จิ๊กรูปมาจาก Wonder Woman (Thailand)
สวัสดีค่ะ จริง ๆ เราว่ามันยังไม่ถึงเวลาสปอยล์ (ตามที่หลาย ๆ คนคิดคือควรจะพ้น 1 สัปดาห์ของการฉายไปก่อน)
แต่เราอัดอั้นตันใจอยากให้มีคนมาคุยด้วยเรื่องนี้มาก ๆ ก็ขอโทษไว้ก่อนเลยสำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปดูนะคะ
แนะนำว่าให้เฟบกระทู้ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ฮี่ฮี่
ไปดูหนังแล้วมาคุยกันนะคะ
สปอยล์ นะคะ กระทู้นี้ สปอยล์ ค่ะ สปอยยยยยยยยยยยยล์
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าเราไม่ได้เป็นติ่งทั้งของฝั่ง Marvel และ DC มาก่อน
"ก่อนหน้า" ที่จะได้ดู
Batman v Superman: Dawn of Justice
แค่รู้สึกประทับใจ
Watchmen เมื่อตอนม.ปลาย โดยที่ก็ไม่ได้รู้ว่าเป็นหนังค่ายไหน (ตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องหนัง)
พอโต ๆ มาก็ได้ดูหนังฮีโร่หลายเรื่องขึ้น ของมาร์เวลเองก็ดูมาเรื่อย ๆ ค่ะ
แต่เราชอบการนำเสนอของดีซีตอนที่ได้ดู BvS มากกว่า (จะว่าเรารสนิยมประหลาดก็ได้นะ 5555)
และได้ฟังผลตอบรับในหลาย ๆ แง่ (ที่ไม่ดี) ก็เลยค่อนข้างคาดหวังหนังเรื่องถัด ๆ ไปด้วย
และเราว่าแม่วันเดอร์ หรือ
Wonder Woman เนี่ย ก็ทำได้ดีเกินความคาดหมายของเรามาก ๆ
แต่...มีแต่ก็คือ เราได้ดูสามรอบติดกัน
- จองไปดูของ Major วันที่ 1 มิถุนายน (วันแรกที่หนังเข้าฉาย) คนเดียว ผลปรากฏว่า
"ไม่ชอบเลย" ค่ะ
อาจเป็นเพราะเราเห็นคะแนนและสปอยล์หลายอย่างผ่านตาไป เลยรู้สึกเครียดและติดอยู่ในหัว ไม่พร้อมจะดูเท่าไหร่
ตอนเข้าไปก็เลยเอาแต่จับผิด และหลงประเด็นการนำเสนอไปมากเลยค่ะ ตามัวจ้องจะเห็นซีจีลอย ๆ
เพลงที่ไม่เข้ากับจังหวะอารมณ์ มาช้าเกินไป
จังหวะของหนังค่อนข้างเร็วจนเราจับอะไรไม่ค่อยทัน เห็นน้อง ๆ ที่รู้จักกันในทวิตเตอร์ (สายหนัง) ก็บอกว่ามันมีสัญญะนะ เฟมินิสต์นะ
เราก็เพ่งเกินจนไม่ได้สังเกตว่ามันเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มองข้ามได้ง่ายมาก ๆ
ตอนรอบแรกออกมาเลยรู้สึกไม่ค่อยชอบค่ะ
- จองไปดูของ SF วันที่ 2 มิถุนายน (วันที่สองที่หนังเข้าฉาย) กับเพื่อน ผลปรากฏว่า
"ชอบมากกว่ารอบแรกมาก"
คราวนี้ไปดูกับเพื่อนค่ะ ทำสมองให้โล่ง ไม่คิดอะไรในหัว (นอกจากท้องหิวเพราะไม่ได้กินอะไรก่อนเข้าโรง 5555)
ปรากฏว่าใช้ใจดูแล้วมันดีค่ะ ดีมาก นี่ก็ใช่ นั่นไงสัญญะ โน่นไงประเด็นที่คนนั้นคนนี้บอก อิ่มอกอิ่มใจมากค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นรอบเก็บตกหลาย ๆ อย่างที่ไม่เห็นตอนดูรอบแรก 5555 ก็คุยกับเพื่อนนิดหน่อยเรื่องหนัง แล้วก็แตกประเด็นกัน
เลยอยากแบ่งปันให้คนอื่น ๆ ที่ดูได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่ะ คิดเหมือนเราไหม มีอะไรที่คิดต่างกันบ้าง
เราอยากฟังความเห็นทุกคนค่ะ (แม้จะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหนังเลยสักบาท 5555) เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
- จองไปดูของ SF วันที่ 3 มิถุนายน (วันที่สามที่หนังเข้าฉาย) รอบ
Fan Meeting วันครบรอบ 75 ปี Wonder Woman
และเป็น
Wonder Woman's Day กับพี่ ๆ
DC Universe Club,
Heroes Talk,
Wonder Woman (Thailand) ซึ่งประทับใจมาก ๆ (ถ้าตกหล่นพี่ ๆ เพจไหนไปขอโทษด้วยนะคะ)
รอบนี้ถือเป็นรอบสัจจะ 5555 เห็นหลาย ๆ อย่างในหนังได้กว้างขึ้นมาก ข้อดีข้อเสีย และก็ทำใจได้ 5555
สาธยายมาเนิ่นนาน เอาเป็นว่ามาดูเรื่องที่เราเห็นและคิดได้จากในหนังกันนะ
จริง ๆ ก็รอคุณพี่ที่ตั้งกระทู้
[Batman VS Superman] ซุปเปอร์แมน: พระเทียมเท็จ?
