ไตรภาคที่ 2 10วันแบกเป้,มิตรภาพและสังคมสงเคราะห์เคลื่อนที่ ณ สิงคโปร์-กัวลา-ปีนังในงบ10000(แต่กลายเป็น15000)

ภาค2

ต่อจาก ภาคแรก : https://ppantip.com/topic/36532937
อ่านต่อ ภาคสาม : https://ppantip.com/topic/36540614
ขอฝากฝังเพจเราหน่อยนะ https://www.facebook.com/adventurousvagabond/

--วันที่5 (KL!!)--
จากการที่นั่งคุยกับคนปากีคืนก่อน วันถัดมาเขาก็ขอติดตามมาด้วย ที่แรกที่ไปคือ Jamek Mosque เดินต่อนิดนึงไป Sultan Abdul Samad Building,Kuala Lumpur city gallery และMerdeka square จากนั้นคนปากีสถานก็แยกย้ายจากเราไป พวกเราเห็นรถhop on hop offเลยลองหน่อย ราคา 45 ริงกิต เสียดายเงินดี นั่งไปลง KL Tower แต่ไปก็ไม่ได้ขึ้นเพราะตั๋วมันแพ๊งเกิน เดินลงมาไปหาไรใส่ท้องที่Chinatownต่อแล้วกลับที่พัก
--วันที่6 (still in Kl)--
ตื่นมาก็ไหนๆซื้อhop on hop offแล้วก็ใช้ให้มันคุ้มหน่อย ขึ้นจากBukit Bintangไป National palace จากนั้นเข้ามาในเมืองเพื่อต่อรถไป Buta caveซึ่งฝนตกหนักมากแต่ก็ไหนๆไปแล้วเอาหน่อยหน่า ขึ้นก็ขึ้น
--วันที่ 7 ( another last nigh in KL)--
วันนี้จัดแบบชิลๆคือไปปุตราจายา เพื่อไปดู pink mosqueหรือเรียกอีกอย่างว่า Putrajaya mosque ไปถึงตรงนั้นก็เดินเล่นแถวๆนั้นหน่อย มันจะมีจุดให้หยิบแผนที่ก็เข้าไปดูกันเน้อว่าอยากไปไหนเพราะมันมีล่องเรือ ขี่จักรยานด้วยแต่สำหรับเรา คืองบน้อยไม่มีเงินก็ต้องกลับ ระหว่างทางกลับก็ไปเจอคนฟิลิปปินส์3คนรอรถเมล์ด้วยกัน ก็เลยตัดสินใจว่านั่งGrabcarแทน คือมันถูก 6 คนเหลือคนละ 2 ริงกิตเองแถมสบายด้วย เข้ามาในเมืองก็มาPetronas towerถ่ายรูปสวยๆแต่แสงสปอตไลท์ทำเอาตรูตาบอด

