค์ สอบถามกันได้นะคะ จะอธิบายให้ฟังชัดๆเน้นๆเลย ... แล้ว ฝึกครบ ทั้ง 3 องก์ ที่ว่าแล้ว จะจบ ได้วุฒิ lh เลยรึเปล่า??

โน้ววว ค่ะ ยังมีอีก 1 ปี ที่หินและโหดกว่า รอเราอยู่ 55 ปีนี้ คือปีที่เราเรียนลึกลงไป เน้นเฉพาะสาขาวิชาเอกที่เราเลือก ฝึกงานก็ยังต้องไปฝึกอีก 3 ครั้งนะคะ ได้แก่
- ฝึกงานวิชาเอก
1. 55 วัน(ไม่มี näyttö)
2. 15 วัน + näyttö 5 วัน
- ฝึกงานวิชาเลือก(valinnainen osa) ฝึก 20 วัน + näyttö อีก 5 วัน

*หลังฝึกงานจบ ถ้ามี näyttö ก็ต้อง 'ผ่าน' นะคะ ถ้าเค้าประเมินให้คุณ ไม่ผ่าน ก็ต้องไปฝึกใหม่ ในชั้นเรียน ของ จขกท. ตอนนี้ มี 2 คน ที่ลาออกไปแล้ว เพราะเรียนไม่ไหว และอีก 2 คน ยังเป็นลูกผีลูกคน ครูช่วยผลักดันกันเต็มที่ แต่เค้าไม่พยายามถีบตัวเองเลย เดี๋ยวเปิดเทอมหลังปีใหม่นี้ก็รู้กันค่ะ ว่ายังอยู่หรือปลิวไปแล้ว ..

Osaamisala สาขาวิชาเอกของ lh ทั้ง 4 สาขาที่เปิดสอนที่ เกวด้า ที่ จขกท. เรียนอยู่ปัจจุบัน
1. Lasten ja nuorten(ครูอนุบาล ดูแลเด็ก)
2. Vanhustyö(ดูแลคนแก่)
3. Vammaisten(ดูแลคนพิการ)
4. Mielenterveyden ja päihde(ดูแลผู้ป่วยทางจิตและผู้เคยใช้สารเสพติด)

จขกท. เลือก osaamisala ที่ 4. ค่ะ ยิ้ม

ฝึกงาน ..

จขกท.ฝึกผ่านมา 2 องก์แล้วค่ะ ตอนนี้กำลังฝึก HOHU องก์ที่ 3 ได้ ครึ่งทางแล้ว อีก 3 อาทิตย์ จะเสร็จ จขกท.ฝึกงานที่ วอร์ดดูแลคนไข้ผู้สูงอายุ ที่ รพ. ค่ะ ที่นี่ เค้าจะไม่เรียกคนไข้ ว่า คนไข้ จะไม่ใช้คำว่า potilas จะเรียก asukas (ผู้อยู่อาศัย) แทน เหตุผล คงจะเป็นเพราะ คนไข้ที่นี่ คือครึ่งหนึ่ง อยู่ที่นี่ มาเป็นปีๆแล้ว เหมือนบ้านพักคนชรา ที่มีพยาบาลดูแลใกล้ชิดพิเศษ อีกครึ่งนึง ก็จะเป็นคนไข้ขาจร มาพักฟื้นสองสามอาทิตย์ รอไป kotipalvelu หรือ กลับไปอยู่บ้านกับลูกหลาน

ลักษณะคนไข้ ก็จะเป็น คนไข้ที่นอนแหม่บบนเตียง ไม่สามารถพูดตอบโต้ได้อีกแล้ว พูดง่ายๆคือ นอนรอวันจากโลกนี้ไป อย่างสงบ ส่วนนึงก็ ป่วยด้วยโรคชรารุมเร้า เช่นโรคหัวใจ ความดัน เบาหวาน เดเมนเทีย อัลไซเมอร์ หลงๆลืมๆ หรือถ้ายังพอมีแรงเคลื่อนไหวได้ ก็จะเป็นแบบใช้ ไม้สามขา rollaattori หรือไม่ก็วีลแชร์ .. เป็นต้น

