ในที่สุดทริปเวียดนามใต้ก็มาถึง ทริปนี้รวบรวมสมาชิกได้ 3 คน จองตั๋วโปรข้ามปีเหมือนเดิม เคล็ดลับก็คือจองทิ้งไว้แล้วค่อยมาทำแพลนทีหลัง เพราะถ้าเราจองต่อกันเรื่อยๆ เราก็จะได้เที่ยวต่อเนื่องเรื่อยๆ เช่นกัน อากาศที่เวียดนามใต้ไม่ต่างกับบ้านเรามากนักไม่ว่าจะที่โฮจิมินห์ หรือมุยเน่ แต่ต้องยกเว้นที่ดาลัดเพราะอยู่บนที่ราบสูงมีภูเขาโอบล้อมทำให้อากาศเย็นตลอดทั้งปี จนมีคนตั้งฉายาว่าเป็นสวิซเซอร์แลนเวียดนาม หรือปารีสตะวันออกเลยทีเดียว
ทริปนี้พิเศษตรงที่จองตรงกับปีใหม่เวียดนามพอดิบพอดี พวกผมโดนขู่ว่าปีใหม่เวียดนาม (ตรุษเวียดนาม หรือเต็ดเวียดนาม) เป็นช่วงที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะคนจะหยุดทำงาน ร้านจะปิด การเดินทางจะลำบากและแพง เอาล่ะสิ.. ถามว่ากอนไปกังวลไหม แน่นอน…ว่ามาก แต่เราก็ต้องลุย ว่าแล้วก็แพ็คกระเป๋าเหินฟ้าไปสนามบินเตินเซินเญิ้ต ประเทศเวียดนามกันเลย
แพลนทริป
วันที่ 1 บินไปลงสนามบินเตินเซินเญิ้ต / รถบัสนอนไปดาลัด
วันที่ 2 พระราชวังเบ๋าได๋ / วัด Van Hanh / หุบเขาแห่งความรัก / เคเบิ้ลคาร์ / วัดตั๊กลัม / น้ำตกดาตันลา / เครซี่เฮาท์ / เที่ยวงานปีใหม่
วันที่ 3 นั่งรถไฟนำเที่ยว / วัดเจดีย์มังกร / XQ Art House / วิหารดาลัด (โบสถ์ไก่) / ลานบิ๊กซี / ตลาดกลางคืน
วันที่ 4 รถบัสไปมุยเน่ / แฟรี่สตรีม / หมู่บ้านชาวประมง / ทะเลทรายขาว / ทะเลทรายแดง / ลอบสเตอร์ ซีฟู้ด / รถบัสนอนไปโฮจิมินห์
วันที่ 5 โบสถ์นอร์ทเธอดาม / ไปรษณีย์กลาง / โอเปร่าเฮ้าส์ / พิพิธภัณฑ์สงคราม / ตลาดเบนถัน / บินกลับสนามบินดอนเมือง
สนามบินเตินเซินเญิ้ต ประเทศเวียดนาม
สมาชิกพร้อมหน้ากันที่สนามบินดอนเมืองเวลา 18.00 น. เป็นวันศุกร์ที่คนเยอะอีกวัน ทริปนี้พวกผมไม่ได้โหลดกระเป๋าก็เลยเดินตัวปลิวเข้าไปด้านในเลย ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางไปถึงสนามบินเตินเซินเญิ้ต ประเทศเวียดนาม ในเวลา 21.00 น. เนื่องจากเวลาที่เวียดนามกับไทยใช้ Timezone เดียวกัน ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลากับการปรับนาฬิกาด้วย ก่อนจะออกอาคารสนามบินจะมีบูทขายซิมการ์ด 4G