เรากับแฟนคบกันมา5ปีกว่า...ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมาสำหรับเราแล้วคือช่วงเวลาที่มีความสุข คือช่วงเวลาและความทรงจำที่แสนดี...แต่แล้ววันหนึ่งเวลาแห่งความสุขมันจบลงไปเพราะเขานอกใจเรา เราจับได้ว่าเขาแอบกิ๊กกับเพื่อนในกลุ่มเขา ซึ่งเราก็รู้จักผู้หญิงคนนี้และสนิทกับผู้หญิงคนนี้ในระดับหนึ่ง ที่ผ่านมาเราไม่เคยระแวงผู้หญิงคนนี้เลยเพราะเขาเป็นเด็กที่เรียบร้อยมากในสายตาเรา และอีกอย่างผู้หญิงคนนี้เขามีแฟนอยู่แล้วด้วยซึ่งเราก็รู้จักเพราะเขาไปมาหาสู่กันตลอด...แต่แล้วความไว้ใจที่เรามีให้เขาทั้งคู่กลับมาทำลายเรา...เขาสองคนเริ่มมีพฤติกรรมเปลี่ยนไปจนเราเริ่มสงสัย เราเลยตัดสินใจถามไปตรงๆว่า"แอบกิ๊กกันป่าวสองคนนี้" ทั้งคู่ปฏิเสธว่าเป็นแค่เพื่อนเท่านั้น ด้วยความที่เราไว้ใจบวกกับความโง่เลยไม่ได้คิดไรมาก จนวันหนึ่งที่ผู้หญิงคนนี้เริ่มเข้าๆออกๆบ้านแฟนเราบ่อยมากขึ้น ความสงสัยบวกความระแวงที่มีในใจเรายิ่งเพิ่มขึ้น เราตัดสินใจทักเฟสไปหาแฟนของผู้หญิงคนนั้นว่า"ยังคบกันอยู่ไหม?" เขาตอบเราว่า "ผู้หญิงคนนั้นขอเลิกกับเขาแล้ว ผู้หญิงคนนั้นบอกเขาว่ากำลังคบกับแฟนเรา"
แต่เราเลือกที่จะนิ่ง เลือกที่จะไม่พูด เลือกที่จะโง่ เพียงเพราะเรารักเขามาก เรายังเลือกที่เชื่อแฟนเราตลอดมา เรื่องนี้ผ่านไปไม่ถึงเดือนผู้หญิงคนนั้นเริ่มโพสต์รูปกอดและจับมือกับแฟนเรา ในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนั้นแล้ว เราเลยขอเลิกแฟน แต่เราเลิกกันได้ไม่นานเราก็กลับมาคืนดีกันเพราะเขาขอโอกาสและเรายังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ เราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่โดยที่เราหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยความรัก แต่แล้วมันต้องพังลงอีกครั้งเพราะมีคนส่งข้อความมาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นมาหาแฟนเราที่บ้านนะ เขาสองคนมานอนด้วยกันได้หลายวันแล้ว วันนั้นที่เราได้รับรู้ เรารีบแลกเวรกับเพื่อนร่วมงานเพื่อที่จะเห็นด้วยตาตัวเอง เราไปถึงที่บ้านเขาตอนตีสามกว่าๆ เราเปิดห้องไปเจอผู้หญิงคนนั้นกำลังนอนกอดแฟนเราอยู่ ผู้หญิงคนนั้นกับแฟนเราตื่นมาตกใจมากที่เห็นเรา สิ่งที่เราทำได้ตอนนั้นคือยิ้มให้เขาทั้งคู่ เราถามเขาว่ามีความสุขไหมที่หักหลังเพื่อนแบบนี้ มีความสุขไหมที่นอนกอดกันแล้วหลอกเราว่าเป็นเพื่อนกัน เรื่องคืนนั้นจบลงด้วยการที่เขาบอกว่าเลือกเรา(ทั้งๆที่เราควรเลือกที่จะเลิกกับเขา) แล้วเขาก็ส่งผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถ.....เหมือนเรื่องทุกอย่างจะจบลงในวันนั้น
