แม่เราเป็นมะเร็งลำไส้ รู้ครั้งแรกในปี 2555 เริ่มจากการปวดท้องหนัก ไปหาหมอหลายครั้ง ตอนนั้นหมอได้ข้อสรุปว่าลำไส้อุดตันและผ่าตัดให้ จากได้นำชิ้นส่วนนั้นไปตรวจ ผลคือเป็นมะเร็งลำไส้ หมอจึงส่งตัวให้ไปทำคีโม 12ครั้ง เป็นเวลา6เดือน เราเห็นแม่แล้วรู้สึกทรมานแทน ด้วยอาการผลข้างเคียงของยา แม่จะกินไม่ค่อยได้ เวียนหัว เหม็นสุดสิ่งอย่าง มือเท้าชา การควบคุมอารมณ์ แต่ก็ผ่านมาได้ ด้วยความทรมานนั้นแม่ก็บอกว่าจะกลับมาดูแลตัวเองให้ดีแต่คงยังไม่ดีพอ...
แม่เราก็ใช้ชีวิตปกติหมอนัดตรวจตลอด จนมาถึงต้นปี2559 แม่เราถ่ายเป็นเลือด ไปตรวจอีก หมอเจอเชื้อมะเร็งอีกครั้งแถมด้วยมีเนื้องอกในมดลูก หมอจึงให้ขับถ่ายหน้าท้อง ยอมรับว่าตอนนั้นที่บ้านช็อคมาก เพราะมันคือสิ่งที่แม่กลัวมาตลอดชีวิต ในเดือนมีนาคม หมอได้ทำการผ่าตัดให้ขับถ่ายหน้าท้อง สภาพจิตใจตอนนั้นย่ำแย่มาก ช่วงแรกแม่ไม่กล้าแม้แต่มองที่ท้องตัวเอง ลำไส้ยังปรับไม่ได้ ท่องเสียตลอด ถุงที่ใส่หน้าท้องต้องเปลี่ยนทำใหม่ทั้งวัน แม่ท้อ แต่ก็ผ่านมาได้ หมอให้ทำคีโมและฉายแสงต่อ หมอบอกถ้าทำเสร็จมีโอกาสเอาลำไส้เอากลับเข้าที่เดิม ฟังแบบนี้แม่ก็มีกำลังใจขึ้นอีกที่อยากกลับมาปกติ แม่เรามีถุงหน้าท้องก็ใช้ชีวิตปกติถ้าไม่บอกคนอื่นจะไม่รู้เลยว่าขับถ่ายหน้าท้อง เพราะกินได้ ไปไหนมาไหนแถมขับรถเองด้วย ในช่วงทำคีโมแม่ทำครบมีอาการข้างเคียงบ้างแต่ไม่มาก ส่วนฉายแสงแม่ฉายไม่ครบขาด2ครั้งเนื่องด้วยลำไส้อักเสบมากหมอจึงลงความเห็นว่าควรหยุด ช่วงสิ้นปีรักษาเสร็จหมอบอกสามารถเอาลำไส้กลับเข้าที่เดิมได้...
มกราคม 2560 แม่ทำการผ่าตัดเอาลำไส้เข้าที่เดิม แต่หลังจากนั้นมาทุกอย่างกลับเลวร้ายขึ้น ร่างกายแม่หลังผ่าตัด ไม่ฟื้นตัว มีแต่จะแย่ขึ้น แม่เราถ่ายท้องเสียทุกวัน ผลตรวจคือแม่เป็นมะเร็งระยะ4 ขั้นลุกลาม ผลเอ็กเรย์ที่ปอดมีจุด ที่ตับมีจุด ตอนแรกหมอจะผ่าตัดให้ แต่ด้วยกำลังและแรงของคนไข้ ไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือส่งไปทำคีโม ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หมอได้ให้ทำคีโม รอบที่3ของชีวิต ด้วยร่างกายที่อ่อนแอ แม่เราไม่สู้แล้ว ผลข้างเคียงยิ่งทำให้แม่เราเครียดเข้าไปอีก ตอนนี้แม่เราบอกหมอว่าจะขอไม่ทำแล้ว...