มาตั้งกระทู้ของแม่วันเดอร์ให้อ่านเหมือนกัน แต่ทนไม่ไหวแล้วค่ะะะะะะ ขอตั้งก่อนนะ
========================================
ตำนานเทพกรีก-โรมัน กับต้นกำเนิดของ Diana
ในหนังเราจะเห็นว่าไดอาน่าเติบโตขึ้นบนเกาะทีมิสคีร่า (Themyscira ตามหลักอาจจะออกเสียงว่า ทีมิส
เคียรา)
ท่ามกลางเหล่านักรบหญิงอะเมซอน (ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับป่าอะเมซอนและแอฟริกาใต้)
ตอนที่ฮิปโปลิต้าและแอนไทโอพีเล่าเรื่องต้นกำเนิดของสรรพสิ่งให้ไดอาน่าน้อยฟัง เราก็จับสารได้คร่าว ๆ ว่า
"ซุสและเหล่าทวยเทพมีมาก่อนเวลานานแสนนาน แต่วันหนึ่ง ซุสได้สร้างเหล่ามนุษย์ขึ้นมาบนโลก
เขาเอ็นดูมนุษย์มากเสียจนเอรีส เทพแห่งสงครามซึ่งเป็นบุตรชายไม่พอใจ เอรีสเลยลวงล่อ
ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความชิงชังรังเกียจ ความเคลือบแคลงใจลงในหัวใจของมนุษย์ ก่อให้เกิดสงครามขึ้น
ซุสรู้ดีว่าเป็นเพราะเอรีสที่ทำให้มนุษย์ก่อสงคราม เลยคิดจะทำลายเอรีส ซึ่งนั่นส่งผลให้เกิดสงครามใหญ่ที่แลกด้วยชีวิตของซุส
ระหว่างนั้นซุสได้สร้างเหล่านักรบหญิงอะเมซอนขึ้นเพื่อช่วยเป็นคนเยียวยา เชื่อมความสัมพันธ์ให้เหล่ามนุษย์อีกครั้ง
แต่มนุษย์กลับนำนักรบหญิงอะเมซอนไปเป็นทาส เหล่าเทพเจ้าก็ล้มตายจากการต่อสู้กับเอรีส
ซุสใช้พลังที่มีในการกำราบเอรีส สุดท้ายเทพเจ้าแห่งสงครามก็หายสาบสูญไป
ฝ่ายนักรบหญิงอะเมซอนที่นำโดยฮิปโปลิต้าก็ฝ่าฟันจนพ้นสงครามของมนุษย์และปลดแอกเผ่าพันธุ์ของตนจากการเป็นทาส
ซุสสร้างเกาะทีมิสคีร่าขึ้น เพื่อให้เหล่านักรบอะเมซอนได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหลังจากทำเพื่อมนุษย์มาอย่างยาวนาน
และได้ใช้ลมหายใจสุดท้ายของเขาเพื่อสร้างอาวุธสังหารเทพ ก่อนจะฝากฝังให้เหล่าหญิงอะเมซอนเป็นผู้ดูแล"
ถ้าใครเคยผ่านตากับตำนานเทพกรีก-โรมันมาบ้างน่าจะพอนึกภาพออกนะคะ
แต่อาจมีหลายคนที่สงสัย เราเลยจะขออธิบายนิดนึง
แผนผังความสัมพันธ์ของเทพกรีกโบราณ (ที่มา)
ตามแผนผังนี้เราจะเห็นว่าเอรีส (Ares-สีส้ม) เทพแห่งสงคราม เป็นบุตรที่เกิดกับซุส (Zeus-สีเหลือง)
และเฮร่า (Hera) ซึ่งก็รู้กันดีอยู่ว่าซุสนั้นเจ้าชู้และมอบรัก (ไข่) ไปทั่ว
ทำให้เฮร่าตามหึงหวงและสาปแช่งเหล่าภรรยา (และสามี) น้อยของซุสอยู่บ่อย ๆ
โดยไดอาน่า (Diana) หรือในผังที่ใช้ชื่อแบบกรีกโบราณว่า อาร์เทมิส (Artemis-สีฟ้า) นั้นเป็นธิดาที่เกิดกับซุสและเลโต (Leto-สีชมพู)
ตามตำนานนั้น เลโตท้องลูกแฝดชาย-หญิง ซึ่งก็คืออพอลโล (Apollo) เทพแห่งดวงอาทิตย์และแสงแดด เสียงดนตรี กวี ฯลฯ
และอาร์เทมิส เทพีแห่งดวงจันทร์และแสงจันทร์ การล่าสัตว์ สัตว์ป่า พรหมจรรย์ การให้กำเนิด และคุ้มครองเด็กหญิง
