เรากับแฟนเดินทางจากหัวลำโพง จะไปลงสุราษฎร์ธานี นั่งรถมาถึงจังหวัดชุมพร ประมาณเกือบ ๆ ตี2
แฟนเราเป็นคนนั่งนาน ๆ ไม่ได้ เขาอึดอัดต้องออกไปยืดเส้นบ่อยครั้งพอเขากลับมานั่ง เราก็พูดคุยกันปกติ
เราเห็นมีคนยืนอยู่นอกขบวนรถไฟ แต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก เนื่องจากรถไฟวิ่งเร็วมากๆ เราก็ยังงง ๆ อยู่ว่าใช่หรอ
เพราะมันอยู่ใกล้หน้าต่างมากๆจนหน้าตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับใครพอไปถึงสถานีไชยา เราได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ
ช่วยด้วย ช่วยด้วย เราก็มองออกไปข้างนอกรถไฟนึกว่ามีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น แต่กลับปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ดังขึ้นอีก ช่วยด้วย ช่วยด้วย
เราแปลกใจที่คนอื่นทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร ทั้งคนบนรถ ทั้งนายสถานี ทำตัวกันปกติเหมือนไม่ได้ยินอะไร พอรถไฟเคลื่อนจากสถานีไชยา
สถานีต่อไป สถานีสุราษฎร์ธานี รถเคลื่อนออกไปนานมากเวลานั้นตี4กว่าๆ ด้วยความดีใจว่าจะถึงแล้ว แฟนเราเลยชวนออกไปยืนรอที่ท้ายโบกี้เพราะรู้สึกว่าใกล้ถึงแล้ว เรานั่งรถกันมาชั้น2 ซึ่งเงียบมาก คนส่วนใหญ่ก็จะนอนกันเป็นระเบียบเรียบร้อย เราออกไปยืนก่อน แต่ยืนที่หน้าห้องน้ำนะคะ ยืนๆไปซักพักประตูทางด้านซ้ายมือซึ่งเราหันหลังให้ ประตูเปิดเองจร้า ซึ่งประตูนั้นปิดอยู่นะคะถ้าจะเปิดเราก็ต้องหมุนประตูเพื่อเปิด เราหันไปบอกแฟน
แฟนเราเลยมายืนที่เราแทนให้เราไปยืนด้านใน อยู่ๆก็รู้สึกคะว่าอยากกระโดดลงไปถ้ากระโดดลงไปคงจะดียืนเหม่ออยู่ซักพักเราก็มีสติแล้วบอกให้แฟนปิดประตูซะ พอปิดแล้วเราก็หันมายืนไปทางฝั่งขวาเอาหลังพิงน้องน้ำไว้อยู่ๆแฟนเราก็ไปเปิดประตูด้านขวา เขาบอกเขาอยากมองวิว เราก็คุยกันว่ากลับไปนั่งไหมอีกนานแน่เลย เขาก็บอก ว่าเขาเองก็ยัง งง ว่าทำไมไม่ถึงง่าย เพราะก่อนเราจะออกมายืนเรารู้สึกว่าใกล้จะถึงแล้วเลยมายืนรอ แต่ไม่ต่ำกว่า20นาทีแล้ว
ยังไม่มีทีท่าว่ารถไฟจะจอด อยู่ๆเราก็รู้สึกอีกแล้วว่าอยากกระโดดลงไป แล้วก็คิดว่าแฟนเราจะกระโดดลงไปเหมือนกันรึเปล่า
เขาดูเหม่อเลยออกไปข้างนอก แล้วเราก็ต้องตกใจเราเอาขายื่นไปใกล้ประตู เราเลยพูดออกไป ทำอะไร เขาบอกเอาขามากั้นประตู
เรานี่ใจลงไปอยู่ตาตุ่ม เราขอให้เขาปิดประตู อย่าเปิดดูเลย เขาก็ยอมปิดให้ พอกลับถึงบ้าน เราก็คุยกับเขาเลย ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย
เขาบอกเขาไม่ได้ยินอะไรเลย และคงไม่มีใครได้ยินแน่ๆ เขาบอกว่าทำไมเราไม่บอกเขา ตอนเขาออกไปยืนที่ท้ายโบกี้เขารู้สึกเหมือนมีอะไร
อยู่ข้างนอกนั้น แม่ของแฟนเลยถามเรื่องราว ท่านบอกว่าตรงนั้นเป็นเขตพื้นที่ร้อยศพรึเปล่า แค่นั้นเรากับแฟนเราขนลุกตั้งแต่หัวถึงเท้าเลย
เราเลยมาคิดดูตรงกับบริเวณที่เห็นคนยืนอยู่ข้างนอกหน้าต่าง คงใช่แน่ๆ มันเป็นค่ำคืนที่หน้ากลัวมากๆ เราโชคดีที่เรามีสติ
ขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความมีสติและระมัดระวัง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ
"ขนหัวลุก" ทางเดินรถไฟ จ.ชุมพร - จ.สุราษฎร์ธานี
แฟนเราเป็นคนนั่งนาน ๆ ไม่ได้ เขาอึดอัดต้องออกไปยืดเส้นบ่อยครั้งพอเขากลับมานั่ง เราก็พูดคุยกันปกติ
เราเห็นมีคนยืนอยู่นอกขบวนรถไฟ แต่มันเกิดขึ้นเร็วมาก เนื่องจากรถไฟวิ่งเร็วมากๆ เราก็ยังงง ๆ อยู่ว่าใช่หรอ
เพราะมันอยู่ใกล้หน้าต่างมากๆจนหน้าตกใจ แต่ก็ไม่ได้พูดอะไรกับใครพอไปถึงสถานีไชยา เราได้ยินเสียงผู้หญิงร้องขอความช่วยเหลือ
ช่วยด้วย ช่วยด้วย เราก็มองออกไปข้างนอกรถไฟนึกว่ามีเหตุร้ายอะไรเกิดขึ้น แต่กลับปกติ ไม่มีอะไรเกิดขึ้น แล้วก็ดังขึ้นอีก ช่วยด้วย ช่วยด้วย
เราแปลกใจที่คนอื่นทำเหมือนไม่ได้ยินอะไร ทั้งคนบนรถ ทั้งนายสถานี ทำตัวกันปกติเหมือนไม่ได้ยินอะไร พอรถไฟเคลื่อนจากสถานีไชยา
สถานีต่อไป สถานีสุราษฎร์ธานี รถเคลื่อนออกไปนานมากเวลานั้นตี4กว่าๆ ด้วยความดีใจว่าจะถึงแล้ว แฟนเราเลยชวนออกไปยืนรอที่ท้ายโบกี้เพราะรู้สึกว่าใกล้ถึงแล้ว เรานั่งรถกันมาชั้น2 ซึ่งเงียบมาก คนส่วนใหญ่ก็จะนอนกันเป็นระเบียบเรียบร้อย เราออกไปยืนก่อน แต่ยืนที่หน้าห้องน้ำนะคะ ยืนๆไปซักพักประตูทางด้านซ้ายมือซึ่งเราหันหลังให้ ประตูเปิดเองจร้า ซึ่งประตูนั้นปิดอยู่นะคะถ้าจะเปิดเราก็ต้องหมุนประตูเพื่อเปิด เราหันไปบอกแฟน
แฟนเราเลยมายืนที่เราแทนให้เราไปยืนด้านใน อยู่ๆก็รู้สึกคะว่าอยากกระโดดลงไปถ้ากระโดดลงไปคงจะดียืนเหม่ออยู่ซักพักเราก็มีสติแล้วบอกให้แฟนปิดประตูซะ พอปิดแล้วเราก็หันมายืนไปทางฝั่งขวาเอาหลังพิงน้องน้ำไว้อยู่ๆแฟนเราก็ไปเปิดประตูด้านขวา เขาบอกเขาอยากมองวิว เราก็คุยกันว่ากลับไปนั่งไหมอีกนานแน่เลย เขาก็บอก ว่าเขาเองก็ยัง งง ว่าทำไมไม่ถึงง่าย เพราะก่อนเราจะออกมายืนเรารู้สึกว่าใกล้จะถึงแล้วเลยมายืนรอ แต่ไม่ต่ำกว่า20นาทีแล้ว
ยังไม่มีทีท่าว่ารถไฟจะจอด อยู่ๆเราก็รู้สึกอีกแล้วว่าอยากกระโดดลงไป แล้วก็คิดว่าแฟนเราจะกระโดดลงไปเหมือนกันรึเปล่า
เขาดูเหม่อเลยออกไปข้างนอก แล้วเราก็ต้องตกใจเราเอาขายื่นไปใกล้ประตู เราเลยพูดออกไป ทำอะไร เขาบอกเอาขามากั้นประตู
เรานี่ใจลงไปอยู่ตาตุ่ม เราขอให้เขาปิดประตู อย่าเปิดดูเลย เขาก็ยอมปิดให้ พอกลับถึงบ้าน เราก็คุยกับเขาเลย ได้ยินเสียงผู้หญิงร้องให้ช่วย
เขาบอกเขาไม่ได้ยินอะไรเลย และคงไม่มีใครได้ยินแน่ๆ เขาบอกว่าทำไมเราไม่บอกเขา ตอนเขาออกไปยืนที่ท้ายโบกี้เขารู้สึกเหมือนมีอะไร
อยู่ข้างนอกนั้น แม่ของแฟนเลยถามเรื่องราว ท่านบอกว่าตรงนั้นเป็นเขตพื้นที่ร้อยศพรึเปล่า แค่นั้นเรากับแฟนเราขนลุกตั้งแต่หัวถึงเท้าเลย
เราเลยมาคิดดูตรงกับบริเวณที่เห็นคนยืนอยู่ข้างนอกหน้าต่าง คงใช่แน่ๆ มันเป็นค่ำคืนที่หน้ากลัวมากๆ เราโชคดีที่เรามีสติ
ขอให้ทุกท่านเดินทางด้วยความมีสติและระมัดระวัง ขอบคุณที่เข้ามาอ่านคะ