แม่เราจากน้ำหนัก55 กก. ตอนนี้เหลือ39.6 กก.
แม่เป็นคนกินเก่งตอนนี่กินไม่ได้ แรงก็ไม่ค่อยมี เวลาเขาอยากกินอะไรที ทุกคนรีบหามาให้ เพราะถ้าเขากินไม่ได้แย่กว่า (ตั้งแต่รู้ตัวว่าป่วย แม่เราพยายามเลี่ยงเนื้อสัตว์มาตลอดมีกินบ้างแต่น้อยมากแค่คำสองคำ) ตอนนี้ให้กินโปรตีนเสริมจะได้มีแรง และกินถั่งเช่าสมุนไพรกระปุกนึงราคาสูงอยู่ แม่กินแล้วหายเจ็บก้น(ถ่ายบ่อยทำให้เจ็บก้นและข้างใน) กล้ามเนื้อเริ่มไม่มีแรง ต้องคอยนวดให้เสมอ จิตตก อยู่คนเดียวไม่ได้ ตัดพ้อนู่นนี่ คุยเข้าเรื่องทีไรแม่ร้องไห้ตลอด เราพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยตลอดเผื่อให้เขาเลิกโฟกัสที่ร่างกายตัวเอง ตอนนี้ยอมรับว่าเราก็ร้องไห้ทุกวันแต่ต้องไม่ให้เขาเห็น...
ใครเคยดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย มาแชร์ประสบการณ์หน่อยค่ะ และมีอีกเรื่อง คือแม่เราเจ็บปวดข้างใน เห็นเขาร้องแล้วเราทรมานแทน เราเคยไปอ่านเจอว่ากัญชา ช่วยเรื่องบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคมะเร็งได้ ช่วยให้ไม่เครียด จริงหรือไหม? และถ้าจริง ควรรับประทานแบบไหน? (คือถ้ามันทำให้แม่อยู่ได้นานอีกก็ต้องใช้ค่ะ)
*ขอโทษด้วยถ้ามีคำไหนตกหล่นไป ไม่เคยเขียนเล่าอะไรยาวขนาดนี้ อาจจะงงๆวนๆไปบ้าง
แม่กับมะเร็งสำไส้
แม่เราก็ใช้ชีวิตปกติหมอนัดตรวจตลอด จนมาถึงต้นปี2559 แม่เราถ่ายเป็นเลือด ไปตรวจอีก หมอเจอเชื้อมะเร็งอีกครั้งแถมด้วยมีเนื้องอกในมดลูก หมอจึงให้ขับถ่ายหน้าท้อง ยอมรับว่าตอนนั้นที่บ้านช็อคมาก เพราะมันคือสิ่งที่แม่กลัวมาตลอดชีวิต ในเดือนมีนาคม หมอได้ทำการผ่าตัดให้ขับถ่ายหน้าท้อง สภาพจิตใจตอนนั้นย่ำแย่มาก ช่วงแรกแม่ไม่กล้าแม้แต่มองที่ท้องตัวเอง ลำไส้ยังปรับไม่ได้ ท่องเสียตลอด ถุงที่ใส่หน้าท้องต้องเปลี่ยนทำใหม่ทั้งวัน แม่ท้อ แต่ก็ผ่านมาได้ หมอให้ทำคีโมและฉายแสงต่อ หมอบอกถ้าทำเสร็จมีโอกาสเอาลำไส้เอากลับเข้าที่เดิม ฟังแบบนี้แม่ก็มีกำลังใจขึ้นอีกที่อยากกลับมาปกติ แม่เรามีถุงหน้าท้องก็ใช้ชีวิตปกติถ้าไม่บอกคนอื่นจะไม่รู้เลยว่าขับถ่ายหน้าท้อง เพราะกินได้ ไปไหนมาไหนแถมขับรถเองด้วย ในช่วงทำคีโมแม่ทำครบมีอาการข้างเคียงบ้างแต่ไม่มาก ส่วนฉายแสงแม่ฉายไม่ครบขาด2ครั้งเนื่องด้วยลำไส้อักเสบมากหมอจึงลงความเห็นว่าควรหยุด ช่วงสิ้นปีรักษาเสร็จหมอบอกสามารถเอาลำไส้กลับเข้าที่เดิมได้...