อินเทอร์เน็ตไม่จำกัด ราคา 190,000 VND ก็ได้มาคนละอัน บริเวณด้านนอกอาคารสนามบินตรงหน้าเราเลยจะเห็นป้าย Shuttle Bus สาย 49 พาไปส่งในเมือง แต่รอไปเถอะ 40 นาทีผ่านไปก็ไม่มีที่ท่าว่าจะมา นี่ก็เวลา 22.30 น. แล้ว ตัดสินใจหาแท็กซี่เข้าเมืองดีกว่า ไม่งั้นเราจะพลาดรถบัสรอบเที่ยงคืน คุยกับเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าดึกแล้วต้องเหมาเข้าเมืองเท่านั้นที่ราคา 220,000 VND ก็โอเคแหละ เห็นภายในอาคารสนามบินก็ขึ้นป้ายราคานี้เหมือนกัน เอาเป็นว่าไม่ถูกหลอกแน่นอน ฮ่าๆๆ ต้องขออภัยในความระแวง เพราะได้ยินกิตติศัพท์ของคนประเทศนี้มามาก
พอรถแท็กซี่ออกไปได้สักพักคนขับก็เรียกเก็บเงินเลยครับ ตัวผมก็คิดน้อยยื่นเงินไปให้เรียบร้อย เพื่อนที่นั่งข้างหลังก็พูดว่าเราควรให้เงินตอนถึงที่หมายสิ ผมนี่หน้าซีดเลย ฮ่าๆๆ เงินก็ให้ไปแล้วด้วย… ช่างมันเป็นไงเป็นกัน นี่เราจะโดนโกงแล้วเหรอเนี่ย ไปถึงที่หมายจะโดนเรียกเงินค่าโดยสารอีกรอบไหมนะ คิดวนไปมาจนแท็กซี่พาขึ้นทางด่วนแล้วลัดเลาะตรงเข้าถนนฟามงูเหลาจนมาถึงจุดขายตั๋วของรถบัส Phuong Trang คนขับแท็กซี่ลงมาเปิดประตูแล้วช่วยยกกระเป๋าลงจากหลังรถ หน้าตายิ้มแย้มพร้อมกับอวยพรให้พวกผมเที่ยวให้สนุกและไม่ลืมขอบคุณพวกผมด้วย เฮ้ย.. ไม่โดนโกงด้วยนะ แล้วยังพูดดี บริการดีอีก ตรงนี้คือจุดเปลี่ยนความคิดของผมเลยก็ว่าได้ หรือเราจะมองคนประเทศนี้เลวร้ายเกินไป
จุดจำหน่ายตั๋วรถบัสนอน ไปดาลัด
ผมจองตั่วล่วงหน้าผ่านอินเทอร์เน็ตมาเรียบร้อยจึงไม่มีปัญหาเรื่องที่นั่งเต็มแน่ๆ แต่ราคาช่วงปีใหม่แพงขึ้นเป็น 294,000 VND จากเดิม 210,000 VND อันนี้เข้าใจได้เพราะมีประกาศไว้ชัดเจนทั้งบนหน้าเว็บและที่จุดขายตั๋ว ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่สักพักก็ได้ตั่วโดยสารมา เจ้าหน้าที่บอกให้ผมไปนั่งรอรถตู้เวียนที่ฝั่งตรงข้ามเพื่อไปยังท่ารถบัส เฮ้อ… คนนั่งคอยขึ้นรถตู้เยอะมากส่วนรถตู้รอ 30 นาที ถึงจะมาคันนึง แล้วอีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้วด้วย คือในตั๋วก็บอกว่าจะได้ขึ้นรถบัสตอนเที่ยงคืน นี่แค่รถตู้พาไปส่งท่ารถบัสยังไม่ได้ขึ้นเลย!!!!!
จนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน ทุกคนหยุดทุกอย่างแล้วไปนั่งคุกเข่าจุดธูปไหว้เจ้ากันหมด แหน่ะ.. มีเปิดเหล้ากินกันด้วย เฮ้ย…พวกผมล่ะ จะได้ไปขึ้นรถบัสมั้ย ทำเอาหลายคนที่รอรถตู้เหมือนกับผมออกอาการร้อนรนเลยทีเดียว จะเข้าไปถามก็เห็นกำลังไหว้เจ้ากินเหล้ากันอย่างมีความสุข แหม.. อยากจะ #$@#+!% คือเอาผมไปส่งก่อนได้มั้ย!!! จนคนข้างหน้าทนไม่ไหวต้องเดินไปถามถึงได้ความว่าให้รอก่อน ขอเขาฉลองปีใหม่ก่อน ฮ่าๆๆ ให้ตายสิ เอ้า.. รอก็รอ ผ่านไปสักพักก็มีคนขับรถตู้มาเรียกพวกผมขึ้นรถ นี่ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนครึ่ง แต่เอาเถอะเราอยู่กับเขาขนาดนี้คงไม่ทิ้งเราหรอก นั่งรถตู้มาถึงท่ารถบัสก็เป็นเวลาตี 1 เอาตั๋วที่ได้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดู เขาจะบอกเลขทะเบียนรถบัสและให้น้ำดื่มคนละขวด ในที่สุดผมก็ได้ขึ้นรถบัสสักที ก่อนขึ้นเขาจะแจกถุงดำไว้ให้เราใส่รองเท้าแล้วนำไปเก็บในช่องใต้หัวนอน ความทรงจำสุดท้ายของผมคือภายในรถบัสไฮโซมากแล้วต่อจากนั้นก็เข้าสู่ภวังค์ทันที
รถบัสนอน ที่พาพวกผมไปดาลัด
สภาพภายในรถบัสนอน
รถบัสจะจอดแวะให้เข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง โดยเขาจะเอารองเท้าแตะมาแจกให้เราใส่ตอนลงรถ ทำให้เราไม่ต้องแกะถุงดำเพื่อเอารองเท้าของเราออกมา ถือว่าจัดการได้ดี แล้วผมก็หลับต่อจนมาถูกปลุกอีกครั้งที่ท่ารถเมืองดาลัด ตอนนี้เป็นเวลา 5.30 น. อุณหภูมิ 11 องศา หนาวจนต้องหยิบเอาเสื้อแจ็คเก็ตมาใส่ ตรงท่ารถจะมีคนถามว่าเราพักที่ไหนแล้วส่งต่อเราให้รถตู้เวียนพาไปยังที่พักต่อ
เราก็ตรงดิ่งไปยังที่พัก Dalat View Homestay ที่นี่คุยภาษาอังกฤษได้น้อยมาก ต้องใช้กำลังภายในสูงมากๆ จนในที่สุดผมก็ได้ห้อง Duplex สำหรับ 3 คน ราคา 25 USD ต่อคืน ถือว่ารับได้กับราคาล่ะ จากนั้นขอล้างหน้าล้างตาแล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ก่อน หลัง 14.00 น. ค่อยมาเช็คอิน เมื่อได้ที่พักเรียบร้อยเราก็พร้อมไปเที่ยวกันแล้วคร้าบ
วิวเมืองดาลัดระหว่างเดินลงจากเขา
เพื่อนๆ สามารถเที่ยวดาลัดแบบประหยัดได้โดยการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขับ แต่พวกผมมากัน 3 คน และอีก 2 คนขับรถไม่ได้ ทำให้ตัวเลือกนี้ถูกตัดไป แต่อย่าเพิ่งเสียใจไปนะครับ เพราะที่ดาลัดมีทัวร์สำหรับ 1 วัน พิกัดเดย์ทัวร์อยู่ที่โรงแรมทิวลิปราคา 170,000 VND ต่อคน ทัวร์จะเริ่มตอน 8.00 น. อย่าลืมทานอาหารเช้าให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ผมมีเรื่องประทับใจอีกแล้ว ไกด์บอกว่าวันนี้คือวันปีใหม่และพวกเขาถือว่าเราเป็นลูกค้าทัวร์กลุ่มแรก จึงเตรียมอั่งเปาไว้ให้ทุกคน อยู่ๆ ก็มีการอวยพร มีการแจกเงินอั่งเปา (เงินในซอง 10,000 VND เผื่อใครอยากรู้) ทุกคนยิ้มแก้มปริ ดีใจกันลั่นรถ มีความสุขจริงๆ
