สวัสดีค่ะก็ตามหัวข้อเลยนะคะ กระทู้นี้จะเป็นการรีวิวเกี่ยวกับการเตรียมตัวและการสอบสัมภาษณืสาขาการแปลภาษาจีน มหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ จขกท. มีเจตนาดีอยากแบ่งปันประสบการณ์ให้กับคนที่สนใจจะเรียนต่อในสาขานี้ค่ะ เพราะก่อนที่ตัว จขกท. จะไปสอบก็พยายามหาข้อมูลแต่ว่าไม่เคยมีใครมาเขียนรีวิวไว้เลย
ไม่ดราม่าค่ะมาเข้าเรื่องกันเลย
การสมัครสอบ
ส่วนตัวเราดูตารางการรับสมัครจากสองเว็บไซต์นี้นะคะ
http://www.grad.ru.ac.th/link-edu.html
https://www.facebook.com/graduateramkhamhaeng/
ซึ่งก็จะมีให้เลือกช่องทางการสมัครอยู่สามช่องทางนั่นคือไป
1. สมัครด้วยตัวเองที่มหาวิทยาลัย
2. สมัครทางอินเตอร์เน็ดหรือ
3. สมัครทางไปรษณีย์ค่ะ
การสอบข้อเขียน
เมื่อเราทำการสมัครและรู้วันเวลาสถานที่ในการสอบเรียบร้อยแล้วต่อไปเราจะมาดูในส่วนของการสอบข้อเขียนกันค่ะ โดยการสอบข้อเขียนจะแบ่งออกเป็นสองช่วงนั่นคือ
ช่วงเช้า
ช่วงเช้าจะเป็นการทดสอบศักยภาพค่ะ แน่นอนพอเห็นชื่อว่า "การทดสอบศักยภาพ" เรามาสมัครสอบการแปลภาษาจีนข้อสอบก็ต้องเป็นภาษาจีนแน่นอนค่ะ ซึ่งข้อสอบก็มีตั่งแต่ระดับง่ายมากไปจนถึงยากมากปะปนกันไปค่ะ
ในรอบที่ จขกท. สอบจะเป็นข้อเขียนทั้งหมดสามข้อใหญ่ค่ะ ขอเน้นอีกทีว่าสามข้อ
ใหญ่ค่ะ ข้อแรกจะมีบทความมาให้อ่านแล้วนำคำศัพท์ที่กำหนดให้มาแต่งประโยค สำหรับในพาร์ทนี้เราทำไม่ค่อยได้นะคะ คำศัพท์ค่อนข้างยากไม่รู้จักเลยสักคำก็เลยมั่ว ๆ ไปค่ะ หลังจากแต่งประโยคเสร็จก็ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ยังมีให้ตอบคำถามจากเรื่องอีก 10 ข้อค่ะ บอกเลยว่าเป็นข้อสอบที่ดูดพลังเอามาก ๆ คือเนื้อเรื่องก็ว่ายากแล้วต้องมานั่งทำความเข้าใจกับคำถามอีก
สำหรับข้อที่สองจะมีเรื่องภาษาจีนมาให้เราสองเรื่องค่ะ ให้เราเลือกแปลแค่เรื่องเดียว อันนี้ง่ายค่ะบอกเลยว่าทำได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนข้อที่สามจะให้แปลหนังสือพิมพ์จีนค่ะ อันนี้ก็งานยากค่ะคำศัพท์ในวิชาการอ่านหนังสือพิมพ์จีนที่เคยเรียนมาก็คืนอาจารย์ไปเกือบหมดแล้ว แปลได้แค่สองย่อหน้าแรกอาจารย์คุมสอบก็ประกาศบอกว่าเหลือเวลาแค่ห้านาทีให้รีบทำ โอ้เราก็ โอ้ย อ่านไม่ออกเวลาก็ไม่มีสรุปคือก็แปลส่งไปแค่สองย่อหน้านั่นแหละค่ะ
ช่วงบ่าย
