(เรื่องสั้นเรื่องนี้ มีการใช้คำไม่สุภาพในเนื้อเรื่องเพื่ออรรถรสและความเหมาะสมของเรื่อง โปรดใช้วิจารณญาณในการอ่าน)
กลางดึก ณ อพาร์ทเม้นกลางกรุงแห่งหนึ่ง... ชั้นที่สาม
โครม !!!
"มุงบอกมานะ !! ไอเชี้ยนั่นมันเป็นใคร !? มุงจับมือมันด้วย มันเป็นใคร !? หา !? หาาา !!?"
"โอ้ยย เจ็บ !! ปล่อยกู !"
"มุงคิดว่ากูโง่นักใช่มั้ย !!?"
เพี๊ยะ !!!
"อ๊าาา !!"
"กูหาเลี้ยงมุงทุกวันนี้มันยังไม่พอรึไง !!? เงินเดีอนกูมุงแด๊กทุกวัน แล้วร่านไปเอากับมันอีก .... อิเชี้ย !!!"
"ไม่ใช่นะ ใครบอก !!? กูไม่ได้ไปเอามันซะหน่อย แล้วที่จับมือนั่นมัน... "
ตุ้บ! "อ๊าาา !!"
โครม !
"มุงไม่ต้องมาแก้ตัว !!!"
"ฮือ ฮือ ..มุงเตะกู !!... ฮือ ฮือ ฮือ... อย่า พอแล้ว !! กรี๊ดดดด !!! "
เพี๊ยะ ! ตุ้บ ! โครมคราม !
....... ก๊อก ก๊อก ก๊อก ......
.....แกร๊ก ! ... แอ๊ดดดด !!...
"มุงเสีอกเชี้ยอะไร !!? เรื่องของ....."
ผัวะ !!! "...อั้ก ! "
โครม ! เพล้ง !
"กรี๊ดดดดดดด !!!"
หมัดฮุคขวาอันหนักหน่วงของเจตผู้มีร่างกายกำยำล่ำสัน ลำตัวท่อนบนและแขนเต็มไปด้วยลายสัก ทำเอาหนุ่มขี้โกรธและขี้หึงร่างท้วมขาวตี๋ปลิวลอยไปชนข้าวของในห้องที่กระจัดกระจายอยู่แล้วจากการอาละวาด ให้กระจัดกระจายยิ่งขึ้น
"โอยยย... อูยยยย.... " หนุ่มขี้หึงนอนกุมหน้า บิดไปบิดมาด้วยความเจ็บปวด
"ไอ้เม้ง ไอ้เม้ง !! โฮ โฮ โฮ !!! ... พอแล้วค่ะพี่ ! แฟนหนูแค่เมาเฉยๆ อย่าทำแฟนหนูเลย ฮือ ฮือ ฮือ..."
หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสวยแต่มีสภาพบอบช้ำโร่เข้าไปหาแฟนของเธอ และรีบยกมือไหว้ขอร้องเจตที่กำลังเดินเข้ามาเพื่อจะอัดแฟนของเธอซ้ำเป็นการสั่งสอน
"หึ... นี่ขนาดมุงยังไม่แต่งงานกันนะ ถ้าแต่งจะขนาดไหน... หนุ่มสาวสมัยนี้มันก็ไอ้แบบเนี้ย รักสนุก
เบื่อง่ายหน่ายเร็ว พอมีปัญหาก็ควบคุมสติกันไม่ค่อยจะได้... ที่นี่ใครทนพวกมุงได้ รึไม่กล้าห้ามพวก
มุงก็ช่าง กูจะไม่ทนอีก... ต่อไปนี้ถ้ากูได้ยินเสียงของพวกมุงอีก แฟนมุงจะไม่โชคดีแบบวันนี้แน่
จำไว้ ! "
ปังงงง !!!
