สวัสดีค่ะ เมื่อช่วงกลางเดือน พ.ค. ที่ผ่านมา เราได้ลางานไปเที่ยวสิงคโปร์กับเพื่อน กะว่าจะพักร้อน แต่ดัน ไปเจอร้อนกว่าซะนี่ 55555

จริงๆ มีการวางแผนล่วงหน้านานมาก เพราะตั้งใจจะประหยัดงบให้มากที่สุด เลยต้องคอยส่องหาตั๋วเครื่องบินราคาถูก พอมีโปรปุ๊บ เราก็สอยปั๊บ เราทั้งสี่คนจึงเดินทางด้วยตั๋วเครื่องบินราคาโปรจาก Jetstar ได้ราคาคนละ 2,700 บาท ราคาโออยู่นะ

ตั๋วพร้อม คนพร้อม แล้วที่พักล่ะ จากประสบการณ์การไปสิงคโปร์เมื่อปีที่แล้วเราเคยพักที่ Beary Best เป็น Hostel ย่าน Chinatown เอาจริงๆ คนที่เคยไปสิงคโปร์หลายคนก็น่าจะเคยไปพักที่นี่ เพราะราคาไม่แพง และยังอยู่ ใจกลางสถานที่เที่ยวหลักด้วย หลังจากลงความเห็นกับเพื่อนๆ แล้วว่าที่นี่โอเค ก็จัดการจองเลยจ้า

ทริปสิงคโปร์นี้ ไปทั้งหมด 3 วัน 2 คืน ใช้เงินแค่ 6,000 นิดๆ รวมทุกอย่างแล้ว จะครบและอิ่มแค่ไหน ตามมาเล้ยยยย

- ก่อนอื่นมาดูแผนกันก่อน เราทำแผนละเอียดเพราะตั้งใจจะไม่ซื้อ sim เล่นเนต ^^ เลยต้องหาข้อมูลแบบเป๊ะๆ ให้มากที่สุด


- และอย่าลืมโหลดแอพที่ชื่อว่า M Singapore แอพนี้จะช่วยให้เราเดินทางได้ง่ายขึ้น มีแผนที่ของทุกสถานี และสามารถคำนวณได้ว่าจากสถานีนี้ จะไปอีกสถานี ต้องนั่งรถ หรือเปลี่ยนขบวนยังไง ใช้ง่ายมากด้วย แนะนำเลย


- มาดูสรุปกันก่อนว่า 3 วันนี้ เราไปที่ไหนบ้าง

วันที่ 1 : สุวรรณภูมิ --- สนามบินชางฮี --- Merlion Park --- Marina bay sands --- Clarke Quay
วันที่ 2 : Sentosa Island --- วัดเจ้าแม่กวนอิม Kwan Im Thong Hood Cho Temple --- Gardens by the Bay --- Marina Barrage --- Chinatown
วันที่ 3 : Fort Canning Park --- Red dot design museum --- วัดพระเขี้ยวแก้ว --- กลับไทย


พร้อมออกเดินทางกันได้เลยจ้า


วันที่ 1 : สุวรรณภูมิ --- สนามบินชางฮี --- Merlion Park --- Marina bay sands --- Clarke Quay

- เป็นครั้งแรกที่ได้นั่งเครื่องของสายการบิน Jetstar


ที่นั่งก็เป็นแบบ 3-3 แต่มีความรู้สึกว่านั่งสบายนะ ไม่เมื่อย เหมือนที่วางขาจะกว้างกว่า AirAsia เล็กน้อย ขอยืมภาพประกอบจากคุณ Cookie @cookiecoffee.com


หลับไปแปบเดียวก็ถึงสิงคโปร์แล้ว ใช้เวลาเพียงแค่ 2 ชั่วโมงกว่าๆ เท่านั้น มาถึงก็เดินตามป้าย Arrival ไปจนถึง ตม. เลย
เอารูปการกรอกใบขาเข้ามาฝากค่ะ


ผ่าน ตม. ก็ไม่มีอะไรน่ากลัว สแกน ปั๊ม ผ่านโลด

- หลังจากผ่าน ตม. แล้ว ให้เราเดินตามป้าย Train to city ไปเรื่อยๆ เราจะได้ขึ้น skytrain ที่ออกจาก Terminal ไปส่งที่ MRT สถานี “Changi Airport station”

