...สวัสดีค่ะ นี่เป็นกระทู้แรกที่เขียน ตื่นเต้น>< ผิดถูกยังไงมาช่วยกันแก้ไขได้นะคะ มาเริ่มกันเลยค่ะ...
กระทู้นี้เป็นการซื้อตั๋วแบบเป็นครั้งๆไปนะคะ เพราะเราใช้วิธีนี้ ไม่ได้ใช้ round trip หรือแบบเติมตังค์
เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา จขกท.ได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัว ไปกันเอง ไม่มีทัวร์วางแผนให้ ด้วยความที่พ่อแม่ต้องทำมาหากิน พี่ก็กำลังจะสอบ ภาระการวางแผนแทบทั้งหมดเลยตกเป็นของจขกท. ไอ้ที่ว่าจะไปเที่ยวไหนดีมันไม่อยากหรอกค่ะ แต่ไปยังไงนี่แหละ งงหัวจะระเบิด ใครๆเขาก็บอกว่า เที่ยวโตเกียว นั่งรถไฟสิ ง่ายสะดวก เข้าถึงทุกจุดในเมืองเลย เราก็เลยไปดูว่ามันมีสายไหนบ้าง ก็พบกับสุดยอดมหากาพย์เส้นทางรถไฟแบบนี้...
งงตาแตกเลยเนอะ 555 จขกท.เลยไปเสี่ยงเอาเองถึงได้รู้ว่ามันไม่งงอย่างที่เราคิดเลยค่ะ แต่ขอเตือนก่อนว่า...
นี่ใช้ได้กับในโตเกียวเท่านั้น เพราะจขกท.ไปโอซาก้ามา จะพบความแตกต่างอยู่บ้าง เมืองอื่นๆก็อาจต่างหรือคล้ายกันก็ลองพิจารณาดูนะคะ
มาเริ่มกันเล้ยยย!!!!!!! LET'S GO
Step1 : รู้ต้นทาง-ปลายทาง อ่านข้อมูลให้เป็น
แนะนำให้ใช้แอพ Google Map (ช่วยชีวิตจขกท.ไว้ตลอดการเดินทาง อยากจะพาคนทำแอพไปเลี้ยงข้าวขอบคุณ 555) หรือ www.hyperdia.com แค่ป้อนสถานีต้น-ปลาย มันก็จะคำนวณเส้นทางและราคาตั๋วให้เรียบร้อยเลยค่ะ แต่ google map จะละเอียดกว่า พาเราไปตั้งแต่โรงแรมถึง Disneyland เลย ในกรณีนี้สมมติว่าเราพักแถวๆที่ Shinjuku จะไปเที่ยว Tokyo Disneyland ซึ่งอยู่ที่สถานี Maihama ในเว็บก็คำนวณเส้นทางมาให้หลายแบบ แต่นี่เป็นวิธีที่เราเลือกเพราะราคาถูกสุด 390 เยน จดราคาไว้ด้วยนะคะ ต้องใช้ในขั้นตอนต่อไป เหอะๆ
ไฮไลท์สีเหลือง คือผู้ให้บริการรถไฟในญี่ปุ่นมีผู้ให้บริการรถไฟหลายบริษัทค่ะ อย่างเช่น JR LINE, Toyko Metro และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ดังนั้น เวลาซื้อตั๋วทีนึงก็ต้องดูนะคะว่าเราไปใช้บริการของใคร ในกรณีนี้ เราใช้บริการของ JR LINE ตลอดสาย
ขีดเส้นใต้สีเขียว คือ ชื่อสายรถไฟ ในที่นี้เราจะขึ้น Chuo แล้วไปต่อสาย keiyo