อั่งเปาของผม
เอาล่ะ.. เรามาดูโปรแกรมทัวร์ดาลัด 1 วันของเราดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง
- พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิ์เบ๋าได๋ (Bao Dai’s Summer Palace)
- วัด Van Hanh
- หุบเขาแห่งความรัก (Valley of Love)
- ดอกไม้คงสภาพความสด (Preserved Flower)
- เคเบิ้ลคาร์ (*ต้องจ่ายเพิ่ม 50,000 VND)
- วัดตั๊กลัม (Truc Lam Zen)
- โรลเลอร์โคสเตอร์ (*ต้องจ่ายเพิ่ม 60,000 VND)
- น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall)
โดยเคเบิ้ลคาร์กับกับโรลเลอร์โคสเตอร์ สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งหรือไม่นั่งก็ได้ แต่แนะนำให้นั่งเถอะครับ เพราะนั่งเคเบิ้ลคาร์เราจะได้ชิลชมเมือง ส่วนโรลเลอร์โคสเตอร์เราก็จะได้ความมันส์… คอนเฟิร์มว่าสนุกมาก ไม่อันตรายด้วยครับ
พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิ์เบ๋าได๋
พระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ เป็น 1 ใน 3 พระราชวังของจักรพรรดิ์เบ๋าได๋ ซึ่งเป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เหงียน เนื่องด้วยต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส ที่นี่จึงถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นที่ทำงานของพรรคคอมมิวนิสต์ และพอสิ้นสงครามก็เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน
พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิ์เบ๋าได๋
พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิ์เบ๋าได๋
พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิ์เบ๋าได๋
วัด Van Hanh
วัด Van Hanh เป็นวัดพุทธแบบเซน เราจะได้สักการะพระพุทธรูปปางสมาธิสีทองมือขวาถือดอกบัว ความสูงจากฐาน 28 เมตร ส่วนภายในศาลาก็มีองค์พระนอน และพระโพธิสัตว์ภาคต่างๆ ให้เราได้กราบไหว้เสริมสิริมงคล
พระพุทธรูปปางสมาธิสีทอง วัด Van Hanh
พระนอน วัด Van Hanh
วัด Van Hanh
หุบเขาแห่งความรัก
ที่นี่เหมาะกับการมาเดินเล่นถ่ายรูป หรือจะหามุมสงบพักผ่อนก็ย่อมได้ เราจะเห็นทะเลสาบอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยหุบเขา หุบเขาแห่งความรักมีตำนานกล่าวไว้ว่ามีคู่รักเป็นทหารหนุ่มกับหญิงสาวได้สัญญากันไว้ว่าจะมาเจอกันหลังจากเสร็จสิ้นสงคราม แต่เมื่อถึงเวลาทหารหนุ่มกลับไม่ได้มาตามสัญญา หญิงสาวคิดว่าทหารหนุ่มตายในสงครามแล้วก็โศกเศร้าจนกระโดดหุบเขาฆ่าตัวตาย สุดท้ายทหารหนุ่มกลับมาและทราบว่าหญิงสาวกระโดดเขาตาย จึงฆ่าตัวตายตาม