ที่นี่แหละที่เราจะซื้อบัตร Tourist Pass 3-day คำนวณมาเรียบร้อยว่าใช้บัตรนี้คุ้มสุด จะขึ้นรถเมล์ หรือรถไฟกี่เที่ยวก็ได้ เหมาะกับคนที่ทริปแน่นแบบเรา ราคาอยู่ที่ 20 SGD ต่อคน แต่เค้าจะมีค่าประกันบัตรอีก 10 SGD วันสุดท้ายเอาบัตรมาคืน ก็รับเงินคืนไป หรือใครอยากซื้อแบบ 1 หรือ 2 วันก็มีนะ
ดูข้อมูลต่อที่นี่เลย http://www.thesingaporetouristpass.com.sg/get-singapore-tourist-pass/

วันนั้นไปถึงแล้วรีบ เลยไม่ได้ถ่ายรูปเคาน์เตอร์มา จึงขอยืมภาพประกอบจากกระทู้ของคุณ BlissOutThere มาให้เพื่อนๆ ดูเป็นตัวอย่างนะคะ


เข้ามาในสถานีแล้ว

เราจะเริ่มเดินทางไป check in ที่พักก่อน ที่พักเราอยู่ที่สถานี Chinatown ก็นั่งรถไฟไปลงสถานี Tanah Merah และให้ออกจากรถมาขึ้นขบวนรถอีกฝั่งหนึ่ง สังเกตป้ายว่า to Joo Koon เป็นสถานีปลายทาง และเปลี่ยนขบวนที่สถานี Outram Park มาลงที่สถานี Chinatown

หลังจากที่ check in ที่พักเรียบร้อยแล้ว เพื่อไม่ให้เสียเวลา เรามุ่งหน้าไปดูสิงโตพ่นน้ำ Merlion Park แหล่งท่องเที่ยวสุดฮิตที่เป็นแลนด์มาร์ค

- การเดินทางก็ง่ายมาก ให้เรานั่งรถมาลงที่สถานี Raffles Place เดินตามป้ายทางออกที่เขียนว่าไป โรงแรม Fullerton พอออกมาจากสถานี ก็เดินตรงไปทางโรงแรม Fullerton เดินผ่านหน้าโรงแรม และเดินตามทางไปเรื่อยๆ ข้ามถนน ลงไปเดินใต้สะพานที่มีทางลอดเชื่อมไปยัง Merlion Park หรือถ้าใครจะข้ามสีแยกไฟแดงด้านบนก็ได้เหมือนกัน


เรามาถึงตอนห้าโมงเย็น คนเยอะมากๆ ไม่รู้เวลาอื่นคนจะเยอะแบบนี้รึป่าว


  ถ่ายรูปเก็บภาพเป็นที่ระลึกให้หนำใจ แล้วก็ออกเดินทางต่อ จะไปห้าง Marina Bay Sands ที่อยู่ฝั่งตรงข้าม ทริปนี้เน้นเดิน เดิน แล้วก็เดิน

ระหว่างที่เราเดินไป สังเกตได้ว่ามีคนวิ่งออกกำลังกายผ่านไปแบบเยอะมากๆ หรือเดินผ่านตึกสำนักงาน ใต้ตึกก็จะมีกลุ่มเต้นแอโรบิกกัน ดูแล้วคนที่นี่รักสุขภาพกันมากๆ เลยนะคะ เหมือนสถานที่เค้าเอื้ออำนวยด้วยแหละ แบบเลิกงานแล้ว สามารถลงมาวิ่งได้เลย วิ่งได้ทุกที่ ไม่ต้องเดินทางไปสวนสาธารณะ หรือไม่ต้องกังวลว่าวิ่งๆ ไปแล้วจะตกท่อ

อาคารสำนักงานที่นี่ดูสวยและทันสมัยมากๆ ค่ะ ยิ่งตอนใกล้ค่ำ แต่ละตึกจะเปิดไฟ ทำให้บรรยากาศดีมากเลยยยย