เฮร่าโกรธเคืองเป็นอย่างมาก เลยสาปแช่งให้เลโตไม่สามารถให้กำเนิดบนแผ่นดินผืนน้ำใด ๆ ก็ตาม
และสั่งไม่ให้ผู้ใดให้ที่พักพิงแก่เลโต ใครขัดขืนจะมีอันเป็นไปชั่วลูกชั่วหลาน จึงไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าช่วย
ระหว่างนั้นเฮร่ายังควบคุมให้งูยักษ์ไพธอน (Python) ไล่ล่าเลโตที่กำลังท้องอยู่
แต่ด้วยความที่นางก็เป็นเทพีองค์หนึ่ง จึงทำให้ไม่ถึงแก่ความตาย แต่ก็ได้รับความลำบากเป็นอย่างมาก
ในท้ายที่สุดเลโตได้ร่อนเร่พเนจรจนไปพบกับเกาะลอยชื่อดีลอส (Delos) ในห้วงมหาสมุทรซึ่งไม่มีลักษณะใด ๆ เป็นไปตามที่เฮร่าสาปไว้
นางจึงได้ให้กำเนิดอพอลโลและอาร์เทมิสใต้แสงอาทิตย์ (สุดท้ายเมื่ออพอลโลโตขึ้นก็ได้เป็นผู้กำจัดงูไพธอนที่เคยไล่ล่าแม่ของตน)
ถึงตรงนี้เราจะเชื่อมโยงให้เห็นคุณสมบัติของไดอาน่า (วันเดอร์ วูแมน) กับอาร์เทมิส (หรือไดอาน่า เทพีกรีก-โรมัน)
ว่ามีอะไรที่เหมือนกันบ้าง และจะยกตัวอย่างในหนังให้ดูนะคะ
-
เกิดและโตบนเกาะ (อธิบายตามตำนานด้านบนไปแล้วนะคะ)
-
เป็นที่รักและห้อมล้อมไปด้วยผู้หญิง ที่เห็นคือไดอาน่าในหนังอยู่ท่ามกลางการดูแลของนักรบอะเมซอนที่เป็นหญิง
ส่วนตามตำนานนางเลือกผู้ติดตามเป็นผู้หญิงทั้งสิ้นค่ะ (เพราะอะไรจะอธิบายต่อไปนะคะ)
-
เป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์และพรานป่า หนังแฝงไว้ในอุปกรณ์การต่อสู้ของชาวอะเมซอนคือธนูและเชือก (ล่ามสัตว์) ทักษะการขี่ม้า
ความแข็งแรง เสื้อผ้าของฮิปโปลิต้ามีขนสัตว์ประดับทั้งที่เป็นเกาะ อากาศร้อน แสดงว่าเป็นผู้ที่พิเศษที่สุดของชาวอะเมซอน (ราชินี)
คือมีกำลังแรงที่จะล่าสัตว์และมีสิทธิสวมสิ่งของแสดงฐานะ
ตามตำนานเหล่าพรานป่าให้ความเคารพแก่เทพีไดอาน่า เหมือนที่ในหนังเหล่าทหารชายให้ความเคารพแก่ไดอาน่า
-
การเป็นเทพีที่เกี่ยวกับเพศหญิง (พรหมจรรย์ การให้กำเนิด คุมครองเด็กหญิง) ในหนังจะเห็นว่าไดอาน่าอ่อนโยนมากกับทุกสิ่ง
เธอเจอเด็กก็จะวิ่งเข้าไปหา (ทั้งในฉากที่สตีฟบอกว่า "เด็กไม่ได้ทำจากดิน" ฉากที่ไปแนวหน้าแล้วเห็นเด็กร้องไห้เธอก็อยากช่วย
ฉากที่อยู่ในสนามเพลาะเธอก็เข้าไปหาผู้หญิงที่อุ้มเด็ก) เธอจะพูดย้ำอยู่เสมอว่า "เด็กและผู้หญิงถูกฆ่า"
เธอไม่อยากปล่อยให้ "คนที่สู้เองไม่ได้" ถูกฆ่า
และฉาก "เชื่อในความรัก" (ซึ่งเราว่ามันก็เมคเซนส์ในระดับหนึ่งนะ เพราะในหนังเธอถูก portray ให้เป็นตัวแทนของ "รัก" ชัด ๆ)
-
นางมีดวงกินสามี ตามหัวข้อบนที่บอกว่าเป็นเทพีแห่งพรหมจรรย์ ขอมาอธิบายตรงนี้เพราะมันจะยาวค่ะ
แม้ไดอาน่าจะขอกับซุสว่านางไม่อยากแต่งงานหลังจากได้รับรู้ถึงความยากลำบากและความเจ็บปวดของแม่
ระหว่างที่อุ้มท้องและคลอดนางกับน้องชาย (อพอลโล) ออกมา แม้นางจะรังเกียจการแต่งงาน (แต่นับถือสหายพรานที่เป็นชาย)
