A.การใช้น้ำหล่อที่ตีนวาล์ว แล้วใช้ลมเป่าเพื่อสังเกตุฟองอากาศ
B.การใช้เบนซิลหรืออื่นๆ ใส่ด้านเข้าไอดีหรือด้านออกไอเสีย แล้วรอดูการซึม ที่วาล์ว
ถามผู้รู้จริงครับ
1.AและB ให้ผลแตกต่างกันไหมกับการใช้งานจริง แต่ในแง่การซ่อม ข้อ 1 จะเร็วกว่า
2. ข้อ A ลมที่เป่าสามารถดันวาล์วให้เผยอได้ไหมถ้าลมแรง(เฮ้ยบางคนอาจบอกมันไม่แรงไปกว่าความแข็งสปริงหรอก อันนี้ไม่รู้)
นึกถึงภาพการใช้งานจริง ในจังหวะอัดและระเบิดจะมีแรงดันวาล์วให้ชิด ถ้าบ่าสนิทดี ข้อ2 นี้น่าจะไม่ใช่คำถามแต่ต้องการคำอธิบาย
3.การใช้นิ้วมือดันวาล์วไว้(ไม่ใส่สปริง ดีเหมือนกันเวลารั่วจะได้ไม่ต้องถอด)แล้วใส่น้ำดูการซึม แบบนี้ OK ไหม
มูลเหตุในการถาม
อยากรู้/ไม่ได้เรียนช่างยนต์/แต่ซ่อมอยู่
จุดมุ่งหมาย
ไม่ต้องการให้คนตอบมาอวดรู้ด่ากัน/และที่สำคัญ ด่าคนถาม5555
การเช็ครั่ว วาลว์ฝาสูบรถยนต์
B.การใช้เบนซิลหรืออื่นๆ ใส่ด้านเข้าไอดีหรือด้านออกไอเสีย แล้วรอดูการซึม ที่วาล์ว
ถามผู้รู้จริงครับ
1.AและB ให้ผลแตกต่างกันไหมกับการใช้งานจริง แต่ในแง่การซ่อม ข้อ 1 จะเร็วกว่า
2. ข้อ A ลมที่เป่าสามารถดันวาล์วให้เผยอได้ไหมถ้าลมแรง(เฮ้ยบางคนอาจบอกมันไม่แรงไปกว่าความแข็งสปริงหรอก อันนี้ไม่รู้)
นึกถึงภาพการใช้งานจริง ในจังหวะอัดและระเบิดจะมีแรงดันวาล์วให้ชิด ถ้าบ่าสนิทดี ข้อ2 นี้น่าจะไม่ใช่คำถามแต่ต้องการคำอธิบาย
3.การใช้นิ้วมือดันวาล์วไว้(ไม่ใส่สปริง ดีเหมือนกันเวลารั่วจะได้ไม่ต้องถอด)แล้วใส่น้ำดูการซึม แบบนี้ OK ไหม
มูลเหตุในการถาม
อยากรู้/ไม่ได้เรียนช่างยนต์/แต่ซ่อมอยู่
จุดมุ่งหมาย
ไม่ต้องการให้คนตอบมาอวดรู้ด่ากัน/และที่สำคัญ ด่าคนถาม5555