เดินไกลพอสมควร อากาศก็อบอ้าว แต่ก็แลกกับการได้เห็นวิว และวิถีชีวิตของคนที่นี่ เพลินดีเหมือนกันค่ะ ในที่สุดเราก็ถึงห้าง Marina Bay Sands แล้ว

- ตอนนั้นประมาณทุ่มนึง หิวมากแล้วด้วย แวะกินข้าวที่นี่แหละ แต่....เรามาแบบประหยัดค่ะ คงสู้ราคาร้านอาหารไม่ไหวจริงๆ 55555 ไปกินที่ Food Court ในห้าง Marina Bay Sands ดีกว่า ชื่อว่า RasaPura Masters อยู่ที่ชั้น B2 อาหารมีให้เลือกเยอะมากมาย ครบหมด ทั้งอาหารฝรั่ง อาหารจีน อาหารญี่ปุ่น อาหารไทย ราคาแต่ละจานอยู่ระหว่าง 6-15 เหรียญดอลลาร์สิงคโปร์


จขกท. จัดข้าวมันไก่มา 1 ชุด ด้วยความที่หิวมาก ลืมถ่ายรูปเลย แต่รู้สึกว่าคุ้มมาก อร่อยมากด้วย อยากกลับไปซ้ำอีก 55555

พอสามทุ่ม เราก็ออกไปจับจองพื้นที่ด้านหน้าห้าง เพราะตามแผนของเรา ที่นี่จะมีการแสดงแสงสี Wonder Full Light & Water หาข้อมูลมาแล้วมี 2 รอบ คือ 20.00 น. และ 21.30 น. เราสามารถดูการแสดงได้ 2 ฝั่ง คือ ฝั่ง Merlion Park และฝั่ง Marina Bay Sands

-   ฝั่ง Merlion Park เป็นการแสดงแสงสีที่ตัวตึก Marina Bay Sands และยิงแสงเลเซอร์ที่ดาดฟ้ารูปเรือ มีดนตรีประกอบการแสดง
-   ฝั่งหน้าห้าง Marina Bay Sands เป็นการแสดงน้ำพุ ยิงภาพ ตัวอักษร เรื่องราว ทาง video projectors ออกมาที่ม่านละอองน้ำเป็นภาพ 3 มิติ มีดนตรีประกอบการแสดง

รอไปสามทุ่มครึ่งก็แล้ว ผ่านมา 5 นาทีก็แล้ว ทุกอย่างยังกริบบบบ แต่จะว่าเราเข้าใจผิดก็ไม่น่าใช่ เพราะผู้ร่วมชะตากรรมมีเพียบบบบ ต่างคนต่างมานั่งรอชมการแสดง และในที่สุดดดดด เราก็ถูกเทค่ะ 55555 เจ้าหน้าที่เดินออกมาประกาศว่า ไม่มีการแสดง อยู่ระหว่างการซ่อมแซม หึหึ พลาดมาก นึกว่าทำการบ้านดีแล้วเชียว


หลังจากนั้นเราเตรียมไป Clarke Quay ต่อ แต่ก่อนขึ้นรถไฟ ขอแวะไปถ่ายรูปคู่กับตึกดอกบัว และสะพาน Helix ก่อน ซึ่งอยู่ทางด้านขวาของห้าง Marina Bay Sands เลย ไฟตอนกลางคืนนี่สวยสุดๆ


- เดินทางต่อไป Clarke Quay ให้เราขึ้นรถไฟจากสถานี Bayfront อยู่ในห้างเลย มีป้ายบอกทางอยู่ในห้างนะ เดินตามป้ายไป และเราก็มุ่งหน้าไปที่สถานี Clarke Quay

ถึงแล้ววว Clarke Quay ที่นี่เราจะได้เห็นร้านประเภทผับ บาร์เยอะแยะมากมาย อยู่ริมแม่น้ำสิงคโปร์ เหมาะสำหรับมานั่งดื่มสังสรรค์กัน บรรยากาศชิลสุดๆ ไปเลย แต่ละร้านจะเปิดเพลง มีแสงสีสวยๆ ประกอบ เป็นวิวที่เก๋ไปอีกแบบ

จบวันที่ 1 กลับไปชาร์ตพลังเตรียมลุยวันที่ 2 ต่อเลย