ก็ใช่ว่านางจะไม่เคยมีความรัก เพียงแต่ชายที่นางรักและรักนางมักจะประสบกับชะตากรรมที่เลวร้าย ทั้งเพราะตัวนางเองและเทพอื่น
เช่น นางเคยโดนอพอลโล (ที่เป็นน้องชายแท้ ๆ) หลอกให้ยิงธนูปักศีรษะโอไรออน (Orion-ดาวนายพราน)
เพราะอพอลโลอยากรักษาพรหมจรรย์ของพี่สาวเอาไว้
หรือจะเป็นตำนานที่โบฟากอส (Bouphagos-บุตรแห่งไอแอพิตัส หนึ่งในไททัน) เห็นนางแล้วอยากสะบะลึ่มกึ๋มกึ๋ยด้วย
นางอ่านความคิดเขาเลยยกภูเขา Pholoe ทุ่มใส่
ในหนังก็เห็นชัดเจนว่าเธอรู้เจตนาไม่บริสุทธิ์ของชายที่เข้าหาเธอ ทั้งฉากที่ซาเมียร์มองตาเธอและฉากเต้นรำกับลูเดนดอร์ฟ
และคงไม่สงสัยสินะคะว่าทำไมสตีฟ เทรเวอร์ถึงตาย...ถ้านับจากที่อพอลโลอยากปกป้องพรหมจรรย์เธอแล้วละก็นะ...
เรื่องรังเกียจการแต่งงานเราว่าเธอแสดงออกมาตอนที่คุยกับสตีฟบนเรือค่ะ
ทั้งเรื่องที่ว่าสาบานจะรักกันจนวันตายแต่ทำไม่ได้ แล้วก็เรื่องที่ว่าสรุปแล้วชายก็ให้ความสุขกับหญิงไม่ได้หรอก
-
นางชอบดนตรีและการเต้นรำ ในหนังเห็นชัดมากตอนที่ไดอาน่าแซวว่า "มนุษย์พวกนี้ก็แค่...โยกตัวไปมา" อันนี้เราขำเลยนะ
แล้วก็เรื่องตอนที่ชาร์ลีร้องเพลง สตีฟบอกว่าไม่เห็นเขาร้องเพลงมาเป็นปี ๆ แล้วนะ
ตรงนี้ไดอาน่าน่าจะสัมผัสได้แล้วว่ามันเป็นเพราะความเศร้า
และตอนที่ชาร์ลีบอกว่าเป็นตัวถ่วงแต่ไดอาน่าก็บอกอีกว่า "ไม่หรอกชาร์ลี คุณไปแล้วใครจะร้องเพลงให้เราล่ะ"
-
นางมีอารมณ์โกรธเกรี้ยวรุนแรง ก็เห็นจากฉากระเบิดพลังแล้วใช่ไหมคะ เพลงประกอบซีนนั้นก็ถูกเปลี่ยนชื่อแล้วนะ
เป็น
Wonder Woman's Wrath เหมือนกับที่เทพีไดอาน่าทุ่มภูเขาใส่คนที่คิดชั่วก่อนหน้านี้ 555
คือปกติก็อารมณ์ดีแหละ แต่อย่ายั่วให้โกรธ พลังนางเยอะมากจริง ๆ
มีอีกตำนานนึงก็คือตอนที่เทพีไดอาน่าอาบน้ำอยู่แล้วมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเห็นแล้วเกิดอยากสะบะยะลึมลึมนาง
นางก็สาปให้เด็กหนุ่มคนนั้นกลายเป็นผู้หญิง เห็นแล้วใช่ไหมว่าอย่ายั่วนาง 5555
ว่าแล้วก็ใส่เพลงให้ฟังกันเพลิน ๆ เลยนะคะ
เราจะลงไปต่อในความเห็นนะ นี่มันจะเต็มลิมิตข้อความแล้วอะ มีอะไรก็แลกเปลี่ยนกันได้เลยน้า
ปาดได้เลยค่ะ อยากฟังความเห็นคนอื่นด้วย
[สปอยล์] สิ่งที่อยากพูดถึงใน Wonder Woman หลังไปดูมาแล้วสามรอบ (ในแบบของเด็กที่ไม่ได้ตามคอมมิก DC)
จิ๊กรูปมาจาก Wonder Woman (Thailand)
สวัสดีค่ะ จริง ๆ เราว่ามันยังไม่ถึงเวลาสปอยล์ (ตามที่หลาย ๆ คนคิดคือควรจะพ้น 1 สัปดาห์ของการฉายไปก่อน)
แต่เราอัดอั้นตันใจอยากให้มีคนมาคุยด้วยเรื่องนี้มาก ๆ ก็ขอโทษไว้ก่อนเลยสำหรับใครที่ยังไม่ได้ไปดูนะคะ
แนะนำว่าให้เฟบกระทู้ไว้ก่อนก็ได้ค่ะ ฮี่ฮี่ ไปดูหนังแล้วมาคุยกันนะคะ
สปอยล์ นะคะ กระทู้นี้ สปอยล์ ค่ะ สปอยยยยยยยยยยยยล์
ขอเกริ่นก่อนเลยว่าเราไม่ได้เป็นติ่งทั้งของฝั่ง Marvel และ DC มาก่อน