ขีดเส้นใต้สีฟ้า คือ ประเภทของรถ rapid คือรถเร็ว Local คือรถช้าหวานเย็น (จุดนี้ไม่ซีเรียสนะคะ บางสายก็มีแบบเดียว)
วงกลมสีแดง คือ สถานีที่สายนั้นๆมุ่งหน้าไปค่ะ สถานีที่เราจะลงอาจจะเป็นทางผ่าน ตรงนี้สำคัญนะคะ ถ้าไม่ดูปลายทางตรงนี้จะขึ้นรถผิดเหมือนเราจะไปข้างหน้า แต่ดันไปนั่งรถที่วิ่งถอยหลังแทน ระวังดีๆนะคะ
Step2 : ซื้อตั๋ว
เนื่องจากผู้ให้บริการรถไฟมีเยอะเจ้าเหลือเกิน แต่ละเจ้าก็มีตู้ซื้อตั๋วเป็นของตัวเองเจ้าค่ะ มึนหัวเนอะ 555 ดังนั้น เมื่อไปถึงสถานีก็ต้องมองหาตู้ของผู้ให้บริการของเรา แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ยึดคำพูดที่ว่า "Follow the sign ตามป้ายไป" ใช่ค่ะ ข้อดีของสถานีต่างๆในโตเกียวคือป้ายมีภาษาอังกฤษกำกับอยู่เสมอและป้ายถี่มาก ไม่ต้องกลัวหลง เมื่อเจอตู้ของ JR ก็พุ่งเข้าไปเลย แต่ช้าก่อนนนน!!! ก่อนซื้อแนะนำให้ดูแผนที่รถไฟของ JR ด้านบน ไล่ดูว่าเราเดินทางไปที่ไหน ตรงปลายทางจะมีราคาติดไว้ ดูว่ามันตรงกับที่เราเช็คในเว็บไหม ถ้าตรงแล้วก็ซื้อตั๋วเลย
มุมด้านบนของจอแสดงผลจะมีให้เปลี่ยนภาษานะคะ เปลี่ยนก่อนกันพลาด ตรงแถบด้านซ้ายจะมีให้เลือกหลายแบบ ให้เลือกอันแลกสุด จะมีราคาตั๋วให้เลือกต่อ เราก็เลือกราคาเรา คือ 390 เยน ปุ่มด้านข้างจะมีรูปคนเยอะๆ อันนั้นไว้ให้เลือกว่าซื้อตั๋วกี่ใบ กดตามสภาพเลยคร้า มาคนเดียวก็กดคนเดียว เสร็จแล้วก็ยัดตังลงไปเลย ใครขี้เกียจนับเหรียญก็กรอกๆลงไปเลยค่ะ เครื่องเค้านับเหรียญเก่งมาก เดี๋ยวมันทอนมาเอง พอจ่ายเงินครบก็รับตั๋วเลย
Step3 : ไปขึ้นรถไฟกัน
ได้ตั๋วแล้วก็ไปขึ้นรถสิคะ ประตูตรวจตั๋วของเขาคล้ายบ้านเราเลยค่ะ สอดเข้าไปเลย อย่าลืมรับตั๋วกลับด้วยนะ เสร็จแล้วเราต้องไปขึ้นสาย Chuo แหงนหน้ามองป้ายเลยค่ะ ว่าสายนี้ไปทางไหน อ่ะ เจอแล้วว!!! ข้อมูลบนป้ายตรงกับที่หามาพอดีเลย