วิธีคิดที่ดี คือ แทนที่จะคิดรำคาญ กร่นด่าคนแก่เหล่านี้ในใจ ก็ให้คิดเสียใหม่ว่า เค้าก็ไม่ได้อยากเป็นแบบนี้ ถ้าเราเป็นเค้า เราก็ไม่อยากเป็นแบบนี้ เค้ามาที่นี่ เพราะต้องการความช่วยเหลือ ต้องการการดูแล เพราะเค้า ไม่สามารถ ดูแลตัวเองได้อีกแล้ว เวลาทำ เวลาเช็ด ล้างก้น ให้เค้าก็ทำให้ดีๆ ให้สะอาด จขกท. เป็นคนจมูกไวมาก ไม่เคยคิดว่าจะสามารถทนดม กลิ่นขรี้คนอื่น นอกจากลูกสาวตัวเองได้ วิธีการแก้ปัญหาคือ หายใจเข้าทางปาก เวลาทำงานตอนเปลี่ยนผ้าอ้อม เท่านั้นเอง มันก็เวิร์ค ก็พอได้อยู่ คนไข้บางคนเป็นพาร์กินสัน มือสั่นรุนแรง จนน่าสงสาร หยิบจับอะไรไม่ได้เลย บางคนความจำเสื่อม ถามคำถามเดิมๆซ้ำๆ บางคนเป็นเบาหวาน ถูกตัดขา แต่จำไม่ได้ว่าตัวเองไม่มีขา อยากให้เราพาไปฉี่ในห้องน้ำ ...

งาน lh สายดูแลคนไข้ ที่ช่วยตัวเองไม่ได้แบบนี้ คือเป็นงานที่เหนื่อย และหนักมาก ส่วนตัวคิดว่า ไม่คุ้มกับเงินเดือนที่ได้เลย ต้องเข้างานเป็นกะ 3 กะ เช้า บ่าย กลางคืน เวลาอยู่กับครอบครัวก็น้อยลง สุขภาพร่างกาย และจิตใจ จากสภาพงาน ที่ต้องพบเจอทุกวัน ก็ไม่ค่อยสุนทรีย์เท่าไรนัก เสี่ยงต่อกระดูกสันหลังเสื่อมสภาพ เวลาเคลื่อนย้ายผู้ป่วย หลังเคลื่อนผิดล็อคแกร็บเดียว คือชีวิตเปลี่ยนได้เลยนะ

หากอยากรู้ รายได้ เงินเดือนของ lh ว่าเท่าไหร่ ยังไง รวมถึงอาชีพอื่นๆ ด้วยนะคะ สามารถ เข้าไปเช็คดูได้ ที่เว็ปไซด์ ข้างล่างนี้ค่ะ พิมพ์ไปแค่ 2 -3 ตัวอักษร มันก็จะขึ้นมาให้เราเลือกอาชีพค่ะ ลองดู เผื่อจะมีแรงจูงใจ ยิ้ม

http://www.palkkavertailu.com

เงินเดือน lh อยู่ที่ 2000€ - 2500€ โดยประมาณ ขึ้นอยู่กับที่ทำงาน และเปอร์เซ็นต์การโดนหักภาษีของแต่ละคน รายได้หลังหักภาษีแล้ว ก็น่าพอใจ พออยู่ได้ค่ะ คิดเป็นเงินไทยแล้วก็ ยิ้มกว้างทีเดียว หากรู้จักบริหารเงินให้ดี และรู้จักเก็บออม ยิ้ม

สุดท้ายขอฝากข้อคิด ให้แก่เรา ชาวสะใภ้ต่างแดนทั้งหลาย นะคะ "มีวิชา เหมือนมีทรัพย์ อยู่นับแสน" จขกท. เอง มิบังอาจจะไปสอนใคร เพราะตัวเองก็ไม่ได้เก่งมาจากไหน เพียงแต่ อยากฝากเอาไว้ว่า ในโลกนี้ ไม่มีอะไรแน่นอน ตัวคุณ ชีวิตคุณ คุณควรจะกำหนด วางแผนการใช้ชีวิต ด้วยตัวคุณเอง อย่าเอาชีวิตไปฝากไว้กับใคร พยายาม เพิ่มคุณค่าให้ตัวเอง เมื่อคุณยังทำได้ และมีโอกาสทำ อย่าดูถูก และอย่าให้ใครมาดูถูก ความสามารถของคุณ วันนี้ วันที่คุณ(ยัง)มีพร้อมทุกอย่าง คุณอาจจะยังไม่เข้าใจ ว่าความรู้สึก ภาคภูมิใจ และนับถือตัวเอง ด้วยการหาเลี้ยงตัวเองได้ โดยไม่ต้องพึ่งใคร มันสุดยอด แค่ไหน ... แต่เชื่อเถอะค่ะ ว่าวันนึง ถ้าคุณมีโอกาส ได้เข้าใจ โลกทั้งใบของคุณ จะเปลี่ยนไปทันที ยิ้ม

ขอบคุณที่อ่านจนจบนะคะ ยิ้ม)) พบกันใหม่ใน #3.2

รัก
สะใภ้ฟินแลนด์
20.11.2016
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่