"ก่อนหน้า" ที่จะได้ดู Batman v Superman: Dawn of Justice
แค่รู้สึกประทับใจ Watchmen เมื่อตอนม.ปลาย โดยที่ก็ไม่ได้รู้ว่าเป็นหนังค่ายไหน (ตอนนั้นไม่ได้สนใจเรื่องหนัง)
พอโต ๆ มาก็ได้ดูหนังฮีโร่หลายเรื่องขึ้น ของมาร์เวลเองก็ดูมาเรื่อย ๆ ค่ะ
แต่เราชอบการนำเสนอของดีซีตอนที่ได้ดู BvS มากกว่า (จะว่าเรารสนิยมประหลาดก็ได้นะ 5555)
และได้ฟังผลตอบรับในหลาย ๆ แง่ (ที่ไม่ดี) ก็เลยค่อนข้างคาดหวังหนังเรื่องถัด ๆ ไปด้วย
และเราว่าแม่วันเดอร์ หรือ Wonder Woman เนี่ย ก็ทำได้ดีเกินความคาดหมายของเรามาก ๆ
แต่...มีแต่ก็คือ เราได้ดูสามรอบติดกัน
- จองไปดูของ Major วันที่ 1 มิถุนายน (วันแรกที่หนังเข้าฉาย) คนเดียว ผลปรากฏว่า "ไม่ชอบเลย" ค่ะ
อาจเป็นเพราะเราเห็นคะแนนและสปอยล์หลายอย่างผ่านตาไป เลยรู้สึกเครียดและติดอยู่ในหัว ไม่พร้อมจะดูเท่าไหร่
ตอนเข้าไปก็เลยเอาแต่จับผิด และหลงประเด็นการนำเสนอไปมากเลยค่ะ ตามัวจ้องจะเห็นซีจีลอย ๆ
เพลงที่ไม่เข้ากับจังหวะอารมณ์ มาช้าเกินไป
จังหวะของหนังค่อนข้างเร็วจนเราจับอะไรไม่ค่อยทัน เห็นน้อง ๆ ที่รู้จักกันในทวิตเตอร์ (สายหนัง) ก็บอกว่ามันมีสัญญะนะ เฟมินิสต์นะ
เราก็เพ่งเกินจนไม่ได้สังเกตว่ามันเป็นรายละเอียดเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่มองข้ามได้ง่ายมาก ๆ
ตอนรอบแรกออกมาเลยรู้สึกไม่ค่อยชอบค่ะ
- จองไปดูของ SF วันที่ 2 มิถุนายน (วันที่สองที่หนังเข้าฉาย) กับเพื่อน ผลปรากฏว่า "ชอบมากกว่ารอบแรกมาก"
คราวนี้ไปดูกับเพื่อนค่ะ ทำสมองให้โล่ง ไม่คิดอะไรในหัว (นอกจากท้องหิวเพราะไม่ได้กินอะไรก่อนเข้าโรง 5555)
ปรากฏว่าใช้ใจดูแล้วมันดีค่ะ ดีมาก นี่ก็ใช่ นั่นไงสัญญะ โน่นไงประเด็นที่คนนั้นคนนี้บอก อิ่มอกอิ่มใจมากค่ะ
เรียกได้ว่าเป็นรอบเก็บตกหลาย ๆ อย่างที่ไม่เห็นตอนดูรอบแรก 5555 ก็คุยกับเพื่อนนิดหน่อยเรื่องหนัง แล้วก็แตกประเด็นกัน
เลยอยากแบ่งปันให้คนอื่น ๆ ที่ดูได้มาแลกเปลี่ยนความคิดเห็นค่ะ คิดเหมือนเราไหม มีอะไรที่คิดต่างกันบ้าง
เราอยากฟังความเห็นทุกคนค่ะ (แม้จะไม่ได้มีส่วนได้ส่วนเสียกับหนังเลยสักบาท 5555) เลยตั้งกระทู้นี้ขึ้นมา
- จองไปดูของ SF วันที่ 3 มิถุนายน (วันที่สามที่หนังเข้าฉาย) รอบ Fan Meeting วันครบรอบ 75 ปี Wonder Woman
และเป็น Wonder Woman's Day กับพี่ ๆ DC Universe Club, Heroes Talk,
Wonder Woman (Thailand) ซึ่งประทับใจมาก ๆ (ถ้าตกหล่นพี่ ๆ เพจไหนไปขอโทษด้วยนะคะ)
รอบนี้ถือเป็นรอบสัจจะ 5555 เห็นหลาย ๆ อย่างในหนังได้กว้างขึ้นมาก ข้อดีข้อเสีย และก็ทำใจได้ 5555
สาธยายมาเนิ่นนาน เอาเป็นว่ามาดูเรื่องที่เราเห็นและคิดได้จากในหนังกันนะ
จริง ๆ ก็รอคุณพี่ที่ตั้งกระทู้ [Batman VS Superman] ซุปเปอร์แมน: พระเทียมเท็จ?