ตรงป้ายจะเห็นว่า ป้ายจะมีสีกำกับ สายของเรามีสีแสด รถที่เราขึ้นก็จะมีสีนั้น (ถ้าย้อนกลับไปดู จะตรงกับสีใน Google map ด้วย) และมีหมายเลขชานชาลากำกับไว้ แล้วเราก็จะงงต่อว่าทำไมมีหลายชานชาลา 7 8 11 12 แล้วจะขึ้นอันไหนล่ะ? ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เดินไปให้ถึงทางขึ้นก่อน จำขั้นตอนแรกได้ไหมคะตรงวงกลมสีแดง ดูเลยค่ะว่ารถเรามุ่งหน้าไปทางไหน ในกรณีนี้ของเรามุ่งไป Tokyo Station (โชคดีที่เราลงปลายทางนี้พอดี) จะเป็นชานชาลาฝั่งที่ 7 กับ 8 งั้นขึ้นไปเลยค่ะ ขึ้นไปก็งงอีกรอบนึงว่า สรุปจะอันไหน 7 หรือ 8 กันแน่? จะซ้ายหรือขวา? เรายังยึดหลักเดิมนะคะ for Tokyo อยู่ฝั่งไหน ให้ขึ้นฝั่งนั้น
ทีนี้บางชานชาลาจะมีป้ายแบบนี้ มีลูกศรไปสองข้างชี้ไปชื่อสถานีแปลกๆ ไม่ต้องตกใจนะคะ ชื่อสถานีดังกล่าวเป็นสถานีก่อนหน้าและถัดไปเพียง 1 สถานี บอกไว้ขำๆ บางคนเห็นอาจเข้าใจผิดว่ามาถูกชานชาลาหรือเปล่า ถ้ามาถึงแล้วสีรถไฟตรงกับป้ายด้านล่าง ก็มาถูกแล้วล่ะค่ะ เหลือแค่ขึ้นให้ถูกฝั่งเป็นพอ
Step3 : ต่อรถ
ถ้าผ่านขั้น 2 แรกมาได้ ขั้นนี้สบายมากเลยค่ะ จะต่อ 2-3 ทอดก็ไม่หวั่น ถ้าขึ้นรถใน Step2 ถูกแล้วก็จะมาถึงสถานี Tokyo ลงมาแล้วอย่างแรกที่ทำคือดูป้ายค่ะ ว่า Keiyo line ไปทางไหน ก็ทำตามสเต็ปเดิมเป๊ะๆ จขกท.ทำมาแล้ว ทั้งที่สถานีนี้ใหญ่พอๆกับสุวรรณภูมิ ก็ไม่หลงแน่นอนค่ะ แต่ปัญหาของหลายคนคือตอนไปจริงๆ อาจจะไม่ใช้ JR ตลอด ต้องลง JR ไปต่อ Metro บ้าง ก็ไม่ยากค่ะ พอลงรถ ให้ตามสัญลักษณ์ที่มีชื่อสายที่เราต้องการไปเลยค่ะ เพราะผู้บริการจะใช้สัญลักษณ์ไม่เหมือนกัน เช่น JR จะมีเป็นแถบสีรถไฟ แต่ Tokyo Metro จะเป็นวงกลมสีๆแทน เป็นต้น มันจะนำไปสู่เครื่องเก็บตั๋วของ JR ถือว่าเราสิ้นสุดการใช้บริการของสายนี้แล้ว เราก็ไปหาตู้จำหน่ายตั๋วของผู้ใช้บริการอีกบริษัทเลย ทำแบบเดิม ชิลๆเลยค่ะ
Step4 : ออกจากสถานี
ขึ้นชื่อว่ามหากาพย์ ออกจากสถานีก็ต้องสอนค่ะ 555+ ทำไมเหรอคะ? ก็เพราะสถานีรถไฟในโตเกียวบางแห่งมีเป็นร้อยทางออกนะคะ ออกผิดชีวิตเปลี่ยน บ้านเรา ที่สยามมี 6 ทางออก จขกท.ยังออกผิดๆถูกๆ แต่ก็เดินกลับมาจุดหมายได้แปปเดียว แต่ที่โตเกียวไม่ใช่นะคะ สถานีใหญ่อย่างชินจุกุหรือโตเกียว ออกผิดนี่หลงเลยค่ะ โดนมาแล้ว อย่างสถานีชินจุกุจะ จขกท.