ในตารางการสอบระบุไว้ว่าเป็นการทดสอบ "RU-Test" เนื่องจากเราไม่ใช่นักศึกษาหรือว่าศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนี้เลยไม่รู้ว่าไอ้เจ้า RU-Test นี่มันคืออะไร ก็เลยไปถามรุ่นพี่ที่เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ตอนปริญญาตรี (พี่เรียนคณะนิติศาสตร์) ก็ได้คำตอบมาว่า RU-Test คือการทดสอบศักยภาพด้านภาษาอังกฤษ พี่แนะนำว่าให้ลองซื้อหนังสือมาอ่านไม่ยากหรอก เมื่อได้ยินดังนั้นเราก็สั่งหนังสือมานั่งอ่านอยู่เกือบสองอาทิตย์ได้ จนกระทั่ง เหลืออาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบก็เลยเลิกอ่านภาษาอังกฤษมานั่งอ่านจีนแทน เรื่องมันเหมือนจะไม่มีอะไรใช่ไหมค่ะ แต่เรามารู้เอาตอนได้รับข้อสอบในช่วงบ่ายแล้ว หน้าข้อสอบมันเขียนว่า Chinese Test เราก็เอ๊ะ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษหรอวะ? พอเปิดมาก็พบว่าเป็นข้อสอบแบบปรนัยทั้งหมดจำไม่ได้ว่า 90 หรือ 100 ช้อเนี่ยล่ะค่ะ ทั้งหมดเป็นภาษาจีน (โถ่แล้วภาษาอังกฤษที่เสียเวลานั่งอ่านไปคืออะไร คืออ่านจนมีจุดนึงคิดว่าตัวเองควรจะไปสอบโทอิกได้เลยนะ 555) ข้อสอบมีทั้งยากและง่ายปนกันนั่นแหละค่ะ มีเนื้อหาตั่งแต่เรียพื้นฐานภาษาจีนไปจนถึงที่อ่านไม่ออก ข้อสอบจะแบ่งเป็นส่วน ๆ ขออนุญาติยกตัวอย่างเฉพราะที่จำได้นะคะ เช่น จับคู่สำนวนให้ตรงกับความหมาย, เติมคำลงในช่องว่าง, ตอบคำถามสั้น ๆ, หาประโยคที่ผิด, เติมไวยากรณ์ลงในช่องว่าง เป็นต้น เราใช้เวลาในการสอบช่วงบ่ายไม่นานเท่าตอนเช้า แค่ชั่วโมงครึ่งก็เสร็จแล้วค่ะ
หลังจากนั้นก็รอประกาศผลสอบว่าผ่านข้อเขียนไหม ถ้าผ่านก็ไปเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์กันได้เลยค่ะ
การสอบสัมภาษณ์
การเตรียมตัว
ปกติเวลาที่เราจะไปสอบสัมภาษณืใช่ไหมคะ เราก็จะต้องมีการเก็งคำถามไปล่วงหน้าก่อนสักเล็กน้อย เราก็เตรียมไปไม่กี่ข้อค่ะ ซึ่งก็เป็นคำถามที่ถูกถามเกือบทั้งหมดจริง ๆ เช่น
- การแนะนำตัว
- ตอนนี้ทำอะไรอยู่ เรียน/ทำงาน
- ทำไมถึงอยากเรียนสาขานี้
ส่วนใหญ่ก็จะคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปนะคะ อาจารย์ที่เป็นผู้สอบสัมภาษณ์ก็ดูเป็นกันเองนะคะ ดูใจดี แต่การสอบสัมภาษณ์มันก็ไม่ได้มีแค่นี้นะคะ ในห้องสอบสัมภาษณ์อาจารย์จะให้สุ่มหยิบเลือกหัวข้อมาพูดหนึ่งเรื่องค่ะ ก็แล้วแต่ดวงเนอะว่าจะได้เรื่องอะไร ระความยากง่ายก็ต่างกันไป เราก็พูดเท่าที่พูดได้ค่ะไม่รู้ผลการสอบสัมภาษณ์จะออกมาเป็นยังไง
ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่านกัน จขกท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจสาขาการแปลของมหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ
หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ
(CR)รีวิวสอบข้อเขียน+สอบสัมภาษณ์ ป.โท การแปลภาษาจีน ม.รามคำแหง
การสมัครสอบ
ส่วนตัวเราดูตารางการรับสมัครจากสองเว็บไซต์นี้นะคะ
http://www.grad.ru.ac.th/link-edu.html
https://www.facebook.com/graduateramkhamhaeng/
ซึ่งก็จะมีให้เลือกช่องทางการสมัครอยู่สามช่องทางนั่นคือไป
1. สมัครด้วยตัวเองที่มหาวิทยาลัย
2. สมัครทางอินเตอร์เน็ดหรือ
3. สมัครทางไปรษณีย์ค่ะ
การสอบข้อเขียน
เมื่อเราทำการสมัครและรู้วันเวลาสถานที่ในการสอบเรียบร้อยแล้วต่อไปเราจะมาดูในส่วนของการสอบข้อเขียนกันค่ะ โดยการสอบข้อเขียนจะแบ่งออกเป็นสองช่วงนั่นคือ
ช่วงเช้า
ช่วงเช้าจะเป็นการทดสอบศักยภาพค่ะ แน่นอนพอเห็นชื่อว่า "การทดสอบศักยภาพ" เรามาสมัครสอบการแปลภาษาจีนข้อสอบก็ต้องเป็นภาษาจีนแน่นอนค่ะ ซึ่งข้อสอบก็มีตั่งแต่ระดับง่ายมากไปจนถึงยากมากปะปนกันไปค่ะ
ในรอบที่ จขกท. สอบจะเป็นข้อเขียนทั้งหมดสามข้อใหญ่ค่ะ ขอเน้นอีกทีว่าสามข้อใหญ่ค่ะ ข้อแรกจะมีบทความมาให้อ่านแล้วนำคำศัพท์ที่กำหนดให้มาแต่งประโยค สำหรับในพาร์ทนี้เราทำไม่ค่อยได้นะคะ คำศัพท์ค่อนข้างยากไม่รู้จักเลยสักคำก็เลยมั่ว ๆ ไปค่ะ หลังจากแต่งประโยคเสร็จก็ยังไม่หมดเพียงแค่นั้น ยังมีให้ตอบคำถามจากเรื่องอีก 10 ข้อค่ะ บอกเลยว่าเป็นข้อสอบที่ดูดพลังเอามาก ๆ คือเนื้อเรื่องก็ว่ายากแล้วต้องมานั่งทำความเข้าใจกับคำถามอีก สำหรับข้อที่สองจะมีเรื่องภาษาจีนมาให้เราสองเรื่องค่ะ ให้เราเลือกแปลแค่เรื่องเดียว อันนี้ง่ายค่ะบอกเลยว่าทำได้เกือบร้อยเปอร์เซ็นต์ ส่วนข้อที่สามจะให้แปลหนังสือพิมพ์จีนค่ะ อันนี้ก็งานยากค่ะคำศัพท์ในวิชาการอ่านหนังสือพิมพ์จีนที่เคยเรียนมาก็คืนอาจารย์ไปเกือบหมดแล้ว แปลได้แค่สองย่อหน้าแรกอาจารย์คุมสอบก็ประกาศบอกว่าเหลือเวลาแค่ห้านาทีให้รีบทำ โอ้เราก็ โอ้ย อ่านไม่ออกเวลาก็ไม่มีสรุปคือก็แปลส่งไปแค่สองย่อหน้านั่นแหละค่ะ
ช่วงบ่าย
