นานมาแล้วสมัยยังอบรมเพศศึกษาให้น้องๆ โดยได้รับทุนจากUNICEF พบว่า สุขศึกษาในโรงเรียนไม่ได้สอนใจสิ่งที่เค้าอยากรู้
เช่น จะซื้อถุงยางยังไง วัดขนาดอย่างไร ประจำเดือนมาทุกกี่วัน การป้องกันไม่ให้ท้องมีอะไรบ้าง หรือหากไม่ได้ป้องกันจะทำอย่างไรบ้าง
ที่สำคัญ"ทักษะการปฏิเสธ"ด้วยครับ
เฮ่ยอันตรายนะครับ เรากำลังซุกปัญหาไว้ได้พรมอันสวยงาม เคยมีคนถามว่าเราสอนเค้าไปจะชี้โพรงให้กระรอกไหม ไม่หรอกครับ กระรอกมันจ้องจะหหาโพรงอยู่แล้วต้องสอนให้รู้จักป้องกัน ยิ่งสมัยนี้มีทั้งข้อมูลที่ผิดและถูกยิ่งต้องสอน
///*มาถึงเนื้อหาข่าว
ผม copy มาบางส่วนนะครับ
อ่านเพิมเติมlink ท้ายบทความ*///
********************
ผลวิจัยยูนิเซฟ- ม.มหิดล เผยโรงเรียนไทยสอนเพศศึกษาไม่รอบด้าน เน้นสอนสรีระ พัฒนาการทางเพศ ปลูกฝังเด็กเลี่ยงมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ส่งผลเด็กไทยขาดทักษะจัดการเรื่องเพศ ไม่เห็นด้วยกับความเท่าเทียมทางเพศ สิทธิ ความเสมอภาค ความหลากหลายทางเพศ แต่ยอมรับได้กับความรุนแรงในครอบครัว
รายงานผลการวิจัยเพื่อทบทวนการสอนเพศวิถีในสถานศึกษาไทย สำรวจข้อมูลนักเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา 8,837 คน และครู 692 คนในโรงเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา 398 แห่ง ช่วงเดือน ก.ย. 2558 ถึงเดือน มี.ค.2559 ชี้อีกว่า การสอนเพศศึกษาไม่ให้ความสำคัญเรื่องการเคารพสิทธิของผู้อื่น ส่งผลนักเรียนจำนวนมากมีทัศนคติเชิงลบ ไม่เห็นด้วยกับความเท่าเทียมกันทางเพศและสิทธิทางเพศ และยอมรับความรุนแรงในครอบครัวในบางกรณี
สะท้อนจากผลวิจัย ร้อยละ 41 ของนักเรียนชายอาชีวะที่สำรวจ มีทัศนคติที่เป็นปัญหาเรื่องเพศภาวะ เพศวิถี โดยเชื่อว่าสามีมีสิทธิ์ทุบตีภรรยาได้หากพบว่าภรรยาไม่ซื่อสัตย์ ขณะที่ นักเรียนชายชั้น ม.1-3 ประมาณครึ่งหนึ่ง เชื่อว่าการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิด
รายงานที่จัดทำโดยศูนย์นโยบายสาธารณสุข ม.มหิดล องค์การยูนิเซฟและความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ยังเปิดเผยผลวิจัยที่น่าสนใจอีกว่า สถานศึกษาไทยแทบทุกแห่งสอนเพศวิถีศึกษาไม่รอบด้าน เน้นสอนสรีระ พัฒนาการทางเพศ การหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน และการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
50% นร.ชาย ม.1-3 เชื่อการมีเซ็กซ์กับเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิด
70% ของผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รายใหม่อยู่ในเยาวชน 15-24 ปี
วัยรุ่นไทย 15-19 ปี ให้กำเนิดบุตร 51 คน ต่อวัยรุ่น 1,000 คน (2559) สูงลำดับต้นอาเซียน
นอกจากนี้ ยังพบว่าครูเกินครึ่งหนึ่งไม่ได้รับการอบรมการสอนเพศวิถีศึกษา ทำให้มักใช้วิธีสอนแบบบรรยาย แทนการจัดกิจกรรมให้เด็กคิด วิเคราะห์และตั้งคำถามเชิงลึก