จะกลับโรงแรมต้องออก west exit แต่หลงไปออก South Exit งงเด้ๆ เดินกลับโรงแรมครึ่งชม.เลยค่ะ 555 แต่สถานีเล็กๆอย่าง maihama มีทางออกเดียว ออกมาก็หัวจะทิ่ม Disneyland อยู่แล้ว ไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ที่จะเตือนก็คือ จะไปที่ไหนก็ให้ศึกษาก่อนว่าต้องออกทางออกไหนถึงจะใกล้ด้วยนะคะ ลงรถแล้วก็ดูตามป้ายไปเลยค่ะ ป้ายทางออกจะมีสีเหลืองๆ ถ้าโชคดีจะมีชื่อย่านกำกับไว้ว่าออกทางนี้จะไปเจอย่านนี้นะ แต่บางทีก็ไม่มีนะคะ
จบแล้วยาวเลย ขอโทษที่รูปบางรูปเรายืมเว็บต่างชาติมาบ้าง
ขอบคุณภาพจาก TokyoTips.net และ ShinjukuStation.com เพราะตอนนั้นเราก็กังวลกลัวหลงจนลืมถ่ายเก็บไว้ อาจจะไม่ตรงหรือใช้ได้กับทุกสถานีในโตเกียว แต่เป็นแนวทางได้แน่นอนค่ะ
สุดท้ายนี้ มือใหม่หัดเที่ยวอย่าไปกังวลนะคะ หลงก็หลงค่ะ แล้วหาทางออกกันเอง ผจญภัยสนุกๆ สงสัยก็ถามคนโตเกียวได้ เค้าอาจจะพูดอังกฤษไม่คล่องแต่ภาษามือประกอบไปก็รู้เรื่องแน่นอน เที่ยวให้สนุกนะคะ
ปล.สำหรับตั๋วแบบ round trip จะมีราคาสูงเหมาะกับคนที่เที่ยวนานๆถึงจะคุ้มนะคะ และอาจจะใช้ได้กับแค่ผู้ให้บริการเดียว ถ้าเปลี่ยนผู้บริการก็ต้องไปซื้อต่างหากอีก ส่วนตั๋วเติมตังค์ก็ไม่น่าจะยากนะคะ ช่วยลดทอนเวลาต้องไปกดตู้หลายๆครั้ง ตรงนี้ข้อมูลเราไม่แน่น ใครมีข้อมูลก็มาแบ่งปันกันได้นะคะ><
มหากาพย์วิธีขึ้นรถไฟในโตเกียว(ละเอียดเวอร์555)
กระทู้นี้เป็นการซื้อตั๋วแบบเป็นครั้งๆไปนะคะ เพราะเราใช้วิธีนี้ ไม่ได้ใช้ round trip หรือแบบเติมตังค์
เมื่อสงกรานต์ที่ผ่านมา จขกท.ได้มีโอกาสไปเที่ยวญี่ปุ่นกับครอบครัว ไปกันเอง ไม่มีทัวร์วางแผนให้ ด้วยความที่พ่อแม่ต้องทำมาหากิน พี่ก็กำลังจะสอบ ภาระการวางแผนแทบทั้งหมดเลยตกเป็นของจขกท. ไอ้ที่ว่าจะไปเที่ยวไหนดีมันไม่อยากหรอกค่ะ แต่ไปยังไงนี่แหละ งงหัวจะระเบิด ใครๆเขาก็บอกว่า เที่ยวโตเกียว นั่งรถไฟสิ ง่ายสะดวก เข้าถึงทุกจุดในเมืองเลย เราก็เลยไปดูว่ามันมีสายไหนบ้าง ก็พบกับสุดยอดมหากาพย์เส้นทางรถไฟแบบนี้...
งงตาแตกเลยเนอะ 555 จขกท.เลยไปเสี่ยงเอาเองถึงได้รู้ว่ามันไม่งงอย่างที่เราคิดเลยค่ะ แต่ขอเตือนก่อนว่า...