ในตารางการสอบระบุไว้ว่าเป็นการทดสอบ "RU-Test" เนื่องจากเราไม่ใช่นักศึกษาหรือว่าศิษย์เก่าของมหาวิทยาลัยนี้เลยไม่รู้ว่าไอ้เจ้า RU-Test นี่มันคืออะไร ก็เลยไปถามรุ่นพี่ที่เคยเรียนที่มหาวิทยาลัยนี้ตอนปริญญาตรี (พี่เรียนคณะนิติศาสตร์) ก็ได้คำตอบมาว่า RU-Test คือการทดสอบศักยภาพด้านภาษาอังกฤษ พี่แนะนำว่าให้ลองซื้อหนังสือมาอ่านไม่ยากหรอก เมื่อได้ยินดังนั้นเราก็สั่งหนังสือมานั่งอ่านอยู่เกือบสองอาทิตย์ได้ จนกระทั่ง เหลืออาทิตย์สุดท้ายก่อนสอบก็เลยเลิกอ่านภาษาอังกฤษมานั่งอ่านจีนแทน เรื่องมันเหมือนจะไม่มีอะไรใช่ไหมค่ะ แต่เรามารู้เอาตอนได้รับข้อสอบในช่วงบ่ายแล้ว หน้าข้อสอบมันเขียนว่า Chinese Test เราก็เอ๊ะ ไม่ใช่ภาษาอังกฤษหรอวะ? พอเปิดมาก็พบว่าเป็นข้อสอบแบบปรนัยทั้งหมดจำไม่ได้ว่า 90 หรือ 100 ช้อเนี่ยล่ะค่ะ ทั้งหมดเป็นภาษาจีน (โถ่แล้วภาษาอังกฤษที่เสียเวลานั่งอ่านไปคืออะไร คืออ่านจนมีจุดนึงคิดว่าตัวเองควรจะไปสอบโทอิกได้เลยนะ 555) ข้อสอบมีทั้งยากและง่ายปนกันนั่นแหละค่ะ มีเนื้อหาตั่งแต่เรียพื้นฐานภาษาจีนไปจนถึงที่อ่านไม่ออก ข้อสอบจะแบ่งเป็นส่วน ๆ ขออนุญาติยกตัวอย่างเฉพราะที่จำได้นะคะ เช่น จับคู่สำนวนให้ตรงกับความหมาย, เติมคำลงในช่องว่าง, ตอบคำถามสั้น ๆ, หาประโยคที่ผิด, เติมไวยากรณ์ลงในช่องว่าง เป็นต้น เราใช้เวลาในการสอบช่วงบ่ายไม่นานเท่าตอนเช้า แค่ชั่วโมงครึ่งก็เสร็จแล้วค่ะ
หลังจากนั้นก็รอประกาศผลสอบว่าผ่านข้อเขียนไหม ถ้าผ่านก็ไปเตรียมตัวสอบสัมภาษณ์กันได้เลยค่ะ
การสอบสัมภาษณ์
การเตรียมตัว
ปกติเวลาที่เราจะไปสอบสัมภาษณืใช่ไหมคะ เราก็จะต้องมีการเก็งคำถามไปล่วงหน้าก่อนสักเล็กน้อย เราก็เตรียมไปไม่กี่ข้อค่ะ ซึ่งก็เป็นคำถามที่ถูกถามเกือบทั้งหมดจริง ๆ เช่น
- การแนะนำตัว
- ตอนนี้ทำอะไรอยู่ เรียน/ทำงาน
- ทำไมถึงอยากเรียนสาขานี้
ส่วนใหญ่ก็จะคุยเรื่องทั่ว ๆ ไปนะคะ อาจารย์ที่เป็นผู้สอบสัมภาษณ์ก็ดูเป็นกันเองนะคะ ดูใจดี แต่การสอบสัมภาษณ์มันก็ไม่ได้มีแค่นี้นะคะ ในห้องสอบสัมภาษณ์อาจารย์จะให้สุ่มหยิบเลือกหัวข้อมาพูดหนึ่งเรื่องค่ะ ก็แล้วแต่ดวงเนอะว่าจะได้เรื่องอะไร ระความยากง่ายก็ต่างกันไป เราก็พูดเท่าที่พูดได้ค่ะไม่รู้ผลการสอบสัมภาษณ์จะออกมาเป็นยังไง
ขอบคุณมากนะคะที่เข้ามาอ่านกัน จขกท. หวังเป็นอย่างยิ่งว่ากระทู้นี้จะมีประโยชน์กับคนที่กำลังสนใจสาขาการแปลของมหาวิทยาลัยรามคำแหงค่ะ
หากผิดพลาดประการใดต้องขออภัยไว้ ณ ที่นี้ด้วยค่ะ