สวัสดีชาวพันทิป ขอออกตัวก่อนเลยว่านี่เป็นรีวิวแรกของเรา และนี่ไม่ใช่เรา หื้อ! งงเด้?! คืองี้ อินี่เป็นเพื่อนของเจ้าของแอคเคาท์ อยากจะลองเขียนเรื่องหลวยๆ งามๆ ดู เลยไปยืมเขามา เดี๋ยวจะงงว่าเล่าเรื่องหลอนอยู่ดีๆ ไมกระชากอารมณ์มาเล่าอะไรส๊าวสาว
เรื่องมีอยู่ว่าอินี่เห็นโฆษณาคลีนซิ่งวอเตอร์ที่ใช้เช็ดเมคอัพ ชอบเคลมกันเว่อร์วังว่า แตะปุ๊บ หลุดปั๊บ บ้างก็ว่าดูดเครื่องสำอางได้โดยไม่ต้องถู บ้างก็ว่าเช็ดออกในครั้งเดียว อารมณ์แบบเห็นแล้วต่อมความอยากรู้ของอินี่มันกระดิก อยากทดสอบว่าจริงเหร๊อ? เพื่อนเราแต่ละคนก็มีความเห็นที่หลากหลายมาก บางคนบอกยี่ห้อนี้เช็ดดี เช็ดง่าย บางคนบอกยี่ห้อนู้นเช็ดออกยาก ความสงสัยของนี่ก็เด้งปึ้งขึ้นมาในใจเลยว่า เดี๋ยวก่อนดิ จะเช็ดออกง่ายหรือยาก อาจจะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่างกันอยู่รึเปล่า? อย่างน้อยการออกแรงและเทคนิคการเช็ดเครื่องสำอางของแต่ละคนก็น่าจะมีส่วนทำให้ผลลัพธ์ออกมาต่างกันปะ นี่เลยเกิดไอเดียทดลองในแนวชิคๆ ขึ้นมา (คิดเองว่าชิค 55555) คือ การทดสอบว่าคลีนซิ่งวอเตอร์ยี่ห้อไหนบ้างที่สามารถแปะลงบนเมคอัพ แล้วทำให้เมคอัพหลุดออกอย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าเป็นการทดสอบพลังการสลายเมคอัพของแต่ละตัวเลยว่าดีแค่ไหน โดยการทดสอบนี้เราจะนั่งสวยๆ ไม่ออกแรงเช็ดเลยซักนิด ไม่รอช้า นี่ก็ไปรวบรวมคลีนซิ่งที่หลายคนบอกว่าใช้แล้วดีมาทดลองในรีวิวนี้เลย
คลีนซิ่งทั้งหมดที่รวบรวมมาได้มี 9 ตัวที่ยี่ห้อไม่ซ้ำกัน ขอพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนผสมที่แต่ละยี่ห้อเคลมไปด้วยเลย เผื่อมีใครอยากรู้
1.
Biore Perfect Cleansing Water Soften Up สูตรนี้สำหรับผิวธรรมดาและผิวแห้ง เป็นสูตรน้ำแร่ธรรมชาติจากญี่ปุ่น ลดปัญหาสิวได้ด้วย ไม่มีแอลกอฮอล์ สี และน้ำหอม แถมเคลมว่าไม่ต้องล้างน้ำซ้ำด้วย แต่ด้วยความเคยชิน เพื่อนหลายคนที่ใช้บอกว่าก็ยังล้างหน้าซ้ำอยู่ดี
2.
Garnier Micellar Cleansing Water แอบเห็นว่าตัวนี้คนพูดถึงบนโซเชี่ยลเยอะมาก ตัวนี้เป็นสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่มีน้ำหอม และเคลมว่าไม่ต้องล้างน้ำซ้ำด้วยเช่นกัน
3.
Dove Wipe-off Cleansing Micellar Water ตัวนี้เพิ่งออกมาใหม่เอง ไม่มีน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์ แถมมี NutriumMoisture ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นด้วย
4.