หุบเขาแห่งความรัก (Valley of Love)
หุบเขาแห่งความรัก (Valley of Love)
หุบเขาแห่งความรัก (Valley of Love)
หุบเขาแห่งความรัก (Valley of Love)
ดอกไม้คงสภาพความสด (Preserved Flower)
ยอมรับเลยว่าการคงสภาพความสดของดอกไม้ทำได้ดีมาก ให้เอาดอกไม้จริงมาเทียบก็ดูไม่ออก การประดับตกแต่งทั้งแสงสีรวมถึงการจัดวางก็ดูดี ผมนี่ถ่ายรูปเพลินเลยทีเดียว ใครอยากได้ก็สามารถซื้อกลับได้ด้วย
ดอกไม้คงสภาพความสด (Preserved Flower)
ดอกไม้คงสภาพความสด (Preserved Flower)
โฮจิมินห์ ดาลัด มุยเน่ วันเต็ดเวียดนามถึงของจะแพงแต่ฉันก็จะเที่ยวในงบ 7,000
ในที่สุดทริปเวียดนามใต้ก็มาถึง ทริปนี้รวบรวมสมาชิกได้ 3 คน จองตั๋วโปรข้ามปีเหมือนเดิม เคล็ดลับก็คือจองทิ้งไว้แล้วค่อยมาทำแพลนทีหลัง เพราะถ้าเราจองต่อกันเรื่อยๆ เราก็จะได้เที่ยวต่อเนื่องเรื่อยๆ เช่นกัน อากาศที่เวียดนามใต้ไม่ต่างกับบ้านเรามากนักไม่ว่าจะที่โฮจิมินห์ หรือมุยเน่ แต่ต้องยกเว้นที่ดาลัดเพราะอยู่บนที่ราบสูงมีภูเขาโอบล้อมทำให้อากาศเย็นตลอดทั้งปี จนมีคนตั้งฉายาว่าเป็นสวิซเซอร์แลนเวียดนาม หรือปารีสตะวันออกเลยทีเดียว
ทริปนี้พิเศษตรงที่จองตรงกับปีใหม่เวียดนามพอดิบพอดี พวกผมโดนขู่ว่าปีใหม่เวียดนาม (ตรุษเวียดนาม หรือเต็ดเวียดนาม) เป็นช่วงที่ควรหลีกเลี่ยง เพราะคนจะหยุดทำงาน ร้านจะปิด การเดินทางจะลำบากและแพง เอาล่ะสิ.. ถามว่ากอนไปกังวลไหม แน่นอน…ว่ามาก แต่เราก็ต้องลุย ว่าแล้วก็แพ็คกระเป๋าเหินฟ้าไปสนามบินเตินเซินเญิ้ต ประเทศเวียดนามกันเลย
แพลนทริป
วันที่ 1 บินไปลงสนามบินเตินเซินเญิ้ต / รถบัสนอนไปดาลัด
วันที่ 2 พระราชวังเบ๋าได๋ / วัด Van Hanh / หุบเขาแห่งความรัก / เคเบิ้ลคาร์ / วัดตั๊กลัม / น้ำตกดาตันลา / เครซี่เฮาท์ / เที่ยวงานปีใหม่
วันที่ 3 นั่งรถไฟนำเที่ยว / วัดเจดีย์มังกร / XQ Art House / วิหารดาลัด (โบสถ์ไก่) / ลานบิ๊กซี / ตลาดกลางคืน
วันที่ 4 รถบัสไปมุยเน่ / แฟรี่สตรีม / หมู่บ้านชาวประมง / ทะเลทรายขาว / ทะเลทรายแดง / ลอบสเตอร์ ซีฟู้ด / รถบัสนอนไปโฮจิมินห์
วันที่ 5 โบสถ์นอร์ทเธอดาม / ไปรษณีย์กลาง / โอเปร่าเฮ้าส์ / พิพิธภัณฑ์สงคราม / ตลาดเบนถัน / บินกลับสนามบินดอนเมือง
ดูอัลบั้มรูปเพิ่มเติม
http://www.packgrapao.com/โฮจิมินห์-ดาลัด-มุยเน่-วันปีใหม่เวียดนามก็เที่ยวได้/#gallery-1
ถูกใจและติดตามแพ็คกระเป๋าได้ที่นี่
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