เจตปิดประตูห้องของคู่รักคู่แค้นอย่างแรง เสียงดังกังวาลไปทั่วชั้นสามของอพาร์ทเม้นเหมือนจะเป็นการเตือนว่า ใครอย่าได้บังอาจมาส่งเสียงดังรบกวนความสงบของเขาอีก แล้วจึงลงไปชั้นที่สอง เดินกลับเข้าไปในห้องของเขาซึ่งอยู่ข้างล่างห้องของคู่รักคู่แค้นนั้นพอดี
"เฮ้อออ... ต่อไปนี้จะได้ทำงานเป็นสุขซะที ว่าจะไม่โหดแล้วนะ ...ไอ้สัส... ต้องให้ลงมือ"
เมื่อพึมพำเสร็จเจตก็ลงมือทำงานต่อ ปากก็คาบบุหรี่ ภายในคืนนี้เขาต้องเขียนรายงานในคอมพิวเตอร์ และอัพโหลดรายงานนั้นส่งไปให้ทางกรมตำรวจให้เสร็จก่อนเช้า รายงานที่เขาเขียนนั้น เป็นข้อมูลของแก๊งอาชญากรแก๊งหนึ่งที่เขาแทรกซึมอยู่ เขาเป็นอดีตสมาชิกของแก๊งอื่นที่ถูกกวาดล้างไปก่อนหน้านี้ เขาถูกจับ และภายหลังได้รับโอกาสให้เป็นสายของตำรวจเพื่อแลกกับอิสรภาพ
เจตได้สร้างผลงานไว้มากมาย อาชญากรคนสำคัญหลายคนถูกจับเพราะฝีมือของเขา เขาจึงเป็นที่ชื่นชมและไว้วางใจของกรมตำรวจอย่างยิ่ง
เจตเลี้ยงชีวิตของเขาด้วยค่าจ้างอันงาม
ณ. ตลาดนัดย่านไชน่าทาวน์...
"ไงอาแปะ ขายดีมั้ยครับ ?" เจตเดินเข้ามากับคู่หูในแก๊งของเขา และทักทายพ่อค้าบะหมี่เกี๊ยวกวางตุ้ง
"อะไรอีกล่ะอาตี๋ อั๊วะจ่ายเลี้ยวหน่า มาทำไมกันอีก ? " อาแปะขายบะหมี่เกี๊ยวออกอาการหวาดกลัว
"ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ... พวกผมมากินบะหมี่เฉยๆ อาแปะ... ขอหมี่เกี๊ยวเป็ดย่างพิเศษเป็ดสองที่ กินที่นี่แหละ"
"อ้อ ! ล่ายๆ เชิญนั่งๆ"
ในแก๊งที่เจตกำลังแทรกซึม เขามีหน้าที่ในกลุ่มเก็บค่าคุ้มครองในตลาดนัดแห่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ผลประโยชน์ของแก๊ง บางครั้งเขาจำเป็นต้องลงไม้ลงมือกับร้านที่ไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง เช่น พังร้าน ขู่บังคับให้เลิกทำมาค้าขายในพื้นที่ของแก๊งด้วยวิธีการรุนแรงต่างๆ เป็นต้น
บางครั้งก็มีพ่อค้าที่มีฝีมือในการชกต่อยต่อสู้ขัดขืนเจต แต่เจตก็จัดการเอาชนะได้และไล่ออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ
" ซี๊ดดดด... ปากกูแตกแบบนี้ หลายวันเลยกว่าจะหาย ไอห่านั่นเสีอกเป็นมวย" เพื่อนในแก๊งชื่อเหยาซึ่งเป็น
คู่หูของเจตบ่นพลางกุมปากที่กลบไปด้วยเลือด
"กูบอกแล้วว่าค่อยๆพูดกับมัน... ไปทำให้มันโมโห แทนที่มันจะจ่าย อดซะ เสียผลประโยชน์อีก คราวนี้
มุงระวังหน่อยละกัน เฮียหล่งรู้เข้าจะไม่พอใจเอา" เจตเตือนคู่หูอาชญากรระดับรากหญ้าของเขา
เจตกับเหยาเริ่มสนิทกันมาขึ้นจนซี้ปึ้ก เพราะทั้งคู่ทำงานในแก๊งร่วมกันบ่อยมาก ในแก๊ง เหยาเป็นที่ดูถูกของคนในแก๊ง เพราะทำงานไม่ค่อยได้เรื่อง และมีร่างกายผอมแห้งบอบบาง แต่ก็ยังเพ้นท์ลายสัก และใส่เครื่องประดับเพื่อให้ตนดูเป็นนักเลง ถูกคนในแก๊งขู่และรังแกบ่อย แต่ก็ถูกเจตปกป้องมาตลอด
หลายครั้งเมื่อปะทะกับตำรวจหรือแก๊งศัตรู เจตจะปกป้องเหยาอย่างสุดชีวิต เหยาจึงเห็นเจตเป็นฮีโร่ไปเสียแล้ว
"แฮ่ก...แฮ่ก...เชี้ยยย... ไอ้เจต...มุงเป็นเพื่อนรักที่สุดของกูเลยว่ะ ! ทำยังไงกูถึงจะเก่งอย่างมุงมั่งวะ ?"