นางวาเลรี ตาตอน รองผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า "การที่โรงเรียนแทบทุกแห่งในประเทศไทยมีการสอนเพศศึกษาถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน การที่นักเรียนจำนวนมากยังขาดทักษะที่จำเป็นในการมีสุขภาวะทางเพศยังคงเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง"
พร้อมระบุว่าการจะลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น หรือลดจำนวนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มเยาวชน ต้องช่วยให้เด็กรู้จักตนเองและมีทักษะที่จำเป็น ตลอดจนมีความมั่นใจในการตัดสินใจที่ถูกต้องต่อวิถีทางเพศของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ได้ให้ข้อเสนอแนะให้สถานศึกษาสอนเพศวิถีศึกษา โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์ ตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็น พร้อมเสนอให้เพิ่มเวลาสอนวิชานี้ ร่วมกับการจัดอบรมครูที่สอนเรื่องเหล่านี้ในชั้นเรียน
ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจจากการสำรวจ
- มีนักเรียนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ตอบคำถามเกี่ยวกับการมีประจำเดือนและรอบเดือนได้อย่างถูกต้อง
- นักเรียนหญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วหลายคนบอกว่ายาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด
- นักเรียนชายจำนวนมากไม่ต้องการใช้ถุงยางอนามัย
- นักเรียนมัธยมศึกษาหญิงเพียงร้อยละ 54 เท่านั้น ที่บอกว่ามั่นใจว่าจะสามารถต่อรองที่จะใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
***************
ที่มา: โรงเรียนไทย สอนเพศศึกษา ไม่ช่วยวัยรุ่นมีทักษะเรื่องเพศ, 31 พฤษภาคม 2017,
http://www.bbc.com/thai/thailand-40103687?ocid=socialflow_facebook
โรงเรียนไทย สอนเพศศึกษา ไม่ช่วยวัยรุ่นมีทักษะเรื่องเพศ
เช่น จะซื้อถุงยางยังไง วัดขนาดอย่างไร ประจำเดือนมาทุกกี่วัน การป้องกันไม่ให้ท้องมีอะไรบ้าง หรือหากไม่ได้ป้องกันจะทำอย่างไรบ้าง
ที่สำคัญ"ทักษะการปฏิเสธ"ด้วยครับ
เฮ่ยอันตรายนะครับ เรากำลังซุกปัญหาไว้ได้พรมอันสวยงาม เคยมีคนถามว่าเราสอนเค้าไปจะชี้โพรงให้กระรอกไหม ไม่หรอกครับ กระรอกมันจ้องจะหหาโพรงอยู่แล้วต้องสอนให้รู้จักป้องกัน ยิ่งสมัยนี้มีทั้งข้อมูลที่ผิดและถูกยิ่งต้องสอน
///*มาถึงเนื้อหาข่าว
ผม copy มาบางส่วนนะครับ
อ่านเพิมเติมlink ท้ายบทความ*///
********************
ผลวิจัยยูนิเซฟ- ม.มหิดล เผยโรงเรียนไทยสอนเพศศึกษาไม่รอบด้าน เน้นสอนสรีระ พัฒนาการทางเพศ ปลูกฝังเด็กเลี่ยงมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน ส่งผลเด็กไทยขาดทักษะจัดการเรื่องเพศ ไม่เห็นด้วยกับความเท่าเทียมทางเพศ สิทธิ ความเสมอภาค ความหลากหลายทางเพศ แต่ยอมรับได้กับความรุนแรงในครอบครัว
รายงานผลการวิจัยเพื่อทบทวนการสอนเพศวิถีในสถานศึกษาไทย สำรวจข้อมูลนักเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา 8,837 คน และครู 692 คนในโรงเรียนมัธยมศึกษาและอาชีวศึกษา 398 แห่ง ช่วงเดือน ก.ย. 2558 ถึงเดือน มี.ค.2559 ชี้อีกว่า การสอนเพศศึกษาไม่ให้ความสำคัญเรื่องการเคารพสิทธิของผู้อื่น ส่งผลนักเรียนจำนวนมากมีทัศนคติเชิงลบ ไม่เห็นด้วยกับความเท่าเทียมกันทางเพศและสิทธิทางเพศ และยอมรับความรุนแรงในครอบครัวในบางกรณี