*********************************************************************************************************************
สมาชิกพร้อมหน้ากันที่สนามบินดอนเมืองเวลา 18.00 น. เป็นวันศุกร์ที่คนเยอะอีกวัน ทริปนี้พวกผมไม่ได้โหลดกระเป๋าก็เลยเดินตัวปลิวเข้าไปด้านในเลย ใช้เวลาไม่นานก็เดินทางไปถึงสนามบินเตินเซินเญิ้ต ประเทศเวียดนาม ในเวลา 21.00 น. เนื่องจากเวลาที่เวียดนามกับไทยใช้ Timezone เดียวกัน ทำให้เราไม่ต้องเสียเวลากับการปรับนาฬิกาด้วย ก่อนจะออกอาคารสนามบินจะมีบูทขายซิมการ์ด 4G อินเทอร์เน็ตไม่จำกัด ราคา 190,000 VND ก็ได้มาคนละอัน บริเวณด้านนอกอาคารสนามบินตรงหน้าเราเลยจะเห็นป้าย Shuttle Bus สาย 49 พาไปส่งในเมือง แต่รอไปเถอะ 40 นาทีผ่านไปก็ไม่มีที่ท่าว่าจะมา นี่ก็เวลา 22.30 น. แล้ว ตัดสินใจหาแท็กซี่เข้าเมืองดีกว่า ไม่งั้นเราจะพลาดรถบัสรอบเที่ยงคืน คุยกับเจ้าหน้าที่ก็บอกว่าดึกแล้วต้องเหมาเข้าเมืองเท่านั้นที่ราคา 220,000 VND ก็โอเคแหละ เห็นภายในอาคารสนามบินก็ขึ้นป้ายราคานี้เหมือนกัน เอาเป็นว่าไม่ถูกหลอกแน่นอน ฮ่าๆๆ ต้องขออภัยในความระแวง เพราะได้ยินกิตติศัพท์ของคนประเทศนี้มามาก
พอรถแท็กซี่ออกไปได้สักพักคนขับก็เรียกเก็บเงินเลยครับ ตัวผมก็คิดน้อยยื่นเงินไปให้เรียบร้อย เพื่อนที่นั่งข้างหลังก็พูดว่าเราควรให้เงินตอนถึงที่หมายสิ ผมนี่หน้าซีดเลย ฮ่าๆๆ เงินก็ให้ไปแล้วด้วย… ช่างมันเป็นไงเป็นกัน นี่เราจะโดนโกงแล้วเหรอเนี่ย ไปถึงที่หมายจะโดนเรียกเงินค่าโดยสารอีกรอบไหมนะ คิดวนไปมาจนแท็กซี่พาขึ้นทางด่วนแล้วลัดเลาะตรงเข้าถนนฟามงูเหลาจนมาถึงจุดขายตั๋วของรถบัส Phuong Trang คนขับแท็กซี่ลงมาเปิดประตูแล้วช่วยยกกระเป๋าลงจากหลังรถ หน้าตายิ้มแย้มพร้อมกับอวยพรให้พวกผมเที่ยวให้สนุกและไม่ลืมขอบคุณพวกผมด้วย เฮ้ย.. ไม่โดนโกงด้วยนะ แล้วยังพูดดี บริการดีอีก ตรงนี้คือจุดเปลี่ยนความคิดของผมเลยก็ว่าได้ หรือเราจะมองคนประเทศนี้เลวร้ายเกินไป
ผมจองตั่วล่วงหน้าผ่านอินเทอร์เน็ตมาเรียบร้อยจึงไม่มีปัญหาเรื่องที่นั่งเต็มแน่ๆ แต่ราคาช่วงปีใหม่แพงขึ้นเป็น 294,000 VND จากเดิม 210,000 VND อันนี้เข้าใจได้เพราะมีประกาศไว้ชัดเจนทั้งบนหน้าเว็บและที่จุดขายตั๋ว ยื่นเอกสารให้เจ้าหน้าที่สักพักก็ได้ตั่วโดยสารมา เจ้าหน้าที่บอกให้ผมไปนั่งรอรถตู้เวียนที่ฝั่งตรงข้ามเพื่อไปยังท่ารถบัส เฮ้อ… คนนั่งคอยขึ้นรถตู้เยอะมากส่วนรถตู้รอ 30 นาที ถึงจะมาคันนึง แล้วอีกไม่กี่นาทีก็จะเที่ยงคืนแล้วด้วย คือในตั๋วก็บอกว่าจะได้ขึ้นรถบัสตอนเที่ยงคืน นี่แค่รถตู้พาไปส่งท่ารถบัสยังไม่ได้ขึ้นเลย!!!!!