Bifesta Cleansing Lotion Acne Care เพื่อนหลายคนใช้ตัวนี้นะ สูตรนี้สำหรับผิวที่มีปัญหาสิว อ่านฉลากแล้วเออมันอ่อนโยนดีแฮะ ทั้ง Oil-free ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี และพาราเบน แถมยังเพิ่ม Hyaluronate ให้ผิวชุ่มชื้นด้วย
5.
Smooth E Extra Sensitive Makeup Cleansing Water พูดถึงยี่ห้อนี้ หน้าพี่อ้อยก็ลอยมา สูตรนี้สำหรับผิวบอบบาง พลิกฉลากดู ไม่มีพาราเบน และแอลกอฮอล์ แถมยังมีสารบำรุงเพียบ แต่ว่ามีน้ำหอมนะ ใครแพ้ก็ระวังด้วยนะฮ้า
6.
La Roche-Posay Micellar Water Ultra Sensitive Skin เป็นเวชสำอาง สูตรนี้สำหรับผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย แถมยังมีน้ำแร่ธรรมชาติปลอบประโลมผิว ไม่มีวัตถุกันเสีย เสียดายนิดหน่อยที่มีน้ำหอม อินี่ก็มึนไปเลยว่ามันเหมาะกับผิวแพ้ง่ายจังได๋
7.
MizuMi Smooth Cleansing Water ตัวนี้ก็ใหม่อยู่ เน้นความนุ่มลื่นประมาณว่าสำลีจะไม่บาดผิวเวลาเช็ด แถมยังอ่อนโยนไม่แพ้ชาวบ้าน ไม่มีน้ำมัน น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และสีสังเคราะห์ แถมมีสารสกัดจาก Broccoli, Chicory, Celery ทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วย
8.
Nu Formula Mineral Cleansing Water Extra Fresh and Clean ตัวนี้เขียนไว้แทงตาที่หน้าขวดเลยว่าไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน แถมเป็น Soap-free และ Oil-free มั่นใจได้ว่าอ่อนโยนอีกเช่นกัน
9.
Collection Makeup Remover Cleansing Water ตัวนี้เห็นมานานละ แน่นอนว่าอ่อนโยน เพราะเขียนไว้หน้าขวดว่า pH Balance ไม่มีพาราเบน น้ำหอม แอลกอฮอล์ และ Petroleum oil
ความเห็นส่วนตัวนะ รู้สึกว่าคลีนซิ่งวอเตอร์ทุกตัวค่อนข้างมีส่วนผสมที่อ่อนโยนเหมือนๆ กัน ทำความสะอาดได้พอๆ กัน ไม่ต่างอะไรมาก ขึ้นอยู่กับว่าใช้แล้วชอบอันไหนมากกว่า แต่ว่าคราวนี้แหละเราจะมาดูพลังสลายเมคอัพของแต่ละตัวแบบเรียลๆ ไม่มีการเอนเอียงเข้าข้างใครทั้งสิ้น จะได้รู้ไปเลยว่าตัวไหนคู่ควรที่จะควักกระเป๋าตังค์อันจิ๊บจ้อยของเรา 5555
อันนี้รูปคลีนซิ่งวอเตอร์ทั้งหมดที่เอามารีวิวนะก๊ะ
ส่วนนี่ก็คืออุปกรณ์ที่จะเอามาช่วยในการทดลองรอบนี้