มาตั้งกระทู้ของแม่วันเดอร์ให้อ่านเหมือนกัน แต่ทนไม่ไหวแล้วค่ะะะะะะ ขอตั้งก่อนนะ
========================================
ตำนานเทพกรีก-โรมัน กับต้นกำเนิดของ Diana
ในหนังเราจะเห็นว่าไดอาน่าเติบโตขึ้นบนเกาะทีมิสคีร่า (Themyscira ตามหลักอาจจะออกเสียงว่า ทีมิสเคียรา)
ท่ามกลางเหล่านักรบหญิงอะเมซอน (ซึ่งไม่ได้เกี่ยวอะไรกับป่าอะเมซอนและแอฟริกาใต้)
ตอนที่ฮิปโปลิต้าและแอนไทโอพีเล่าเรื่องต้นกำเนิดของสรรพสิ่งให้ไดอาน่าน้อยฟัง เราก็จับสารได้คร่าว ๆ ว่า
"ซุสและเหล่าทวยเทพมีมาก่อนเวลานานแสนนาน แต่วันหนึ่ง ซุสได้สร้างเหล่ามนุษย์ขึ้นมาบนโลก
เขาเอ็นดูมนุษย์มากเสียจนเอรีส เทพแห่งสงครามซึ่งเป็นบุตรชายไม่พอใจ เอรีสเลยลวงล่อ
ปลูกเมล็ดพันธุ์แห่งความชิงชังรังเกียจ ความเคลือบแคลงใจลงในหัวใจของมนุษย์ ก่อให้เกิดสงครามขึ้น
ซุสรู้ดีว่าเป็นเพราะเอรีสที่ทำให้มนุษย์ก่อสงคราม เลยคิดจะทำลายเอรีส ซึ่งนั่นส่งผลให้เกิดสงครามใหญ่ที่แลกด้วยชีวิตของซุส
ระหว่างนั้นซุสได้สร้างเหล่านักรบหญิงอะเมซอนขึ้นเพื่อช่วยเป็นคนเยียวยา เชื่อมความสัมพันธ์ให้เหล่ามนุษย์อีกครั้ง
แต่มนุษย์กลับนำนักรบหญิงอะเมซอนไปเป็นทาส เหล่าเทพเจ้าก็ล้มตายจากการต่อสู้กับเอรีส
ซุสใช้พลังที่มีในการกำราบเอรีส สุดท้ายเทพเจ้าแห่งสงครามก็หายสาบสูญไป
ฝ่ายนักรบหญิงอะเมซอนที่นำโดยฮิปโปลิต้าก็ฝ่าฟันจนพ้นสงครามของมนุษย์และปลดแอกเผ่าพันธุ์ของตนจากการเป็นทาส
ซุสสร้างเกาะทีมิสคีร่าขึ้น เพื่อให้เหล่านักรบอะเมซอนได้ใช้ชีวิตอย่างสงบสุขหลังจากทำเพื่อมนุษย์มาอย่างยาวนาน
และได้ใช้ลมหายใจสุดท้ายของเขาเพื่อสร้างอาวุธสังหารเทพ ก่อนจะฝากฝังให้เหล่าหญิงอะเมซอนเป็นผู้ดูแล"
ถ้าใครเคยผ่านตากับตำนานเทพกรีก-โรมันมาบ้างน่าจะพอนึกภาพออกนะคะ
แต่อาจมีหลายคนที่สงสัย เราเลยจะขออธิบายนิดนึง
แผนผังความสัมพันธ์ของเทพกรีกโบราณ (ที่มา)
ตามแผนผังนี้เราจะเห็นว่าเอรีส (Ares-สีส้ม) เทพแห่งสงคราม เป็นบุตรที่เกิดกับซุส (Zeus-สีเหลือง)
และเฮร่า (Hera) ซึ่งก็รู้กันดีอยู่ว่าซุสนั้นเจ้าชู้และมอบรัก (ไข่) ไปทั่ว
ทำให้เฮร่าตามหึงหวงและสาปแช่งเหล่าภรรยา (และสามี) น้อยของซุสอยู่บ่อย ๆ
โดยไดอาน่า (Diana) หรือในผังที่ใช้ชื่อแบบกรีกโบราณว่า อาร์เทมิส (Artemis-สีฟ้า) นั้นเป็นธิดาที่เกิดกับซุสและเลโต (Leto-สีชมพู)
ตามตำนานนั้น เลโตท้องลูกแฝดชาย-หญิง ซึ่งก็คืออพอลโล (Apollo) เทพแห่งดวงอาทิตย์และแสงแดด เสียงดนตรี กวี ฯลฯ