"อันดับแรกเลยนะเว้ย... มุงหาอะไรแด๊กให้มันเยอะๆ หน่อย ร่างกายจะได้มีแรงวิ่งมากกว่านี้ ...
ไอห่า... วันนึงมุงแด๊กแค่มื้อสองมื้อ แต่ละมื้อไม่เกินสี่สิบบาท มุงจะเก็บตังไปหมั้นสาวรึไง ?
ผอมเป็นตะเกียบเสียบผีแบบนี้เก่งไม่ไหวหรอก"
"มุงจะแด๊กเชี้ยอะไรนักหนา ป๊ากับม๊ากูสอนให้ประหยัดโว้ย... ตังแม่มก็ได้ทีละน้อย หลังๆมานี้แก๊ง
บางทีแม่มไม่จ่าย กูเลยต้องมาจิ๊กของสาธารณะไปขายเลี้ยงตัวอีก จนโดนตำรวจไล่จับมาเนี่ยแหละ
จะให้กูทำไง ?...... ชีวิตแม่มไม่ง่ายเลยว่ะ "
"......."
เจตฟังเหยาพูดแล้วรู้สึกหดหู่ ในสมองของเหยานั้นมีแต่ความคิดทางอาชญากรรม ทำให้เจตนึกถึงตัวเขาเองในอดีต และเขารู้มานานแล้วว่า เหยาอยากจะออกจากแก๊งเสียเต็มทีเพราะความที่แก๊งเริ่มระส่ำระส่ายโดยฝีมือของเจตในฐานะสายของตำรวจ แต่กลัวถูกแก๊งล่าตัวในภายหลัง ฐานที่ทรยศ
ที่สำคัญ พ่อแม่ของเหยาก็ตายจากไปหมดเพราะอุบัติเหตุ ญาติก็ไม่ยอมรับ ทำให้เขาต้องมาอยู่ในโลกแห่งอาชญากรรมอย่างทุกวันนี้ ทางเลือกอื่นที่จะทำให้เหยาเอาตัวรอดดูเหมือนจะไม่มีเลย
"เออๆ กูขอโทษ... มุงไม่มีตังมุงก็บอกกูสิวะ ปากมุงอมขี้ไว้รึไง ?"
"ไอห่า... มุงเป็นเพื่อนสนิทกูไม่ได้หมายความว่ากูจะยืมตังขอตังมุงได้ตามสบายนะเว้ย ! เห็นกูแบบนี้
กูเคารพเพื่อนนะเว้ย มุงรู้เปล่า ? ...ขอบใจที่หวังดีว่ะ แต่อย่าเลย... ช่างเหอะ กูเสีอกบ่นไปเอง"
นี่เป็นคุณสมบัติของเหยาที่เจตยอมรับและโยนใจให้ เจตเริ่มมีความคิดอย่างหนึ่งแว๊บเข้ามาในหัว
"เฮ้อ... เฮียหล่งโดนซิวไปแล้ว ลุงเฉ่าก็โดนพวกแก๊งตะขาบดำเก็บ ตลาดนัดแม่มก็โดนเทศกิจยกเลิก
อดกินหมี่เกี๊ยวอาแปะเหมา... ตั้งแต่มีนโยบายกวาดล้างกลุ่มอิทธิพล ตำรวจแม่มก็เพ่นพ่าน... เจ้เหมยที่
เป็นแหล่งเงินหลักๆของพวกเราก็โดนซิวด้วย... พวกพี่หวังแม่มก็ไว้ใจไม่ได้... แล้วก็..."