จนเวลาล่วงเลยมาถึงเที่ยงคืน ทุกคนหยุดทุกอย่างแล้วไปนั่งคุกเข่าจุดธูปไหว้เจ้ากันหมด แหน่ะ.. มีเปิดเหล้ากินกันด้วย เฮ้ย…พวกผมล่ะ จะได้ไปขึ้นรถบัสมั้ย ทำเอาหลายคนที่รอรถตู้เหมือนกับผมออกอาการร้อนรนเลยทีเดียว จะเข้าไปถามก็เห็นกำลังไหว้เจ้ากินเหล้ากันอย่างมีความสุข แหม.. อยากจะ #$@#+!% คือเอาผมไปส่งก่อนได้มั้ย!!! จนคนข้างหน้าทนไม่ไหวต้องเดินไปถามถึงได้ความว่าให้รอก่อน ขอเขาฉลองปีใหม่ก่อน ฮ่าๆๆ ให้ตายสิ เอ้า.. รอก็รอ ผ่านไปสักพักก็มีคนขับรถตู้มาเรียกพวกผมขึ้นรถ นี่ก็ปาเข้าไปเกือบเที่ยงคืนครึ่ง แต่เอาเถอะเราอยู่กับเขาขนาดนี้คงไม่ทิ้งเราหรอก นั่งรถตู้มาถึงท่ารถบัสก็เป็นเวลาตี 1 เอาตั๋วที่ได้ยื่นให้เจ้าหน้าที่ดู เขาจะบอกเลขทะเบียนรถบัสและให้น้ำดื่มคนละขวด ในที่สุดผมก็ได้ขึ้นรถบัสสักที ก่อนขึ้นเขาจะแจกถุงดำไว้ให้เราใส่รองเท้าแล้วนำไปเก็บในช่องใต้หัวนอน ความทรงจำสุดท้ายของผมคือภายในรถบัสไฮโซมากแล้วต่อจากนั้นก็เข้าสู่ภวังค์ทันที
รถบัสจะจอดแวะให้เข้าห้องน้ำ 1 ครั้ง โดยเขาจะเอารองเท้าแตะมาแจกให้เราใส่ตอนลงรถ ทำให้เราไม่ต้องแกะถุงดำเพื่อเอารองเท้าของเราออกมา ถือว่าจัดการได้ดี แล้วผมก็หลับต่อจนมาถูกปลุกอีกครั้งที่ท่ารถเมืองดาลัด ตอนนี้เป็นเวลา 5.30 น. อุณหภูมิ 11 องศา หนาวจนต้องหยิบเอาเสื้อแจ็คเก็ตมาใส่ ตรงท่ารถจะมีคนถามว่าเราพักที่ไหนแล้วส่งต่อเราให้รถตู้เวียนพาไปยังที่พักต่อ
เราก็ตรงดิ่งไปยังที่พัก Dalat View Homestay ที่นี่คุยภาษาอังกฤษได้น้อยมาก ต้องใช้กำลังภายในสูงมากๆ จนในที่สุดผมก็ได้ห้อง Duplex สำหรับ 3 คน ราคา 25 USD ต่อคืน ถือว่ารับได้กับราคาล่ะ จากนั้นขอล้างหน้าล้างตาแล้วก็ฝากกระเป๋าไว้ก่อน หลัง 14.00 น. ค่อยมาเช็คอิน เมื่อได้ที่พักเรียบร้อยเราก็พร้อมไปเที่ยวกันแล้วคร้าบ
เพื่อนๆ สามารถเที่ยวดาลัดแบบประหยัดได้โดยการเช่ารถมอเตอร์ไซค์ขับ แต่พวกผมมากัน 3 คน และอีก 2 คนขับรถไม่ได้ ทำให้ตัวเลือกนี้ถูกตัดไป แต่อย่าเพิ่งเสียใจไปนะครับ เพราะที่ดาลัดมีทัวร์สำหรับ 1 วัน พิกัดเดย์ทัวร์อยู่ที่โรงแรมทิวลิปราคา 170,000 VND ต่อคน ทัวร์จะเริ่มตอน 8.00 น. อย่าลืมทานอาหารเช้าให้เรียบร้อยด้วยนะครับ ผมมีเรื่องประทับใจอีกแล้ว ไกด์บอกว่าวันนี้คือวันปีใหม่และพวกเขาถือว่าเราเป็นลูกค้าทัวร์กลุ่มแรก จึงเตรียมอั่งเปาไว้ให้ทุกคน อยู่ๆ ก็มีการอวยพร มีการแจกเงินอั่งเปา (เงินในซอง 10,000 VND เผื่อใครอยากรู้) ทุกคนยิ้มแก้มปริ ดีใจกันลั่นรถ มีความสุขจริงๆ