สำลี, แผ่นหนังแท้, ที่ทับกระดาษหนักๆ, แผ่นกระดาษแข็งเจาะรูเป็นกรอบ, เข็มฉีดยา, บีกเกอร์
เราเลือกทดสอบคลีนซิ่งกับครีมรองพื้น ที่เป็นรุ่นติดทนนาน 24 ชั่วโมงในตำนาน Revlon Colorstay (ดูภาพประกอบด้านล่างได้)
เข้าสู่ขั้นตอนการทดลองเลยละกัน
1. กดครีมรองพื้นลงบนแผ่นหนัง 1 เม็ดถั่วเขียว แล้วปาด 3 ที (ทำเหมือนกันทุกยี่ห้อ)
2. เทคลีนชิ่งวอเตอร์ใส่ในบีกเกอร์เตรียมไว้ เพื่อความสะดวกในการทดลอง ใช้เข็มฉีดยาดูดคลีนซิ่งวอเตอร์ขึ้นมา 2 ซีซี (ใช้ปริมาณคลีนซิ่งวอเตอร์เท่ากันทุกยี่ห้อ) แล้วหยดลงบนสำลี
3. แปะสำลีลงบนครีมรองพื้นที่อยู่บนแผ่นหนัง แล้วใช้ที่ทับกระดาษหนักๆ วางทับ จับเวลา 15 วินาที แล้วยกที่ทับกระดาษออก (อันนี้ใช้ที่ทับกระดาษวางทับแทนการเช็ด เพราะบางทีน้ำหนักที่เราเช็ดแต่ละครั้งอาจจะไม่เท่ากัน รอบไหนเช็ดแรงก็รู้สึกว่าสะอาดจังนิ รอบไหนเช็ดเบาก็รู้สึกแบบไมมันเช็ดไม่ออกอะ อะไรประมาณนั้น แบบนี้แหละวัดกันใจๆ ไปเลย ว่าถ้าลงน้ำหนักเท่ากัน คลีนซิ่งตัวไหนดูดซับครีมรองพื้นออกมาได้เยอะ)
และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย พอหยิบที่ทับกระดาษโตโตโร่พุงพลุ้ยออก จะเห็นผลลัพธ์แบบนี้ ผ่าง!!
สรุปประสิทธิภาพความแปะปุ๊บ เมคอัพหลุดปั๊บของคลีนซิ่งวอเตอร์แต่ละยี่ห้อได้ ตามนี้
กลุ่มที่ 1 ดูดซับครีมรองพื้นได้ดี (ปรบมือให้รัวๆ) ได้แก่ Bifesta, Smooth E และ MizuMi
กลุ่มที่ 2 ดูดซับครีมรองพื้นได้กลางๆ ได้แก่ Biore, Dove และ Nu Formula
กลุ่มที่ 3 ดูดซับครีมรองพื้นได้ไม่ค่อยเยอะ ได้แก่ Garnier, La Roche-Posay และ Collection
หลังจากเห็นผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ อินี่ก็สรุปได้คร่าวๆ ว่าคลีนซิ่งวอเตอร์แต่ละยี่ห้อสามารถแปะปุ๊บ แล้วเมคอัพหลุดปั๊บได้จริงๆ คือทุกตัวดูดเมคอัพได้ แต่ด้วยสารสลายเมคอัพที่แตกต่างกันไป จึงไม่ได้ออกทั้งหมดในคราวเดียว และไม่ได้ออกเท่ากันด้วย อย่างตัว Smooth E ที่เห็นตามห้างร้านมานานก็ดูดเมคอัพออกมาได้เยอะพอสมควร ส่วน Bifesta ก็เป็นไปตามความคาดหมาย ดูดแล้วเมคอัพติดออกมาเยอะสะใจอยู่ แต่อันที่เป็นม้ามืด คือ MizuMi เพราะรู้สึกว่านางเป็นน้องใหม่เลยไม่ได้คาดหวัง แถมความนุ่มลื่นที่เป็นจุดเด่นตามที่นางเคลม ทำให้นางดูจะเสียเปรียบเรื่องความฝืดกว่าคนอื่นๆ ประมาณว่าคลีนซิ่งยี่ห้อไหนที่ฝืด เวลาเช็ดมันจะรู้สึกว่าเมคอัพติดสำลีออกมาเยอะกว่า แต่พอทดสอบคราวนี้ เลยรู้ว่านางมีของอยู่นะเนี่ย