วันที่ 5
ตื่นมาพร้อมกับความ เฟรชจากการที่นอนที่เต็มอิ่มเพราะตื่นสายเกือบ11โมงแหนะนอนเป็น7ชม.เลย เรากับเพื่อนเปลี่ยนเสื้อเตรียมตัวไปเที่ยว พอเราเดินออกมาจากห้อง เหตุการณ์ที่ไม่คาดคิดก็เกิดขึ้นเมื่อเราเจอกับคนปากีคนเมื่อคืน เขายิ้มด้วยความเป็นมิตรส่วนไอเราก็เป็นคนไม่ได้คิดไรมากก็คุยกับเขาแล้วเผลอพูดออกไปว่า อยากไปเที่ยวด้วยป่าว แล้วเขาก็ตอบอย่างรวดเร็วเลยว่า เยสและก็พูดต่อว่า เดี๋ยวไอลงไปรอข้างล่างนะยูว หลังจากนั้นแหละความสนุกของทริปนี้ก็ได้เกิดขึ้น เราลงไปกับเพื่อนแล้วก็เจอเขาซื้อนมสตรอเบอร์รี่ให้ เราก็กลัวว่าเขาจะใส่อะไรเราเลยยังไม่ดื่ม รอก่อนๆให้ห่างจากเขาก่อนแล้วค่อยดื่ม จากนั้นเราก็บอกเขาว่า แพลนวันนี้เราจะไป Jamek Mosque เขาเคยมากัวลาหลายรอบแล้วเขาก็บอกเราว่า เดี๋ยวไอพาพวกยูวไปนะ พาไปของเขาคือพาไปหลงนะ555เขาก็ถามตลอดทางทั้งที่เราเองก็มีแผนที่เราก็หยิบขึ้นมาดูเองแต่เขาเป็นคนทำอะไรเร็วมาก แปปๆถามคนเสร็จพาเดินไปมัสยิดทันที ก็ดีนะเหมือนมีหน่วยม้าเร็วเลย5555 Jamek mosque เนี่ยมันพิเศษตรงที่เป็นมัสยิดที่เก่าแก่ที่สุดในกัวลาและยังเคยป็นมัสยิดของประเทศเลย แต่ตอนนี้เป็นของมัสยิดที่ชื่อว่า Masjid Negara ถ้าจะไปแนะนำให้พิมพ์หาว่า national mosqueนะ  เขากำลังจะพาเราเดินไปที่มัสยิดทันทีแต่เราบอกเขาว่า เราหิวข้าวมากต้องกินข้าวก่อน เขาก็พาเราเข้ามาตรงข้ามกับมัสยิด มันจะมีร้านขายของโดยคนอินเดีย  เขาพาเราไปกินร้านอาหารอินเดียที่นึง เราก็สั่งNaan กับไก่ และเพื่อนเราสั่ง Chicken briyani ข้าวหมกไก่นั่นเอง

พอกินเสร็จจะจ่ายเงินเขาบอกเราว่า เดี๋ยวไอจ่ายให้พวกยูวเอง เราแบบเห้ยไม่ต้องคุณไม่ได้กินจะมาจ่ายให้ทำไม สายเปย์นี่เองสาวไทยถึงได้ติดแหม่ (เขาเล่าเรื่องหญิงไทยคนนึงให้เราฟัง) เขาพาเดินมาที่มัสยิดแต่โชคร้ายคือ มัสยิดปิดซ่อมแซมจ้า เข้าไม่ได้เสียดายแต่ได้รูปข้างนอกมาไม่กี่รูปเอง


เดินอีกนิดนึงก็จะเจอ Sultan Abdul Samad building ตึกนี้แต่ก่อนเป็นที่อาศัยของรัฐบาล

เดินข้ามถนนมาจะเจอ KL City gallery ค่าเข้า 5 ริงกิต ข้างในจะบอกเล่าความเป็นมาของกัวลาลัมเปอร์ และแพลนที่มีไว้สำหรับกัวลาลัมเปอร์ในอนาคต

ตั๋วที่นี่มันราคา 5 ริงกิต ตอนแรกเราก็ไม่ได้สงสัยอะไรนะจนกระทั่งคนปากีคนนี้เขาเดินไปถามพนักงานแถวนั้นว่า บัตร 5 ริงกิตเนี่ยมันใช้ทำอะไรได้ ได้ข้อสรุปมาว่า บัตรนี้เอาไว้ใช้เป็นคูปองซื้อของได้ ตอนแรกเพื่อนเราเดินออกไปแล้วเราก็กำลังเดินตามเพื่อนไป เขารีบวิ่งมาบอกเราว่า ยูวมันใช้อย่างงี้ได้นะ เราเลยเอ้าท์เรียกเพื่อนกลับมาซื้อของใช้สิทธิ์ซะ แต่คือเราเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไรเราเลยเอาให้เพื่อน ส่วนคนปากีคนนี้เขาเองก็ไม่รู้จะซื้ออะไรเพื่อนเราเลยมีคูปองเต็มไปหมด เพื่อนเรานางเอาไปซื้อพวงกุญแจกัวลาลัมเปอร์แล้วก็ให้คนปากีไป 1 อัน เขาก็ปฏิเสธว่า โนวๆ เราบอกว่า คุณให้บัตรเรามา นี่ก็เป็นของขวัญให้คุณ เขาก็รับไว้แต่ไม่ได้พูด Thank you อะไร เราก็เอ๊ะ งงๆแต่ช่างมันเถอะ
เดินออกมาจะเจอเสาธงสูง 95 เมตร ถือว่าเป็นเสาธงที่สูงที่สุดในโลก เราไม่ได้ถ่ายรูปไว้เพราะว่าเรามัวแต่กินไอติมที่สายเปย์ปากีซื้อไอศกรีมสตรอเบอร์รี่มาให้ และจากรูปตรงนี้คือ Merdeka square เป็นจัตุรัสที่จะจัดงานในวันชาติของเขา เป็นสถานที่สำคัญ