นี่ใช้ได้กับในโตเกียวเท่านั้น เพราะจขกท.ไปโอซาก้ามา จะพบความแตกต่างอยู่บ้าง เมืองอื่นๆก็อาจต่างหรือคล้ายกันก็ลองพิจารณาดูนะคะ
Step1 : รู้ต้นทาง-ปลายทาง อ่านข้อมูลให้เป็น
แนะนำให้ใช้แอพ Google Map (ช่วยชีวิตจขกท.ไว้ตลอดการเดินทาง อยากจะพาคนทำแอพไปเลี้ยงข้าวขอบคุณ 555) หรือ www.hyperdia.com แค่ป้อนสถานีต้น-ปลาย มันก็จะคำนวณเส้นทางและราคาตั๋วให้เรียบร้อยเลยค่ะ แต่ google map จะละเอียดกว่า พาเราไปตั้งแต่โรงแรมถึง Disneyland เลย ในกรณีนี้สมมติว่าเราพักแถวๆที่ Shinjuku จะไปเที่ยว Tokyo Disneyland ซึ่งอยู่ที่สถานี Maihama ในเว็บก็คำนวณเส้นทางมาให้หลายแบบ แต่นี่เป็นวิธีที่เราเลือกเพราะราคาถูกสุด 390 เยน จดราคาไว้ด้วยนะคะ ต้องใช้ในขั้นตอนต่อไป เหอะๆ
ไฮไลท์สีเหลือง คือผู้ให้บริการรถไฟในญี่ปุ่นมีผู้ให้บริการรถไฟหลายบริษัทค่ะ อย่างเช่น JR LINE, Toyko Metro และอื่นๆอีกนับไม่ถ้วน ดังนั้น เวลาซื้อตั๋วทีนึงก็ต้องดูนะคะว่าเราไปใช้บริการของใคร ในกรณีนี้ เราใช้บริการของ JR LINE ตลอดสาย
ขีดเส้นใต้สีเขียว คือ ชื่อสายรถไฟ ในที่นี้เราจะขึ้น Chuo แล้วไปต่อสาย keiyo
ขีดเส้นใต้สีฟ้า คือ ประเภทของรถ rapid คือรถเร็ว Local คือรถช้าหวานเย็น (จุดนี้ไม่ซีเรียสนะคะ บางสายก็มีแบบเดียว)
วงกลมสีแดง คือ สถานีที่สายนั้นๆมุ่งหน้าไปค่ะ สถานีที่เราจะลงอาจจะเป็นทางผ่าน ตรงนี้สำคัญนะคะ ถ้าไม่ดูปลายทางตรงนี้จะขึ้นรถผิดเหมือนเราจะไปข้างหน้า แต่ดันไปนั่งรถที่วิ่งถอยหลังแทน ระวังดีๆนะคะ
Step2 : ซื้อตั๋ว
เนื่องจากผู้ให้บริการรถไฟมีเยอะเจ้าเหลือเกิน แต่ละเจ้าก็มีตู้ซื้อตั๋วเป็นของตัวเองเจ้าค่ะ มึนหัวเนอะ 555 ดังนั้น เมื่อไปถึงสถานีก็ต้องมองหาตู้ของผู้ให้บริการของเรา แต่ไม่ต้องกังวลนะคะ ยึดคำพูดที่ว่า "Follow the sign ตามป้ายไป" ใช่ค่ะ ข้อดีของสถานีต่างๆในโตเกียวคือป้ายมีภาษาอังกฤษกำกับอยู่เสมอและป้ายถี่มาก ไม่ต้องกลัวหลง เมื่อเจอตู้ของ JR ก็พุ่งเข้าไปเลย แต่ช้าก่อนนนน!!! ก่อนซื้อแนะนำให้ดูแผนที่รถไฟของ JR ด้านบน ไล่ดูว่าเราเดินทางไปที่ไหน ตรงปลายทางจะมีราคาติดไว้ ดูว่ามันตรงกับที่เราเช็คในเว็บไหม ถ้าตรงแล้วก็ซื้อตั๋วเลย