ส่วนตัวแล้ว อินี่ใช้ Garnier บ่อยสุด เพราะราคาถูกสุด ผ่างงง! แต่ขอหักคะแนนเรื่องฟอง พอเช็ดไปเช็ดมาฟองฟอดบนหน้าไปหน่อย เลยรู้สึกหนึบๆ อยู่ รองมาก็ใช้ MizuMi เพราะดูปริมาณแล้ว ราคาไม่แรงอีกเหมือนกัน แถมรู้สึกว่าเช็ดแล้วสำลีไม่ค่อยบาดหน้าเท่าไร ไม่ได้มโนนะ 5555 พอเทลงสำลีเยอะๆ แล้วเช็ด คือผิวไม่ครืดๆ ไม่โดนรั้งโดนทึ้งจริงๆ อีกตัวที่ใช้บ่อยคือ Bifesta แต่หลังๆ เหมือนไม่ค่อยแจกโปร เลยรู้สึกว่าเริ่มแพงกว่าตัวอื่นเมื่อเทียบกับปริมาณ เลยใช้น้อยลงตามระเบียบ หุๆ เอาล่ะ อินี่ก็ฝอยมาเยอะละ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน ทีนี้เวลาคนพูดว่าอันนี้เช็ดดีเช็ดง่าย เราแนะนำว่าให้ลองด้วยตัวเองก่อนจะดีที่สุด เพราะอย่างวิธีการเช็ดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ออกแรงมาก เมคอัพก็ถูกเช็ดออกมากเป็นธรรมดา ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง สุดท้ายเราบอกได้แค่ว่า คลีนซิ่งตัวไหนที่ถูกกับเรา ถูกกับงบในกระเป๋า ก็เลือกตัวนั้นแหละ สบายใจสบายกระเป๋าด้วย ขอจบการทดสอบไว้เพียงเท่านี้ ใครคิดเห็นยังไงแชร์กันเข้ามาได้นะ ไงก็ฝากรีวิวของอินี่ไว้ด้วยนะ บรัย
[CR] เอ้าท์แล้วล่ะ! กับการเช็ดเมคอัพให้ดู จะโชว์พลังที่แท้จริงของคลีนซิ่งต้องแบบเน้!
เรื่องมีอยู่ว่าอินี่เห็นโฆษณาคลีนซิ่งวอเตอร์ที่ใช้เช็ดเมคอัพ ชอบเคลมกันเว่อร์วังว่า แตะปุ๊บ หลุดปั๊บ บ้างก็ว่าดูดเครื่องสำอางได้โดยไม่ต้องถู บ้างก็ว่าเช็ดออกในครั้งเดียว อารมณ์แบบเห็นแล้วต่อมความอยากรู้ของอินี่มันกระดิก อยากทดสอบว่าจริงเหร๊อ? เพื่อนเราแต่ละคนก็มีความเห็นที่หลากหลายมาก บางคนบอกยี่ห้อนี้เช็ดดี เช็ดง่าย บางคนบอกยี่ห้อนู้นเช็ดออกยาก ความสงสัยของนี่ก็เด้งปึ้งขึ้นมาในใจเลยว่า เดี๋ยวก่อนดิ จะเช็ดออกง่ายหรือยาก อาจจะมีหลายปัจจัยที่ทำให้ต่างกันอยู่รึเปล่า? อย่างน้อยการออกแรงและเทคนิคการเช็ดเครื่องสำอางของแต่ละคนก็น่าจะมีส่วนทำให้ผลลัพธ์ออกมาต่างกันปะ นี่เลยเกิดไอเดียทดลองในแนวชิคๆ ขึ้นมา (คิดเองว่าชิค 55555) คือ การทดสอบว่าคลีนซิ่งวอเตอร์ยี่ห้อไหนบ้างที่สามารถแปะลงบนเมคอัพ แล้วทำให้เมคอัพหลุดออกอย่างง่ายดาย เรียกได้ว่าเป็นการทดสอบพลังการสลายเมคอัพของแต่ละตัวเลยว่าดีแค่ไหน โดยการทดสอบนี้เราจะนั่งสวยๆ ไม่ออกแรงเช็ดเลยซักนิด ไม่รอช้า นี่ก็ไปรวบรวมคลีนซิ่งที่หลายคนบอกว่าใช้แล้วดีมาทดลองในรีวิวนี้เลย
คลีนซิ่งทั้งหมดที่รวบรวมมาได้มี 9 ตัวที่ยี่ห้อไม่ซ้ำกัน ขอพูดถึงรายละเอียดเกี่ยวกับส่วนผสมที่แต่ละยี่ห้อเคลมไปด้วยเลย เผื่อมีใครอยากรู้
1. Biore Perfect Cleansing Water Soften Up สูตรนี้สำหรับผิวธรรมดาและผิวแห้ง เป็นสูตรน้ำแร่ธรรมชาติจากญี่ปุ่น ลดปัญหาสิวได้ด้วย ไม่มีแอลกอฮอล์ สี และน้ำหอม แถมเคลมว่าไม่ต้องล้างน้ำซ้ำด้วย แต่ด้วยความเคยชิน เพื่อนหลายคนที่ใช้บอกว่าก็ยังล้างหน้าซ้ำอยู่ดี
2. Garnier Micellar Cleansing Water แอบเห็นว่าตัวนี้คนพูดถึงบนโซเชี่ยลเยอะมาก ตัวนี้เป็นสูตรสำหรับผิวแพ้ง่าย ไม่มีน้ำหอม และเคลมว่าไม่ต้องล้างน้ำซ้ำด้วยเช่นกัน
3. Dove Wipe-off Cleansing Micellar Water ตัวนี้เพิ่งออกมาใหม่เอง ไม่มีน้ำหอม พาราเบน และแอลกอฮอล์ แถมมี NutriumMoisture ช่วยให้ผิวคงความชุ่มชื้นด้วย
4. Bifesta Cleansing Lotion Acne Care เพื่อนหลายคนใช้ตัวนี้นะ สูตรนี้สำหรับผิวที่มีปัญหาสิว อ่านฉลากแล้วเออมันอ่อนโยนดีแฮะ ทั้ง Oil-free ไม่มีแอลกอฮอล์ น้ำหอม สี และพาราเบน แถมยังเพิ่ม Hyaluronate ให้ผิวชุ่มชื้นด้วย
5. Smooth E Extra Sensitive Makeup Cleansing Water พูดถึงยี่ห้อนี้ หน้าพี่อ้อยก็ลอยมา สูตรนี้สำหรับผิวบอบบาง พลิกฉลากดู ไม่มีพาราเบน และแอลกอฮอล์ แถมยังมีสารบำรุงเพียบ แต่ว่ามีน้ำหอมนะ ใครแพ้ก็ระวังด้วยนะฮ้า
6. La Roche-Posay Micellar Water Ultra Sensitive Skin เป็นเวชสำอาง สูตรนี้สำหรับผิวบอบบาง ระคายเคืองง่าย แถมยังมีน้ำแร่ธรรมชาติปลอบประโลมผิว ไม่มีวัตถุกันเสีย เสียดายนิดหน่อยที่มีน้ำหอม อินี่ก็มึนไปเลยว่ามันเหมาะกับผิวแพ้ง่ายจังได๋
7. MizuMi Smooth Cleansing Water ตัวนี้ก็ใหม่อยู่ เน้นความนุ่มลื่นประมาณว่าสำลีจะไม่บาดผิวเวลาเช็ด แถมยังอ่อนโยนไม่แพ้ชาวบ้าน ไม่มีน้ำมัน น้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน และสีสังเคราะห์ แถมมีสารสกัดจาก Broccoli, Chicory, Celery ทำให้ผิวชุ่มชื้นด้วย