นั่งกันสักพักเขาก็ขอตัวออกไป เหลือเรากับพื่อนแค่นี้แล้ว พวกเราตัดสินใจไปซื้อ hop on hop off bus ราคา 45 ริงกิต นั่งได้ 24 ชม. หลังจากขึ้นรถครั้งแรก เขาจะเจาะรูวันที่ขึ้น เดือนที่ขึ้น และเวลาที่ขึ้น http://www.myhoponhopoff.com/kl/tourmap.php

เรานั่งมาจนถึง KL Tower คือเราก็อยากจะขึ้นนะแต่ราคาเราไม่สามารถสู้จริงๆ แต่ถ้ามีเงินเราแนะนำให้ขึ้นไปดูก็ดีนะ

เรานั่งมาจนถึง KL Tower คือเราก็อยากจะขึ้นนะแต่ราคาเราไม่สามารถสู้จริงๆ แต่ถ้ามีเงินเราแนะนำให้ขึ้นไปดูก็ดีนะ เราก็ถ่ายรูปตึกมาแล้วก็รอ hop on hop off บัสเป็นชม.กว่าๆหลังจากที่ถามยามว่า รถมันจะมาใช่ไหมแล้วยามตอบเราว่า น่าจะมา รอนานเกินไปจนท้องมันร้องแล้วเว้ยเพราะกินข้าวล่าสุดคือบ่ายโมง แล้วตอนนั้นมันเกือบสองทุ่มแล้ว หิวไม่ไหว เรากับเพื่อนเลยตัดสินใจเดินลง (จริงๆมันมีรถตู้พาขึ้น-ลงนะแต่อยากเดินชมถนน) เดินลงมาแปปเดียวแบบไม่ทันรู้ตัวว่าถึงแล้วอ่ะ เรียกgrabcarในราคาที่ถูกไป Chinatown ในราคา 8 ริงกิต หารกันยิ่งถูกลงไปใหญ่ แต่ที่เจ๋งคือ รถที่มารับเรามันตกแต่งแบบรถแข่งอ่ะ นั่งไปชมรถไปกับคนขับว่า รถคุณนี่มันเท่ห์จริงๆ ลงchinatownก็หาของกิน ร้านที่เรากินเราไม่ได้ถ่ายรูปมาแล้วเราก็จำร้านไม่ได้ แต่ร้านมันตั้งตรงข้ามกับร้านขายน้ำลำไย ร้านนี้คนกินเยอะเห็นว่าโต๊ะมันจะมีหลายจุดแบบ จุดตรงที่เรานั่งคือหน้าร้านเลย แล้วก็ฝั่งตรงข้ามร้านก็จะมีโต๊ะให้นั่งอีก พอกินเสร็จแล้วก็เดินกลับไปที่ MRT Pasar seni ตรงนี้จะมี central market เอาไว้ให้ช็อปแต่เราไม่รู้จะเข้าไปช็อปไรเราเลยไม่ได้เลือกจะไป วันนั้นเราก็กลับที่พักนอนอย่างสุขสบาย
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่