มุมด้านบนของจอแสดงผลจะมีให้เปลี่ยนภาษานะคะ เปลี่ยนก่อนกันพลาด ตรงแถบด้านซ้ายจะมีให้เลือกหลายแบบ ให้เลือกอันแลกสุด จะมีราคาตั๋วให้เลือกต่อ เราก็เลือกราคาเรา คือ 390 เยน ปุ่มด้านข้างจะมีรูปคนเยอะๆ อันนั้นไว้ให้เลือกว่าซื้อตั๋วกี่ใบ กดตามสภาพเลยคร้า มาคนเดียวก็กดคนเดียว เสร็จแล้วก็ยัดตังลงไปเลย ใครขี้เกียจนับเหรียญก็กรอกๆลงไปเลยค่ะ เครื่องเค้านับเหรียญเก่งมาก เดี๋ยวมันทอนมาเอง พอจ่ายเงินครบก็รับตั๋วเลย
Step3 : ไปขึ้นรถไฟกัน
ได้ตั๋วแล้วก็ไปขึ้นรถสิคะ ประตูตรวจตั๋วของเขาคล้ายบ้านเราเลยค่ะ สอดเข้าไปเลย อย่าลืมรับตั๋วกลับด้วยนะ เสร็จแล้วเราต้องไปขึ้นสาย Chuo แหงนหน้ามองป้ายเลยค่ะ ว่าสายนี้ไปทางไหน อ่ะ เจอแล้วว!!! ข้อมูลบนป้ายตรงกับที่หามาพอดีเลย
ตรงป้ายจะเห็นว่า ป้ายจะมีสีกำกับ สายของเรามีสีแสด รถที่เราขึ้นก็จะมีสีนั้น (ถ้าย้อนกลับไปดู จะตรงกับสีใน Google map ด้วย) และมีหมายเลขชานชาลากำกับไว้ แล้วเราก็จะงงต่อว่าทำไมมีหลายชานชาลา 7 8 11 12 แล้วจะขึ้นอันไหนล่ะ? ไม่ต้องห่วงเลยค่ะ เดินไปให้ถึงทางขึ้นก่อน จำขั้นตอนแรกได้ไหมคะตรงวงกลมสีแดง ดูเลยค่ะว่ารถเรามุ่งหน้าไปทางไหน ในกรณีนี้ของเรามุ่งไป Tokyo Station (โชคดีที่เราลงปลายทางนี้พอดี) จะเป็นชานชาลาฝั่งที่ 7 กับ 8 งั้นขึ้นไปเลยค่ะ ขึ้นไปก็งงอีกรอบนึงว่า สรุปจะอันไหน 7 หรือ 8 กันแน่? จะซ้ายหรือขวา? เรายังยึดหลักเดิมนะคะ for Tokyo อยู่ฝั่งไหน ให้ขึ้นฝั่งนั้น
ทีนี้บางชานชาลาจะมีป้ายแบบนี้ มีลูกศรไปสองข้างชี้ไปชื่อสถานีแปลกๆ ไม่ต้องตกใจนะคะ ชื่อสถานีดังกล่าวเป็นสถานีก่อนหน้าและถัดไปเพียง 1 สถานี บอกไว้ขำๆ บางคนเห็นอาจเข้าใจผิดว่ามาถูกชานชาลาหรือเปล่า ถ้ามาถึงแล้วสีรถไฟตรงกับป้ายด้านล่าง ก็มาถูกแล้วล่ะค่ะ เหลือแค่ขึ้นให้ถูกฝั่งเป็นพอ
Step3 : ต่อรถ