8. Nu Formula Mineral Cleansing Water Extra Fresh and Clean ตัวนี้เขียนไว้แทงตาที่หน้าขวดเลยว่าไม่มีน้ำหอม แอลกอฮอล์ พาราเบน แถมเป็น Soap-free และ Oil-free มั่นใจได้ว่าอ่อนโยนอีกเช่นกัน
9. Collection Makeup Remover Cleansing Water ตัวนี้เห็นมานานละ แน่นอนว่าอ่อนโยน เพราะเขียนไว้หน้าขวดว่า pH Balance ไม่มีพาราเบน น้ำหอม แอลกอฮอล์ และ Petroleum oil
ความเห็นส่วนตัวนะ รู้สึกว่าคลีนซิ่งวอเตอร์ทุกตัวค่อนข้างมีส่วนผสมที่อ่อนโยนเหมือนๆ กัน ทำความสะอาดได้พอๆ กัน ไม่ต่างอะไรมาก ขึ้นอยู่กับว่าใช้แล้วชอบอันไหนมากกว่า แต่ว่าคราวนี้แหละเราจะมาดูพลังสลายเมคอัพของแต่ละตัวแบบเรียลๆ ไม่มีการเอนเอียงเข้าข้างใครทั้งสิ้น จะได้รู้ไปเลยว่าตัวไหนคู่ควรที่จะควักกระเป๋าตังค์อันจิ๊บจ้อยของเรา 5555
อันนี้รูปคลีนซิ่งวอเตอร์ทั้งหมดที่เอามารีวิวนะก๊ะ
ส่วนนี่ก็คืออุปกรณ์ที่จะเอามาช่วยในการทดลองรอบนี้
สำลี, แผ่นหนังแท้, ที่ทับกระดาษหนักๆ, แผ่นกระดาษแข็งเจาะรูเป็นกรอบ, เข็มฉีดยา, บีกเกอร์
เราเลือกทดสอบคลีนซิ่งกับครีมรองพื้น ที่เป็นรุ่นติดทนนาน 24 ชั่วโมงในตำนาน Revlon Colorstay (ดูภาพประกอบด้านล่างได้)
เข้าสู่ขั้นตอนการทดลองเลยละกัน
1. กดครีมรองพื้นลงบนแผ่นหนัง 1 เม็ดถั่วเขียว แล้วปาด 3 ที (ทำเหมือนกันทุกยี่ห้อ)
2. เทคลีนชิ่งวอเตอร์ใส่ในบีกเกอร์เตรียมไว้ เพื่อความสะดวกในการทดลอง ใช้เข็มฉีดยาดูดคลีนซิ่งวอเตอร์ขึ้นมา 2 ซีซี (ใช้ปริมาณคลีนซิ่งวอเตอร์เท่ากันทุกยี่ห้อ) แล้วหยดลงบนสำลี
3. แปะสำลีลงบนครีมรองพื้นที่อยู่บนแผ่นหนัง แล้วใช้ที่ทับกระดาษหนักๆ วางทับ จับเวลา 15 วินาที แล้วยกที่ทับกระดาษออก (อันนี้ใช้ที่ทับกระดาษวางทับแทนการเช็ด เพราะบางทีน้ำหนักที่เราเช็ดแต่ละครั้งอาจจะไม่เท่ากัน รอบไหนเช็ดแรงก็รู้สึกว่าสะอาดจังนิ รอบไหนเช็ดเบาก็รู้สึกแบบไมมันเช็ดไม่ออกอะ อะไรประมาณนั้น แบบนี้แหละวัดกันใจๆ ไปเลย ว่าถ้าลงน้ำหนักเท่ากัน คลีนซิ่งตัวไหนดูดซับครีมรองพื้นออกมาได้เยอะ)
และแล้วก็ถึงเวลาที่ทุกท่านรอคอย พอหยิบที่ทับกระดาษโตโตโร่พุงพลุ้ยออก จะเห็นผลลัพธ์แบบนี้ ผ่าง!!