"ไอ้เจตๆๆ ! มุงหุบปากเลย ! กูฟังแล้วเครียดว่ะ..." คำพูดหวังผลทางจิตวิทยาของเจตได้ผล
หวอ หวอ หวอ หวอ !!! .... "กระจายไป มันอยู่กันแถวนี้แหละ"
"เฮ้ย !! พ่อมุงมา !!"
"เชี้ยยย !! ไปเร็วๆ !!!"
"นั่นไง อยู่นี่เอง ! อ้าวเฮ้ย... หยุด !! บอกให้หยุด !! "
เจตกับเหยาวิ่งกันหน้าตั้งหนีพวกตำรวจที่วนมาเจอพวกเขาในที่ซ่อนจากการหนีระลอกแรกกันอย่างสุดชีวิต ในระหว่างที่วิ่งนั้น เจตได้ตัดสินใจในความคิดที่แว๊บเข้ามาจนได้
(มีต่อข้างล่าง)
(เรื่องสั้น) ดับแค้น แดนนักเลง
กลางดึก ณ อพาร์ทเม้นกลางกรุงแห่งหนึ่ง... ชั้นที่สาม
โครม !!!
"มุงบอกมานะ !! ไอเชี้ยนั่นมันเป็นใคร !? มุงจับมือมันด้วย มันเป็นใคร !? หา !? หาาา !!?"
"โอ้ยย เจ็บ !! ปล่อยกู !"
"มุงคิดว่ากูโง่นักใช่มั้ย !!?"
เพี๊ยะ !!!
"อ๊าาา !!"
"กูหาเลี้ยงมุงทุกวันนี้มันยังไม่พอรึไง !!? เงินเดีอนกูมุงแด๊กทุกวัน แล้วร่านไปเอากับมันอีก .... อิเชี้ย !!!"
"ไม่ใช่นะ ใครบอก !!? กูไม่ได้ไปเอามันซะหน่อย แล้วที่จับมือนั่นมัน... " ตุ้บ! "อ๊าาา !!" โครม !
"มุงไม่ต้องมาแก้ตัว !!!"
"ฮือ ฮือ ..มุงเตะกู !!... ฮือ ฮือ ฮือ... อย่า พอแล้ว !! กรี๊ดดดด !!! " เพี๊ยะ ! ตุ้บ ! โครมคราม !
....... ก๊อก ก๊อก ก๊อก ......
.....แกร๊ก ! ... แอ๊ดดดด !!...
"มุงเสีอกเชี้ยอะไร !!? เรื่องของ....." ผัวะ !!! "...อั้ก ! " โครม ! เพล้ง !
"กรี๊ดดดดดดด !!!"
หมัดฮุคขวาอันหนักหน่วงของเจตผู้มีร่างกายกำยำล่ำสัน ลำตัวท่อนบนและแขนเต็มไปด้วยลายสัก ทำเอาหนุ่มขี้โกรธและขี้หึงร่างท้วมขาวตี๋ปลิวลอยไปชนข้าวของในห้องที่กระจัดกระจายอยู่แล้วจากการอาละวาด ให้กระจัดกระจายยิ่งขึ้น
"โอยยย... อูยยยย.... " หนุ่มขี้หึงนอนกุมหน้า บิดไปบิดมาด้วยความเจ็บปวด
"ไอ้เม้ง ไอ้เม้ง !! โฮ โฮ โฮ !!! ... พอแล้วค่ะพี่ ! แฟนหนูแค่เมาเฉยๆ อย่าทำแฟนหนูเลย ฮือ ฮือ ฮือ..."