แต่แล้วเมื่อเรากลับมาทำงาน เขาสองคนก็แอบไปอยู่ด้วยกัน เราเลยตัดสินใจเลือกเดินออกมา เพราะเราคิดว่านั้นคือความสุขเขา เรายินดียอมเลิกให้ ที่ผ่านมาเราร้องไห้ทุกคืนวัน แต่ช่วงเวลาที่เราเลือกเดินออกมาจากชีวิตเขา เราพยายามไม่ติดต่อเขาเลย แต่แล้ววันหนึ่งที่เราป่วย เขากลับมาหาเรา เขามาเยี่ยมเราและอยู่ข้างๆเราและคอยดูแลเราเป็นอย่างดี เราเลยถามเขาว่ากลับมาคบกันไหมและเริ่มต้นกันใหม่เราพร้อมให้โอกาสเธอ (ซึ่งเราก็รู้ว่าในระหว่างที่เขามาดูแลเรา ผู้หญิงคนนั้นก็ยังใช้ชีวิตอยู่บ้านแฟนเรา) แต่เขาตอบเราว่า "เขาไม่อยากทำให้เราต้องเสียใจอีกแล้ว เขาอยากให้เรามีความสุข ถ้ากลับมาคบกันแล้ววันหนึ่งต้องเลิกกันอีกละ
" เราเลยเลือกที่จะเงียบและยอมรับในความสัมพันธ์ที่มันลดเหลือแค่เพื่อน...จนวันนี้ที่เราเลิกกันไป เราก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เราเกลียดเขาไม่ลงแม้รู้ว่าวันนี้ผู้หญิงคนนั้นยังมาใช้ชีวิตอยู่กับเขา ถึงแม้เขาจะบอกว่า คิดกับผู้หญิงคนนั้นแค่เพื่อน ถึงแม้เขาจะบอกว่าพยายามให้ผู้หญิงคนนี้กลับบ้านแล้วก็ตาม (ถึงแม้เขาไม่ยอมรับแต่เราเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาสองคนคบกันในฐานะคนรัก)
ในวันนี้ที่เรากลับไปคบกันไม่ได้แล้ว เราก็ยังรอเขา เราคิดเข้าข้างตัวเราเองว่าเขายังรักเราอยู่ เราไม่กล้าทิ้งเขาไปไหนเพราะเราเป็นห่วงเขา เราคิดว่าไม่มีใครที่จะรักเขาและดูแลเขาได้ดีเท่าเราแล้ว เราเลยยังรอเขาอยู่ตรงนี้....แม้กระทั่งมีคนมาจีบเรา เรายังไม่กล้าคุยด้วยเลย เพราะเรากลัวเขาเสียใจถ้าเขารู้ เพราะเรารู้ดีว่าการเสียใจมันเจ็บปวดมากแค่ไหน (แม้เขาจะบอกเราให้คบคนอื่นเหอะ)
#เราควรทำไงถึงจะตัดใจและเดินออกมาจากชีวิตเขาได้
#เราควรทำยังไงถึงจะกล้ามีแฟนใหม่โดยที่เราไม่ต้องกลัวเขาเสียใจ
(ปล.ต้องขออภัยด้วยนะคะ ที่อาจเล่าไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเราไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกที่มีในใจของเราออกไปยังไงให้คนอื่นรับรู้ และต้องขอโทษด้วยที่อาจอ่านลำบากเพราะเราพิมพ์ในโทรศัพท์)
รักมากหรือโง่เกินไป?
แต่เราเลือกที่จะนิ่ง เลือกที่จะไม่พูด เลือกที่จะโง่ เพียงเพราะเรารักเขามาก เรายังเลือกที่เชื่อแฟนเราตลอดมา เรื่องนี้ผ่านไปไม่ถึงเดือนผู้หญิงคนนั้นเริ่มโพสต์รูปกอดและจับมือกับแฟนเรา ในเมื่อทุกอย่างมันชัดเจนขนาดนั้นแล้ว เราเลยขอเลิกแฟน แต่เราเลิกกันได้ไม่นานเราก็กลับมาคืนดีกันเพราะเขาขอโอกาสและเรายังรักเขาอยู่เต็มหัวใจ เราเริ่มต้นนับหนึ่งใหม่โดยที่เราหวังว่าทุกอย่างจะผ่านไปด้วยความรัก แต่แล้วมันต้องพังลงอีกครั้งเพราะมีคนส่งข้อความมาบอกว่าผู้หญิงคนนั้นมาหาแฟนเราที่บ้านนะ เขาสองคนมานอนด้วยกันได้หลายวันแล้ว วันนั้นที่เราได้รับรู้ เรารีบแลกเวรกับเพื่อนร่วมงานเพื่อที่จะเห็นด้วยตาตัวเอง เราไปถึงที่บ้านเขาตอนตีสามกว่าๆ เราเปิดห้องไปเจอผู้หญิงคนนั้นกำลังนอนกอดแฟนเราอยู่ ผู้หญิงคนนั้นกับแฟนเราตื่นมาตกใจมากที่เห็นเรา สิ่งที่เราทำได้ตอนนั้นคือยิ้มให้เขาทั้งคู่ เราถามเขาว่ามีความสุขไหมที่หักหลังเพื่อนแบบนี้ มีความสุขไหมที่นอนกอดกันแล้วหลอกเราว่าเป็นเพื่อนกัน เรื่องคืนนั้นจบลงด้วยการที่เขาบอกว่าเลือกเรา(ทั้งๆที่เราควรเลือกที่จะเลิกกับเขา) แล้วเขาก็ส่งผู้หญิงคนนั้นขึ้นรถ.....เหมือนเรื่องทุกอย่างจะจบลงในวันนั้น
แต่แล้วเมื่อเรากลับมาทำงาน เขาสองคนก็แอบไปอยู่ด้วยกัน เราเลยตัดสินใจเลือกเดินออกมา เพราะเราคิดว่านั้นคือความสุขเขา เรายินดียอมเลิกให้ ที่ผ่านมาเราร้องไห้ทุกคืนวัน แต่ช่วงเวลาที่เราเลือกเดินออกมาจากชีวิตเขา เราพยายามไม่ติดต่อเขาเลย แต่แล้ววันหนึ่งที่เราป่วย เขากลับมาหาเรา เขามาเยี่ยมเราและอยู่ข้างๆเราและคอยดูแลเราเป็นอย่างดี เราเลยถามเขาว่ากลับมาคบกันไหมและเริ่มต้นกันใหม่เราพร้อมให้โอกาสเธอ (ซึ่งเราก็รู้ว่าในระหว่างที่เขามาดูแลเรา ผู้หญิงคนนั้นก็ยังใช้ชีวิตอยู่บ้านแฟนเรา) แต่เขาตอบเราว่า "เขาไม่อยากทำให้เราต้องเสียใจอีกแล้ว เขาอยากให้เรามีความสุข ถ้ากลับมาคบกันแล้ววันหนึ่งต้องเลิกกันอีกละ
" เราเลยเลือกที่จะเงียบและยอมรับในความสัมพันธ์ที่มันลดเหลือแค่เพื่อน...จนวันนี้ที่เราเลิกกันไป เราก็ยังตัดใจจากเขาไม่ได้ เราเกลียดเขาไม่ลงแม้รู้ว่าวันนี้ผู้หญิงคนนั้นยังมาใช้ชีวิตอยู่กับเขา ถึงแม้เขาจะบอกว่า คิดกับผู้หญิงคนนั้นแค่เพื่อน ถึงแม้เขาจะบอกว่าพยายามให้ผู้หญิงคนนี้กลับบ้านแล้วก็ตาม (ถึงแม้เขาไม่ยอมรับแต่เราเองก็รู้อยู่แก่ใจว่าเขาสองคนคบกันในฐานะคนรัก)
ในวันนี้ที่เรากลับไปคบกันไม่ได้แล้ว เราก็ยังรอเขา เราคิดเข้าข้างตัวเราเองว่าเขายังรักเราอยู่ เราไม่กล้าทิ้งเขาไปไหนเพราะเราเป็นห่วงเขา เราคิดว่าไม่มีใครที่จะรักเขาและดูแลเขาได้ดีเท่าเราแล้ว เราเลยยังรอเขาอยู่ตรงนี้....แม้กระทั่งมีคนมาจีบเรา เรายังไม่กล้าคุยด้วยเลย เพราะเรากลัวเขาเสียใจถ้าเขารู้ เพราะเรารู้ดีว่าการเสียใจมันเจ็บปวดมากแค่ไหน (แม้เขาจะบอกเราให้คบคนอื่นเหอะ)
#เราควรทำไงถึงจะตัดใจและเดินออกมาจากชีวิตเขาได้
#เราควรทำยังไงถึงจะกล้ามีแฟนใหม่โดยที่เราไม่ต้องกลัวเขาเสียใจ
(ปล.ต้องขออภัยด้วยนะคะ ที่อาจเล่าไม่ค่อยรู้เรื่องเพราะเราไม่รู้จะบรรยายความรู้สึกที่มีในใจของเราออกไปยังไงให้คนอื่นรับรู้ และต้องขอโทษด้วยที่อาจอ่านลำบากเพราะเราพิมพ์ในโทรศัพท์)