มกราคม 2560 แม่ทำการผ่าตัดเอาลำไส้เข้าที่เดิม แต่หลังจากนั้นมาทุกอย่างกลับเลวร้ายขึ้น ร่างกายแม่หลังผ่าตัด ไม่ฟื้นตัว มีแต่จะแย่ขึ้น แม่เราถ่ายท้องเสียทุกวัน ผลตรวจคือแม่เป็นมะเร็งระยะ4 ขั้นลุกลาม ผลเอ็กเรย์ที่ปอดมีจุด ที่ตับมีจุด ตอนแรกหมอจะผ่าตัดให้ แต่ด้วยกำลังและแรงของคนไข้ ไม่สามารถผ่าตัดได้แล้ว สิ่งที่ทำได้คือส่งไปทำคีโม ปลายเดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา หมอได้ให้ทำคีโม รอบที่3ของชีวิต ด้วยร่างกายที่อ่อนแอ แม่เราไม่สู้แล้ว ผลข้างเคียงยิ่งทำให้แม่เราเครียดเข้าไปอีก ตอนนี้แม่เราบอกหมอว่าจะขอไม่ทำแล้ว...
แม่เราจากน้ำหนัก55 กก. ตอนนี้เหลือ39.6 กก.
แม่เป็นคนกินเก่งตอนนี่กินไม่ได้ แรงก็ไม่ค่อยมี เวลาเขาอยากกินอะไรที ทุกคนรีบหามาให้ เพราะถ้าเขากินไม่ได้แย่กว่า (ตั้งแต่รู้ตัวว่าป่วย แม่เราพยายามเลี่ยงเนื้อสัตว์มาตลอดมีกินบ้างแต่น้อยมากแค่คำสองคำ) ตอนนี้ให้กินโปรตีนเสริมจะได้มีแรง และกินถั่งเช่าสมุนไพรกระปุกนึงราคาสูงอยู่ แม่กินแล้วหายเจ็บก้น(ถ่ายบ่อยทำให้เจ็บก้นและข้างใน) กล้ามเนื้อเริ่มไม่มีแรง ต้องคอยนวดให้เสมอ จิตตก อยู่คนเดียวไม่ได้ ตัดพ้อนู่นนี่ คุยเข้าเรื่องทีไรแม่ร้องไห้ตลอด เราพยายามเปลี่ยนเรื่องคุยตลอดเผื่อให้เขาเลิกโฟกัสที่ร่างกายตัวเอง ตอนนี้ยอมรับว่าเราก็ร้องไห้ทุกวันแต่ต้องไม่ให้เขาเห็น...
ใครเคยดูแลผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย มาแชร์ประสบการณ์หน่อยค่ะ และมีอีกเรื่อง คือแม่เราเจ็บปวดข้างใน เห็นเขาร้องแล้วเราทรมานแทน เราเคยไปอ่านเจอว่ากัญชา ช่วยเรื่องบรรเทาอาการเจ็บปวดจากโรคมะเร็งได้ ช่วยให้ไม่เครียด จริงหรือไหม? และถ้าจริง ควรรับประทานแบบไหน? (คือถ้ามันทำให้แม่อยู่ได้นานอีกก็ต้องใช้ค่ะ)
*ขอโทษด้วยถ้ามีคำไหนตกหล่นไป ไม่เคยเขียนเล่าอะไรยาวขนาดนี้ อาจจะงงๆวนๆไปบ้าง