สะท้อนจากผลวิจัย ร้อยละ 41 ของนักเรียนชายอาชีวะที่สำรวจ มีทัศนคติที่เป็นปัญหาเรื่องเพศภาวะ เพศวิถี โดยเชื่อว่าสามีมีสิทธิ์ทุบตีภรรยาได้หากพบว่าภรรยาไม่ซื่อสัตย์ ขณะที่ นักเรียนชายชั้น ม.1-3 ประมาณครึ่งหนึ่ง เชื่อว่าการมีความสัมพันธ์ทางเพศกับเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิด
รายงานที่จัดทำโดยศูนย์นโยบายสาธารณสุข ม.มหิดล องค์การยูนิเซฟและความร่วมมือกับสำนักงานคณะกรรมการการศึกษาขั้นพื้นฐาน สำนักงานคณะกรรมการการอาชีวศึกษา ยังเปิดเผยผลวิจัยที่น่าสนใจอีกว่า สถานศึกษาไทยแทบทุกแห่งสอนเพศวิถีศึกษาไม่รอบด้าน เน้นสอนสรีระ พัฒนาการทางเพศ การหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์ก่อนแต่งงาน และการป้องกันการตั้งครรภ์ที่ไม่พึงประสงค์
50% นร.ชาย ม.1-3 เชื่อการมีเซ็กซ์กับเพศเดียวกันเป็นสิ่งผิด
70% ของผู้ติดเชื้อโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์รายใหม่อยู่ในเยาวชน 15-24 ปี
วัยรุ่นไทย 15-19 ปี ให้กำเนิดบุตร 51 คน ต่อวัยรุ่น 1,000 คน (2559) สูงลำดับต้นอาเซียน
นอกจากนี้ ยังพบว่าครูเกินครึ่งหนึ่งไม่ได้รับการอบรมการสอนเพศวิถีศึกษา ทำให้มักใช้วิธีสอนแบบบรรยาย แทนการจัดกิจกรรมให้เด็กคิด วิเคราะห์และตั้งคำถามเชิงลึก
นางวาเลรี ตาตอน รองผู้แทนองค์การยูนิเซฟ ประเทศไทย กล่าวว่า "การที่โรงเรียนแทบทุกแห่งในประเทศไทยมีการสอนเพศศึกษาถือเป็นเรื่องที่น่ายินดี แต่ในขณะเดียวกัน การที่นักเรียนจำนวนมากยังขาดทักษะที่จำเป็นในการมีสุขภาวะทางเพศยังคงเป็นสิ่งที่น่ากังวลอย่างยิ่ง"
พร้อมระบุว่าการจะลดการตั้งครรภ์ในวัยรุ่น หรือลดจำนวนโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ในกลุ่มเยาวชน ต้องช่วยให้เด็กรู้จักตนเองและมีทักษะที่จำเป็น ตลอดจนมีความมั่นใจในการตัดสินใจที่ถูกต้องต่อวิถีทางเพศของพวกเขา
อย่างไรก็ตาม งานวิจัยนี้ได้ให้ข้อเสนอแนะให้สถานศึกษาสอนเพศวิถีศึกษา โดยเน้นกระบวนการเรียนรู้ให้ผู้เรียนสามารถคิดวิเคราะห์ ตั้งคำถามและแสดงความคิดเห็น พร้อมเสนอให้เพิ่มเวลาสอนวิชานี้ ร่วมกับการจัดอบรมครูที่สอนเรื่องเหล่านี้ในชั้นเรียน
ข้อมูลอื่นๆ ที่น่าสนใจจากการสำรวจ
- มีนักเรียนเพียงส่วนน้อยเท่านั้นที่ตอบคำถามเกี่ยวกับการมีประจำเดือนและรอบเดือนได้อย่างถูกต้อง
- นักเรียนหญิงที่เคยมีเพศสัมพันธ์แล้วหลายคนบอกว่ายาคุมฉุกเฉินเป็นวิธีหลักในการคุมกำเนิด
- นักเรียนชายจำนวนมากไม่ต้องการใช้ถุงยางอนามัย
- นักเรียนมัธยมศึกษาหญิงเพียงร้อยละ 54 เท่านั้น ที่บอกว่ามั่นใจว่าจะสามารถต่อรองที่จะใช้ถุงยางอนามัยทุกครั้งเมื่อมีเพศสัมพันธ์
***************
ที่มา: โรงเรียนไทย สอนเพศศึกษา ไม่ช่วยวัยรุ่นมีทักษะเรื่องเพศ, 31 พฤษภาคม 2017, http://www.bbc.com/thai/thailand-40103687?ocid=socialflow_facebook