การมอมเมาประชาชนด้วยประชานิยมนั้น ทำใ้ห้ประชาชนนั้นอ่อนแอ ไม่สามารถพึ่งพาตนเองได้ในระยะยาว และเป็นฐานเสียงให้กับ นักการเมืองนั้นๆ แต่ถ้าประชาชนสามารถพึ่งพาตนเองได้แล้ว ประชานิยมจะไม่มีความหมาย ฐานเสียงแห่งอำนาจนั้นก็จะด้อยค่าลง นักการเมืองที่หว่านผลประโยชน์เล็กน้อยเพื่อหวังที่จะกอบโกย ก็จะไม่สามารถทำได้ง่ายๆ เลิกใช้ประชานิยม"มอมเมา"ประชาชน แล้วประเทศจะพัฒนาต่อไปจนชั่วลูกชั่วหลาน
การเมือง เป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หอมหวลยวนเย้าใจของผู้คนส่วนใหญ่ที่อยากมีอำนาจทางการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ แต่มีเพียงคนน้อยนิดเท่านั้นที่เข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างมีอุดมการณ์ด้วยจิตใจที่เสียสละ โดยมุ่งหวังทำงานการเมืองให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ...
แม้กระนั้นก็ตามจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อ “นักการเมือง” ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปรากฏว่าอาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพที่ประชาชนไม่ไว้วางใจมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับอาชีพอื่นๆ ผลการสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวคงจะสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของประชาชนที่มีต่อ “นักการเมือง” เป็นอย่างดี
“นักการเมืองเป็นผู้มีอำนาจและมีโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ ถึงแม้ว่าประเทศที่เจริญแล้วจะมีกติกาทางการเมืองที่มีความเข้มข้นและรัดกุมยิ่ง อีกทั้งนักการเมืองมีมาตรฐานทางการเมืองสูงแต่ก็ไม่วายที่จะถูกจับตามองและถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากประชาชนและสื่อสารมวลชน”
เมื่อหันกลับมามองดูนักการเมืองไทยแล้วก็เป็นที่น่าอเนจอนาถใจนัก เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบ ดีแต่ตีฝีปากใช้โวหารไปวันๆ เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่มีวุฒิภาวะ มีพฤติการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ฯลฯ
อนาคตของ การเมืองไทย จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ การมีนักการเมืองที่ดีมีคุณภาพและมีคนรุ่นใหม่เข้าสู่เวทีการเมืองมากขึ้น พรรคการเมืองไม่ใช่กลุ่มทุนเป็นเจ้าของ หากแต่เป็นสถาบันการเมืองที่มีประชาชนเป็นเจ้าของ รวมถึงสื่อสารมวลชนทำหน้าที่เป็นสุนัขเฝ้าบ้านให้กับประชาชน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ไม่ใช่รับใช้กลุ่มทุนและนักการเมืองเพื่อผลประโยชน์ทางธุกิจ
สิ่งที่กล่าวมานี้คงจะสะท้อนให้เห็นถึง ความล้มเหลวของการเมืองไทย ที่เกิดจากนักการเมืองไม่มีคุณภาพและไม่มีมาตรฐานเพียงพอกับการทำงานใหญ่เพื่อรักษาบ้านเมืองและพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญมั่นคง ในห้วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมานักการเมืองได้รุมทึ้งกัดกินชาติบ้านเมืองจนแทบไม่เหลือซาก
มีการทุจริตคอรัปชั่นกันอย่างมโหฬาร โดยวิธีการทุจริตเชิงนโยบาย และการมีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่เคยคำนึงถึงความเจริญมั่นคงของประเทศชาติและความเจริญผาสุกของประชาชนแต่อย่างใด ใช้นโยบายประชานิยมหลอกล่อมอมเมาประชาชนระดับฐานรากให้มีความพึงพอใจกับการช่วยเหลือต่างๆ นานา โดยไม่คำนึงถึงวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ..
นักการเมืองที่ดียังมีอีกหรือไม่ในประเทศเรานี้
นักการเมืองทีมอมเมา ประชาชน ด้วยประชานิยม ต้องการอะไร ?
