(รีวิว ไม่สปอย) Resident Evil : Vandetta ไม่ต้องเป็นแฟนเกมส์ก็ดูได้ (แต่ทำการบ้านนิดก็จะสนุกขึ้น)

นับเป็นภาพยนตร์ CG Animationเรื่องที่สามแล้วสำหรับซีรีย์ Resident Evil. ที่เนื้อเรื่องในหนังจะเชื่อยโยงกับจักรวาลเกมส์โดยตรง Resident Evil CG Animationโดยปกติจะออกฉายก่อนเกมส์ภาคหลักภาคถัดไปจะวางจำหน่าย ยกเว้นภาคนี้ที่ฉายหลังเกมส์ภาค7ออกขาย อ้อ หนังภาคนี้ได้สปอนเซอร์จากDucatiด้วย

สำหรับคนที่ไม่ใช่แฟนเกมส์ ขออธิบายก่อนว่า จักรวาลของเกมส์ กับคนแสดงที่เจ๊มิล่าเป็นนางเอกทุกภาคนั้นไม่เกี่ยวข้องใดๆกันเลย ยกเว้นตัวละครที่อาจจะหยิบยืมชื่อมาใช้แต่ก็ถือเป็นคนละคนอยู่ดี

เนื้อเรื่องนี้จะต่อจากเกมส์ภาค6 แต่ไม่ต้องกลัวว่าต้องไปเล่นเกมส์ก่อนถึงจะรู้เรื่อง เพราะเนื้อเรื่องในหนังภาคนี้นั้นจะเป็นเรื่องที่เริ่ม และจบในเรื่อง ยกเว้นชื่อ3-4ชื่อที่เคยโผล่ในเกมส์ภาคเก่าๆ ซึ่งไม่กระทบเนื้อเรื่องในหนังมากเท่าไหร่ ประมาณว่าแค่ถูกพูดถึงเฉยๆเท่านั้นเอง ทำให้คนที่ไม่เคยเล่นเกมส์มาก่อนก็สามารถดูแล้วสนุกได้

ตัวละครที่ปรากฎในภาคนี้นั้นมีอยู่ 3 คนหลักๆ


คนแรกคือลีออน สก็อต เคเนดี้ (คนขวา)พระเอกของเกมส์ภาค 2 4 และ 6 รวมถึงเวอร์ชั่นภาพยนตร์ทั้ง2ภาคก่อนหน้า

คนที่สองคือ คริส เรดฟิลด์ (คนซ้าย) พระเอกภาค1 5 6 และ Code Veronica
ป.ล. ทั้งสองชื่อนี้เคยอยู่ในเวอร์ชั่นคนแสดงซึ่ง......เป็นคนละคนกัน อย่าเอาไปปนกันนะ

คนที่สาม รีเบกก้า เชมเบอร์(คนกลาง) เคยโผล่ในเกมส์ภาค1 และนางเอกภาค0 เป็นเพื่อนร่วมทีมคริสในภาคแรก

เนื้อเรื่องจะเริ่มขึ้นเมื่อคริส เรดฟิลด์นั้นได้รับภารกิจให้ตามจับพ่อค้าอาวุธสงครามชื่อ เกลน แอเรียส ที่มีการผลิตอาวุธชีวภาพหรือBOW(Bio Organic Weapon) ที่มีความสามารถในการแยกแยะมิตรและศัตรู จนค้นพบว่า เกลนมีแผนจะปล่อยเชื้อไวรัสกระจายในเมืองนิวยอร์ก คริสเลยต้องไปตามตัวลีออนมาช่วยงาน (อยากพิมพ์มากกว่านี้ แต่จะถือว่าสปอยนะ) แต่ถ้าพูดถึงความลุ่มลึกของเนื้อเรื่องนั้น ถือว่าไม่ได้มากเกินที่คาดไว้เท่าไหร่

ส่วนการดำเนินเรื่องนั้น ช่วงแรกจะเป็น Action+Horror+Thriller แต่ผ่านกลางเรื่องเป็นต้นไปจะกลายเป็นหนังActionเต็มขั้น เพราะถึงแม้จะมีซอมบี้และสัตว์ประหลาดอยู่เป็นจำนวนมาก แต่ด้วยความเก่งของตัวละครหลัก ทำให้มันกลายเป็นหนังแอคชั่นแทน(พร้อมกับความเวอร์ที่เหนือมาก โดยเฉพาะตาลีออน  อารมณ์ประมาณชัค นอริส ลุยฝูงตัวประกอบ)  และฉากแอคชั่นก็ได้แรงบันดาลใจจาก John Wick และ Equilibrium แต่แน่นอนก็มีส่วนที่น่าติเล็กน้อย เพราะท้ายเรื่องนั้นดูเร่งๆ คาดว่าเพราะเวลาตัวหนังนั้นแค่90นาทีนิด ทำให้ไม่สามารถใส่รายละเอียดมากกว่านี้ได้

เนื่องภาพยนตร์เรื่องนี้เป็น CG Animationทั้งเรื่อง ซึ่งคุณภาพกราฟฟิกนั้นก็พัฒนาตามยุคสมัยซึ่งถ้าเทียบกับสองภาคก่อนหน้านั้น ถือว่ามีความสมจริงกว่ามาก (แหงล่ะ ห่างจากภาคแรกเกือบ10ปีนี่นะ) และถือว่าเป็นภาพยนตร์CGที่ทำฉากบู้ได้ดีและลื่นไหลมากๆ โดยดูตัวอย่างได้จากคลิปนี้ โดยคิวบู้ฉากนี้นั้น คาดกันว่าได้แรงบันดาลใจมาจาก John Wick
คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ
ส่วนฉากอื่นๆนั้น ก็ทำได้ดีไม่แพ้กัน แต่ก็ยังมีบางฉาก ที่การเคลื่อนไหวยังดูแข็งๆมากไป

สรุปแล้ว นับเป็นภาพยนตร์ที่สามารถดูเอาสนุก และคลายเครียดได้ดีเรื่องนึง ส่วนคะแนนผมให้7/10 หักไปเพราะหลายสาเหตุที่บอกในตอนต้น แต่ก็เป็นหนังที่เหมาะกับการดูในวันพุธ (ถ้ามันไม่เลิกฉายไปก่อนนะ)

ส่วนรอบนั้น ไม่ได้มีฉายเยอะนักโดยมากจะมีแค่หนึ่งโรงต่อสาขา(กรุงเทพ) และไม่ได้ฉายทุกโรงด้วย ต่างจังหวัดยิ่งไม่ต้องพูดถึง หายากมากเลยทีเดียว  สาเหตุเพราะค่อนข้างเป็นหนังเฉพาะกลุ่ม ขนาดที่อเมริกาหรือญี่ปุ่นเองก็ยังไม่ได้ฉายทั่วถึงขนาดนั้น อีกสาเหตุนึงคือ ฉายชนกับWonder Woman - - (แต่ผมก็ไปดูทั้งสองเรื่องนะ)
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่