สรุปประสิทธิภาพความแปะปุ๊บ เมคอัพหลุดปั๊บของคลีนซิ่งวอเตอร์แต่ละยี่ห้อได้ ตามนี้
กลุ่มที่ 1 ดูดซับครีมรองพื้นได้ดี (ปรบมือให้รัวๆ) ได้แก่ Bifesta, Smooth E และ MizuMi
กลุ่มที่ 2 ดูดซับครีมรองพื้นได้กลางๆ ได้แก่ Biore, Dove และ Nu Formula
กลุ่มที่ 3 ดูดซับครีมรองพื้นได้ไม่ค่อยเยอะ ได้แก่ Garnier, La Roche-Posay และ Collection
หลังจากเห็นผลลัพธ์ทั้งหมดนี้ อินี่ก็สรุปได้คร่าวๆ ว่าคลีนซิ่งวอเตอร์แต่ละยี่ห้อสามารถแปะปุ๊บ แล้วเมคอัพหลุดปั๊บได้จริงๆ คือทุกตัวดูดเมคอัพได้ แต่ด้วยสารสลายเมคอัพที่แตกต่างกันไป จึงไม่ได้ออกทั้งหมดในคราวเดียว และไม่ได้ออกเท่ากันด้วย อย่างตัว Smooth E ที่เห็นตามห้างร้านมานานก็ดูดเมคอัพออกมาได้เยอะพอสมควร ส่วน Bifesta ก็เป็นไปตามความคาดหมาย ดูดแล้วเมคอัพติดออกมาเยอะสะใจอยู่ แต่อันที่เป็นม้ามืด คือ MizuMi เพราะรู้สึกว่านางเป็นน้องใหม่เลยไม่ได้คาดหวัง แถมความนุ่มลื่นที่เป็นจุดเด่นตามที่นางเคลม ทำให้นางดูจะเสียเปรียบเรื่องความฝืดกว่าคนอื่นๆ ประมาณว่าคลีนซิ่งยี่ห้อไหนที่ฝืด เวลาเช็ดมันจะรู้สึกว่าเมคอัพติดสำลีออกมาเยอะกว่า แต่พอทดสอบคราวนี้ เลยรู้ว่านางมีของอยู่นะเนี่ย
ส่วนตัวแล้ว อินี่ใช้ Garnier บ่อยสุด เพราะราคาถูกสุด ผ่างงง! แต่ขอหักคะแนนเรื่องฟอง พอเช็ดไปเช็ดมาฟองฟอดบนหน้าไปหน่อย เลยรู้สึกหนึบๆ อยู่ รองมาก็ใช้ MizuMi เพราะดูปริมาณแล้ว ราคาไม่แรงอีกเหมือนกัน แถมรู้สึกว่าเช็ดแล้วสำลีไม่ค่อยบาดหน้าเท่าไร ไม่ได้มโนนะ 5555 พอเทลงสำลีเยอะๆ แล้วเช็ด คือผิวไม่ครืดๆ ไม่โดนรั้งโดนทึ้งจริงๆ อีกตัวที่ใช้บ่อยคือ Bifesta แต่หลังๆ เหมือนไม่ค่อยแจกโปร เลยรู้สึกว่าเริ่มแพงกว่าตัวอื่นเมื่อเทียบกับปริมาณ เลยใช้น้อยลงตามระเบียบ หุๆ เอาล่ะ อินี่ก็ฝอยมาเยอะละ หวังว่ารีวิวนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคน ทีนี้เวลาคนพูดว่าอันนี้เช็ดดีเช็ดง่าย เราแนะนำว่าให้ลองด้วยตัวเองก่อนจะดีที่สุด เพราะอย่างวิธีการเช็ดของแต่ละคนก็ไม่เหมือนกัน ออกแรงมาก เมคอัพก็ถูกเช็ดออกมากเป็นธรรมดา ขึ้นอยู่กับปัจจัยหลายอย่าง สุดท้ายเราบอกได้แค่ว่า คลีนซิ่งตัวไหนที่ถูกกับเรา ถูกกับงบในกระเป๋า ก็เลือกตัวนั้นแหละ สบายใจสบายกระเป๋าด้วย ขอจบการทดสอบไว้เพียงเท่านี้ ใครคิดเห็นยังไงแชร์กันเข้ามาได้นะ ไงก็ฝากรีวิวของอินี่ไว้ด้วยนะ บรัย