และอาร์เทมิส เทพีแห่งดวงจันทร์และแสงจันทร์ การล่าสัตว์ สัตว์ป่า พรหมจรรย์ การให้กำเนิด และคุ้มครองเด็กหญิง
เฮร่าโกรธเคืองเป็นอย่างมาก เลยสาปแช่งให้เลโตไม่สามารถให้กำเนิดบนแผ่นดินผืนน้ำใด ๆ ก็ตาม
และสั่งไม่ให้ผู้ใดให้ที่พักพิงแก่เลโต ใครขัดขืนจะมีอันเป็นไปชั่วลูกชั่วหลาน จึงไม่มีใครกล้ายื่นมือเข้าช่วย
ระหว่างนั้นเฮร่ายังควบคุมให้งูยักษ์ไพธอน (Python) ไล่ล่าเลโตที่กำลังท้องอยู่
แต่ด้วยความที่นางก็เป็นเทพีองค์หนึ่ง จึงทำให้ไม่ถึงแก่ความตาย แต่ก็ได้รับความลำบากเป็นอย่างมาก
ในท้ายที่สุดเลโตได้ร่อนเร่พเนจรจนไปพบกับเกาะลอยชื่อดีลอส (Delos) ในห้วงมหาสมุทรซึ่งไม่มีลักษณะใด ๆ เป็นไปตามที่เฮร่าสาปไว้
นางจึงได้ให้กำเนิดอพอลโลและอาร์เทมิสใต้แสงอาทิตย์ (สุดท้ายเมื่ออพอลโลโตขึ้นก็ได้เป็นผู้กำจัดงูไพธอนที่เคยไล่ล่าแม่ของตน)
ถึงตรงนี้เราจะเชื่อมโยงให้เห็นคุณสมบัติของไดอาน่า (วันเดอร์ วูแมน) กับอาร์เทมิส (หรือไดอาน่า เทพีกรีก-โรมัน)
ว่ามีอะไรที่เหมือนกันบ้าง และจะยกตัวอย่างในหนังให้ดูนะคะ
- เกิดและโตบนเกาะ (อธิบายตามตำนานด้านบนไปแล้วนะคะ)
- เป็นที่รักและห้อมล้อมไปด้วยผู้หญิง ที่เห็นคือไดอาน่าในหนังอยู่ท่ามกลางการดูแลของนักรบอะเมซอนที่เป็นหญิง
ส่วนตามตำนานนางเลือกผู้ติดตามเป็นผู้หญิงทั้งสิ้นค่ะ (เพราะอะไรจะอธิบายต่อไปนะคะ)
- เป็นเทพีแห่งการล่าสัตว์และพรานป่า หนังแฝงไว้ในอุปกรณ์การต่อสู้ของชาวอะเมซอนคือธนูและเชือก (ล่ามสัตว์) ทักษะการขี่ม้า
ความแข็งแรง เสื้อผ้าของฮิปโปลิต้ามีขนสัตว์ประดับทั้งที่เป็นเกาะ อากาศร้อน แสดงว่าเป็นผู้ที่พิเศษที่สุดของชาวอะเมซอน (ราชินี)
คือมีกำลังแรงที่จะล่าสัตว์และมีสิทธิสวมสิ่งของแสดงฐานะ
ตามตำนานเหล่าพรานป่าให้ความเคารพแก่เทพีไดอาน่า เหมือนที่ในหนังเหล่าทหารชายให้ความเคารพแก่ไดอาน่า
- การเป็นเทพีที่เกี่ยวกับเพศหญิง (พรหมจรรย์ การให้กำเนิด คุมครองเด็กหญิง) ในหนังจะเห็นว่าไดอาน่าอ่อนโยนมากกับทุกสิ่ง
เธอเจอเด็กก็จะวิ่งเข้าไปหา (ทั้งในฉากที่สตีฟบอกว่า "เด็กไม่ได้ทำจากดิน" ฉากที่ไปแนวหน้าแล้วเห็นเด็กร้องไห้เธอก็อยากช่วย
ฉากที่อยู่ในสนามเพลาะเธอก็เข้าไปหาผู้หญิงที่อุ้มเด็ก) เธอจะพูดย้ำอยู่เสมอว่า "เด็กและผู้หญิงถูกฆ่า"
เธอไม่อยากปล่อยให้ "คนที่สู้เองไม่ได้" ถูกฆ่า
และฉาก "เชื่อในความรัก" (ซึ่งเราว่ามันก็เมคเซนส์ในระดับหนึ่งนะ เพราะในหนังเธอถูก portray ให้เป็นตัวแทนของ "รัก" ชัด ๆ)