ถ้าผ่านขั้น 2 แรกมาได้ ขั้นนี้สบายมากเลยค่ะ จะต่อ 2-3 ทอดก็ไม่หวั่น ถ้าขึ้นรถใน Step2 ถูกแล้วก็จะมาถึงสถานี Tokyo ลงมาแล้วอย่างแรกที่ทำคือดูป้ายค่ะ ว่า Keiyo line ไปทางไหน ก็ทำตามสเต็ปเดิมเป๊ะๆ จขกท.ทำมาแล้ว ทั้งที่สถานีนี้ใหญ่พอๆกับสุวรรณภูมิ ก็ไม่หลงแน่นอนค่ะ แต่ปัญหาของหลายคนคือตอนไปจริงๆ อาจจะไม่ใช้ JR ตลอด ต้องลง JR ไปต่อ Metro บ้าง ก็ไม่ยากค่ะ พอลงรถ ให้ตามสัญลักษณ์ที่มีชื่อสายที่เราต้องการไปเลยค่ะ เพราะผู้บริการจะใช้สัญลักษณ์ไม่เหมือนกัน เช่น JR จะมีเป็นแถบสีรถไฟ แต่ Tokyo Metro จะเป็นวงกลมสีๆแทน เป็นต้น มันจะนำไปสู่เครื่องเก็บตั๋วของ JR ถือว่าเราสิ้นสุดการใช้บริการของสายนี้แล้ว เราก็ไปหาตู้จำหน่ายตั๋วของผู้ใช้บริการอีกบริษัทเลย ทำแบบเดิม ชิลๆเลยค่ะ
Step4 : ออกจากสถานี
ขึ้นชื่อว่ามหากาพย์ ออกจากสถานีก็ต้องสอนค่ะ 555+ ทำไมเหรอคะ? ก็เพราะสถานีรถไฟในโตเกียวบางแห่งมีเป็นร้อยทางออกนะคะ ออกผิดชีวิตเปลี่ยน บ้านเรา ที่สยามมี 6 ทางออก จขกท.ยังออกผิดๆถูกๆ แต่ก็เดินกลับมาจุดหมายได้แปปเดียว แต่ที่โตเกียวไม่ใช่นะคะ สถานีใหญ่อย่างชินจุกุหรือโตเกียว ออกผิดนี่หลงเลยค่ะ โดนมาแล้ว อย่างสถานีชินจุกุจะ จขกท.จะกลับโรงแรมต้องออก west exit แต่หลงไปออก South Exit งงเด้ๆ เดินกลับโรงแรมครึ่งชม.เลยค่ะ 555 แต่สถานีเล็กๆอย่าง maihama มีทางออกเดียว ออกมาก็หัวจะทิ่ม Disneyland อยู่แล้ว ไม่น่ากังวลเท่าไหร่ ที่จะเตือนก็คือ จะไปที่ไหนก็ให้ศึกษาก่อนว่าต้องออกทางออกไหนถึงจะใกล้ด้วยนะคะ ลงรถแล้วก็ดูตามป้ายไปเลยค่ะ ป้ายทางออกจะมีสีเหลืองๆ ถ้าโชคดีจะมีชื่อย่านกำกับไว้ว่าออกทางนี้จะไปเจอย่านนี้นะ แต่บางทีก็ไม่มีนะคะ
จบแล้วยาวเลย ขอโทษที่รูปบางรูปเรายืมเว็บต่างชาติมาบ้าง ขอบคุณภาพจาก TokyoTips.net และ ShinjukuStation.com เพราะตอนนั้นเราก็กังวลกลัวหลงจนลืมถ่ายเก็บไว้ อาจจะไม่ตรงหรือใช้ได้กับทุกสถานีในโตเกียว แต่เป็นแนวทางได้แน่นอนค่ะ
ปล.สำหรับตั๋วแบบ round trip จะมีราคาสูงเหมาะกับคนที่เที่ยวนานๆถึงจะคุ้มนะคะ และอาจจะใช้ได้กับแค่ผู้ให้บริการเดียว ถ้าเปลี่ยนผู้บริการก็ต้องไปซื้อต่างหากอีก ส่วนตั๋วเติมตังค์ก็ไม่น่าจะยากนะคะ ช่วยลดทอนเวลาต้องไปกดตู้หลายๆครั้ง ตรงนี้ข้อมูลเราไม่แน่น ใครมีข้อมูลก็มาแบ่งปันกันได้นะคะ><