เอาล่ะ.. เรามาดูโปรแกรมทัวร์ดาลัด 1 วันของเราดีกว่า ว่ามีอะไรบ้าง
- พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิ์เบ๋าได๋ (Bao Dai’s Summer Palace)
- วัด Van Hanh
- หุบเขาแห่งความรัก (Valley of Love)
- ดอกไม้คงสภาพความสด (Preserved Flower)
- เคเบิ้ลคาร์ (*ต้องจ่ายเพิ่ม 50,000 VND)
- วัดตั๊กลัม (Truc Lam Zen)
- โรลเลอร์โคสเตอร์ (*ต้องจ่ายเพิ่ม 60,000 VND)
- น้ำตกดาตันลา (Datanla Waterfall)
โดยเคเบิ้ลคาร์กับกับโรลเลอร์โคสเตอร์ สามารถเลือกได้ว่าจะนั่งหรือไม่นั่งก็ได้ แต่แนะนำให้นั่งเถอะครับ เพราะนั่งเคเบิ้ลคาร์เราจะได้ชิลชมเมือง ส่วนโรลเลอร์โคสเตอร์เราก็จะได้ความมันส์… คอนเฟิร์มว่าสนุกมาก ไม่อันตรายด้วยครับ
พระราชวังฤดูร้อนจักรพรรดิ์เบ๋าได๋
พระราชวังฤดูร้อนแห่งนี้ เป็น 1 ใน 3 พระราชวังของจักรพรรดิ์เบ๋าได๋ ซึ่งเป็นจักรพรรดิ์องค์สุดท้ายแห่งราชวงศ์เหงียน เนื่องด้วยต้องลี้ภัยการเมืองไปอยู่ประเทศฝรั่งเศส ที่นี่จึงถูกเปลี่ยนให้กลายเป็นที่ทำงานของพรรคคอมมิวนิสต์ และพอสิ้นสงครามก็เปลี่ยนมาเป็นพิพิธภัณฑ์ในปัจจุบัน
วัด Van Hanh
วัด Van Hanh เป็นวัดพุทธแบบเซน เราจะได้สักการะพระพุทธรูปปางสมาธิสีทองมือขวาถือดอกบัว ความสูงจากฐาน 28 เมตร ส่วนภายในศาลาก็มีองค์พระนอน และพระโพธิสัตว์ภาคต่างๆ ให้เราได้กราบไหว้เสริมสิริมงคล
หุบเขาแห่งความรัก
ที่นี่เหมาะกับการมาเดินเล่นถ่ายรูป หรือจะหามุมสงบพักผ่อนก็ย่อมได้ เราจะเห็นทะเลสาบอยู่ตรงกลางล้อมรอบไปด้วยหุบเขา หุบเขาแห่งความรักมีตำนานกล่าวไว้ว่ามีคู่รักเป็นทหารหนุ่มกับหญิงสาวได้สัญญากันไว้ว่าจะมาเจอกันหลังจากเสร็จสิ้นสงคราม แต่เมื่อถึงเวลาทหารหนุ่มกลับไม่ได้มาตามสัญญา หญิงสาวคิดว่าทหารหนุ่มตายในสงครามแล้วก็โศกเศร้าจนกระโดดหุบเขาฆ่าตัวตาย สุดท้ายทหารหนุ่มกลับมาและทราบว่าหญิงสาวกระโดดเขาตาย จึงฆ่าตัวตายตาม
ดอกไม้คงสภาพความสด (Preserved Flower)
ยอมรับเลยว่าการคงสภาพความสดของดอกไม้ทำได้ดีมาก ให้เอาดอกไม้จริงมาเทียบก็ดูไม่ออก การประดับตกแต่งทั้งแสงสีรวมถึงการจัดวางก็ดูดี ผมนี่ถ่ายรูปเพลินเลยทีเดียว ใครอยากได้ก็สามารถซื้อกลับได้ด้วย