หญิงสาวรูปร่างหน้าตาสวยแต่มีสภาพบอบช้ำโร่เข้าไปหาแฟนของเธอ และรีบยกมือไหว้ขอร้องเจตที่กำลังเดินเข้ามาเพื่อจะอัดแฟนของเธอซ้ำเป็นการสั่งสอน
"หึ... นี่ขนาดมุงยังไม่แต่งงานกันนะ ถ้าแต่งจะขนาดไหน... หนุ่มสาวสมัยนี้มันก็ไอ้แบบเนี้ย รักสนุก
เบื่อง่ายหน่ายเร็ว พอมีปัญหาก็ควบคุมสติกันไม่ค่อยจะได้... ที่นี่ใครทนพวกมุงได้ รึไม่กล้าห้ามพวก
มุงก็ช่าง กูจะไม่ทนอีก... ต่อไปนี้ถ้ากูได้ยินเสียงของพวกมุงอีก แฟนมุงจะไม่โชคดีแบบวันนี้แน่
จำไว้ ! "
ปังงงง !!!
เจตปิดประตูห้องของคู่รักคู่แค้นอย่างแรง เสียงดังกังวาลไปทั่วชั้นสามของอพาร์ทเม้นเหมือนจะเป็นการเตือนว่า ใครอย่าได้บังอาจมาส่งเสียงดังรบกวนความสงบของเขาอีก แล้วจึงลงไปชั้นที่สอง เดินกลับเข้าไปในห้องของเขาซึ่งอยู่ข้างล่างห้องของคู่รักคู่แค้นนั้นพอดี
"เฮ้อออ... ต่อไปนี้จะได้ทำงานเป็นสุขซะที ว่าจะไม่โหดแล้วนะ ...ไอ้สัส... ต้องให้ลงมือ"
เมื่อพึมพำเสร็จเจตก็ลงมือทำงานต่อ ปากก็คาบบุหรี่ ภายในคืนนี้เขาต้องเขียนรายงานในคอมพิวเตอร์ และอัพโหลดรายงานนั้นส่งไปให้ทางกรมตำรวจให้เสร็จก่อนเช้า รายงานที่เขาเขียนนั้น เป็นข้อมูลของแก๊งอาชญากรแก๊งหนึ่งที่เขาแทรกซึมอยู่ เขาเป็นอดีตสมาชิกของแก๊งอื่นที่ถูกกวาดล้างไปก่อนหน้านี้ เขาถูกจับ และภายหลังได้รับโอกาสให้เป็นสายของตำรวจเพื่อแลกกับอิสรภาพ
เจตได้สร้างผลงานไว้มากมาย อาชญากรคนสำคัญหลายคนถูกจับเพราะฝีมือของเขา เขาจึงเป็นที่ชื่นชมและไว้วางใจของกรมตำรวจอย่างยิ่ง
เจตเลี้ยงชีวิตของเขาด้วยค่าจ้างอันงาม
ณ. ตลาดนัดย่านไชน่าทาวน์...
"ไงอาแปะ ขายดีมั้ยครับ ?" เจตเดินเข้ามากับคู่หูในแก๊งของเขา และทักทายพ่อค้าบะหมี่เกี๊ยวกวางตุ้ง
"อะไรอีกล่ะอาตี๋ อั๊วะจ่ายเลี้ยวหน่า มาทำไมกันอีก ? " อาแปะขายบะหมี่เกี๊ยวออกอาการหวาดกลัว
"ฮ่ะ ฮ่ะ ฮ่ะ... พวกผมมากินบะหมี่เฉยๆ อาแปะ... ขอหมี่เกี๊ยวเป็ดย่างพิเศษเป็ดสองที่ กินที่นี่แหละ"
"อ้อ ! ล่ายๆ เชิญนั่งๆ"
ในแก๊งที่เจตกำลังแทรกซึม เขามีหน้าที่ในกลุ่มเก็บค่าคุ้มครองในตลาดนัดแห่งนี้ ซึ่งเป็นพื้นที่ผลประโยชน์ของแก๊ง บางครั้งเขาจำเป็นต้องลงไม้ลงมือกับร้านที่ไม่ยอมจ่ายค่าคุ้มครอง เช่น พังร้าน ขู่บังคับให้เลิกทำมาค้าขายในพื้นที่ของแก๊งด้วยวิธีการรุนแรงต่างๆ เป็นต้น