- นางมีดวงกินสามี ตามหัวข้อบนที่บอกว่าเป็นเทพีแห่งพรหมจรรย์ ขอมาอธิบายตรงนี้เพราะมันจะยาวค่ะ
แม้ไดอาน่าจะขอกับซุสว่านางไม่อยากแต่งงานหลังจากได้รับรู้ถึงความยากลำบากและความเจ็บปวดของแม่
ระหว่างที่อุ้มท้องและคลอดนางกับน้องชาย (อพอลโล) ออกมา แม้นางจะรังเกียจการแต่งงาน (แต่นับถือสหายพรานที่เป็นชาย)
ก็ใช่ว่านางจะไม่เคยมีความรัก เพียงแต่ชายที่นางรักและรักนางมักจะประสบกับชะตากรรมที่เลวร้าย ทั้งเพราะตัวนางเองและเทพอื่น
เช่น นางเคยโดนอพอลโล (ที่เป็นน้องชายแท้ ๆ) หลอกให้ยิงธนูปักศีรษะโอไรออน (Orion-ดาวนายพราน)
เพราะอพอลโลอยากรักษาพรหมจรรย์ของพี่สาวเอาไว้
หรือจะเป็นตำนานที่โบฟากอส (Bouphagos-บุตรแห่งไอแอพิตัส หนึ่งในไททัน) เห็นนางแล้วอยากสะบะลึ่มกึ๋มกึ๋ยด้วย
นางอ่านความคิดเขาเลยยกภูเขา Pholoe ทุ่มใส่
ในหนังก็เห็นชัดเจนว่าเธอรู้เจตนาไม่บริสุทธิ์ของชายที่เข้าหาเธอ ทั้งฉากที่ซาเมียร์มองตาเธอและฉากเต้นรำกับลูเดนดอร์ฟ
และคงไม่สงสัยสินะคะว่าทำไมสตีฟ เทรเวอร์ถึงตาย...ถ้านับจากที่อพอลโลอยากปกป้องพรหมจรรย์เธอแล้วละก็นะ...
เรื่องรังเกียจการแต่งงานเราว่าเธอแสดงออกมาตอนที่คุยกับสตีฟบนเรือค่ะ
ทั้งเรื่องที่ว่าสาบานจะรักกันจนวันตายแต่ทำไม่ได้ แล้วก็เรื่องที่ว่าสรุปแล้วชายก็ให้ความสุขกับหญิงไม่ได้หรอก
- นางชอบดนตรีและการเต้นรำ ในหนังเห็นชัดมากตอนที่ไดอาน่าแซวว่า "มนุษย์พวกนี้ก็แค่...โยกตัวไปมา" อันนี้เราขำเลยนะ
แล้วก็เรื่องตอนที่ชาร์ลีร้องเพลง สตีฟบอกว่าไม่เห็นเขาร้องเพลงมาเป็นปี ๆ แล้วนะ
ตรงนี้ไดอาน่าน่าจะสัมผัสได้แล้วว่ามันเป็นเพราะความเศร้า
และตอนที่ชาร์ลีบอกว่าเป็นตัวถ่วงแต่ไดอาน่าก็บอกอีกว่า "ไม่หรอกชาร์ลี คุณไปแล้วใครจะร้องเพลงให้เราล่ะ"
- นางมีอารมณ์โกรธเกรี้ยวรุนแรง ก็เห็นจากฉากระเบิดพลังแล้วใช่ไหมคะ เพลงประกอบซีนนั้นก็ถูกเปลี่ยนชื่อแล้วนะ
เป็น Wonder Woman's Wrath เหมือนกับที่เทพีไดอาน่าทุ่มภูเขาใส่คนที่คิดชั่วก่อนหน้านี้ 555
คือปกติก็อารมณ์ดีแหละ แต่อย่ายั่วให้โกรธ พลังนางเยอะมากจริง ๆ
มีอีกตำนานนึงก็คือตอนที่เทพีไดอาน่าอาบน้ำอยู่แล้วมีเด็กหนุ่มคนหนึ่งเห็นแล้วเกิดอยากสะบะยะลึมลึมนาง
นางก็สาปให้เด็กหนุ่มคนนั้นกลายเป็นผู้หญิง เห็นแล้วใช่ไหมว่าอย่ายั่วนาง 5555
ว่าแล้วก็ใส่เพลงให้ฟังกันเพลิน ๆ เลยนะคะ
เราจะลงไปต่อในความเห็นนะ นี่มันจะเต็มลิมิตข้อความแล้วอะ มีอะไรก็แลกเปลี่ยนกันได้เลยน้า
ปาดได้เลยค่ะ อยากฟังความเห็นคนอื่นด้วย