การเมือง เป็นเรื่องของอำนาจและผลประโยชน์ ซึ่งเป็นสิ่งที่หอมหวลยวนเย้าใจของผู้คนส่วนใหญ่ที่อยากมีอำนาจทางการเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์ต่างๆ แต่มีเพียงคนน้อยนิดเท่านั้นที่เข้าสู่เส้นทางการเมืองอย่างมีอุดมการณ์ด้วยจิตใจที่เสียสละ โดยมุ่งหวังทำงานการเมืองให้เกิดประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนเป็นสำคัญ...
แม้กระนั้นก็ตามจากการสำรวจความคิดเห็นของประชาชนที่มีต่อ “นักการเมือง” ในประเทศต่างๆ ทั่วโลก ปรากฏว่าอาชีพนักการเมืองเป็นอาชีพที่ประชาชนไม่ไว้วางใจมากที่สุดเมื่อเปรียบเทียบกับอาชีพอื่นๆ ผลการสำรวจความคิดเห็นดังกล่าวคงจะสะท้อนให้เห็นถึงทัศนคติของประชาชนที่มีต่อ “นักการเมือง” เป็นอย่างดี
“นักการเมืองเป็นผู้มีอำนาจและมีโอกาสแสวงหาผลประโยชน์ทางการเมืองในรูปแบบต่างๆ ถึงแม้ว่าประเทศที่เจริญแล้วจะมีกติกาทางการเมืองที่มีความเข้มข้นและรัดกุมยิ่ง อีกทั้งนักการเมืองมีมาตรฐานทางการเมืองสูงแต่ก็ไม่วายที่จะถูกจับตามองและถูกตรวจสอบอย่างใกล้ชิดจากประชาชนและสื่อสารมวลชน”
เมื่อหันกลับมามองดูนักการเมืองไทยแล้วก็เป็นที่น่าอเนจอนาถใจนัก เพราะส่วนใหญ่ไม่ได้ทำหน้าที่ของตนด้วยความรับผิดชอบ ดีแต่ตีฝีปากใช้โวหารไปวันๆ เอาดีใส่ตัวเอาชั่วใส่คนอื่น ไม่มีวุฒิภาวะ มีพฤติการณ์ที่ไม่น่าไว้วางใจ ฯลฯ
อนาคตของ การเมืองไทย จะมีพัฒนาการที่ดีขึ้นหรือไม่นั้นขึ้นอยู่กับหลายปัจจัย ได้แก่ การมีนักการเมืองที่ดีมีคุณภาพและมีคนรุ่นใหม่เข้าสู่เวทีการเมืองมากขึ้น พรรคการเมืองไม่ใช่กลุ่มทุนเป็นเจ้าของ หากแต่เป็นสถาบันการเมืองที่มีประชาชนเป็นเจ้าของ รวมถึงสื่อสารมวลชนทำหน้าที่เป็นสุนัขเฝ้าบ้านให้กับประชาชน ผู้ซึ่งเป็นเจ้าของประเทศอย่างแท้จริง ไม่ใช่รับใช้กลุ่มทุนและนักการเมืองเพื่อผลประโยชน์ทางธุกิจ
สิ่งที่กล่าวมานี้คงจะสะท้อนให้เห็นถึง ความล้มเหลวของการเมืองไทย ที่เกิดจากนักการเมืองไม่มีคุณภาพและไม่มีมาตรฐานเพียงพอกับการทำงานใหญ่เพื่อรักษาบ้านเมืองและพัฒนาประเทศชาติให้มีความเจริญมั่นคง ในห้วงเวลากว่าทศวรรษที่ผ่านมานักการเมืองได้รุมทึ้งกัดกินชาติบ้านเมืองจนแทบไม่เหลือซาก
มีการทุจริตคอรัปชั่นกันอย่างมโหฬาร โดยวิธีการทุจริตเชิงนโยบาย และการมีผลประโยชน์ทับซ้อน ไม่เคยคำนึงถึงความเจริญมั่นคงของประเทศชาติและความเจริญผาสุกของประชาชนแต่อย่างใด ใช้นโยบายประชานิยมหลอกล่อมอมเมาประชาชนระดับฐานรากให้มีความพึงพอใจกับการช่วยเหลือต่างๆ นานา โดยไม่คำนึงถึงวินัยทางการเงินการคลังของประเทศ..
นักการเมืองที่ดียังมีอีกหรือไม่ในประเทศเรานี้