บางครั้งก็มีพ่อค้าที่มีฝีมือในการชกต่อยต่อสู้ขัดขืนเจต แต่เจตก็จัดการเอาชนะได้และไล่ออกจากพื้นที่ได้สำเร็จ
" ซี๊ดดดด... ปากกูแตกแบบนี้ หลายวันเลยกว่าจะหาย ไอห่านั่นเสีอกเป็นมวย" เพื่อนในแก๊งชื่อเหยาซึ่งเป็น
คู่หูของเจตบ่นพลางกุมปากที่กลบไปด้วยเลือด
"กูบอกแล้วว่าค่อยๆพูดกับมัน... ไปทำให้มันโมโห แทนที่มันจะจ่าย อดซะ เสียผลประโยชน์อีก คราวนี้
มุงระวังหน่อยละกัน เฮียหล่งรู้เข้าจะไม่พอใจเอา" เจตเตือนคู่หูอาชญากรระดับรากหญ้าของเขา
เจตกับเหยาเริ่มสนิทกันมาขึ้นจนซี้ปึ้ก เพราะทั้งคู่ทำงานในแก๊งร่วมกันบ่อยมาก ในแก๊ง เหยาเป็นที่ดูถูกของคนในแก๊ง เพราะทำงานไม่ค่อยได้เรื่อง และมีร่างกายผอมแห้งบอบบาง แต่ก็ยังเพ้นท์ลายสัก และใส่เครื่องประดับเพื่อให้ตนดูเป็นนักเลง ถูกคนในแก๊งขู่และรังแกบ่อย แต่ก็ถูกเจตปกป้องมาตลอด
หลายครั้งเมื่อปะทะกับตำรวจหรือแก๊งศัตรู เจตจะปกป้องเหยาอย่างสุดชีวิต เหยาจึงเห็นเจตเป็นฮีโร่ไปเสียแล้ว
"แฮ่ก...แฮ่ก...เชี้ยยย... ไอ้เจต...มุงเป็นเพื่อนรักที่สุดของกูเลยว่ะ ! ทำยังไงกูถึงจะเก่งอย่างมุงมั่งวะ ?"
"อันดับแรกเลยนะเว้ย... มุงหาอะไรแด๊กให้มันเยอะๆ หน่อย ร่างกายจะได้มีแรงวิ่งมากกว่านี้ ...
ไอห่า... วันนึงมุงแด๊กแค่มื้อสองมื้อ แต่ละมื้อไม่เกินสี่สิบบาท มุงจะเก็บตังไปหมั้นสาวรึไง ?
ผอมเป็นตะเกียบเสียบผีแบบนี้เก่งไม่ไหวหรอก"
"มุงจะแด๊กเชี้ยอะไรนักหนา ป๊ากับม๊ากูสอนให้ประหยัดโว้ย... ตังแม่มก็ได้ทีละน้อย หลังๆมานี้แก๊ง
บางทีแม่มไม่จ่าย กูเลยต้องมาจิ๊กของสาธารณะไปขายเลี้ยงตัวอีก จนโดนตำรวจไล่จับมาเนี่ยแหละ
จะให้กูทำไง ?...... ชีวิตแม่มไม่ง่ายเลยว่ะ "
"......."
เจตฟังเหยาพูดแล้วรู้สึกหดหู่ ในสมองของเหยานั้นมีแต่ความคิดทางอาชญากรรม ทำให้เจตนึกถึงตัวเขาเองในอดีต และเขารู้มานานแล้วว่า เหยาอยากจะออกจากแก๊งเสียเต็มทีเพราะความที่แก๊งเริ่มระส่ำระส่ายโดยฝีมือของเจตในฐานะสายของตำรวจ แต่กลัวถูกแก๊งล่าตัวในภายหลัง ฐานที่ทรยศ
ที่สำคัญ พ่อแม่ของเหยาก็ตายจากไปหมดเพราะอุบัติเหตุ ญาติก็ไม่ยอมรับ ทำให้เขาต้องมาอยู่ในโลกแห่งอาชญากรรมอย่างทุกวันนี้ ทางเลือกอื่นที่จะทำให้เหยาเอาตัวรอดดูเหมือนจะไม่มีเลย
"เออๆ กูขอโทษ... มุงไม่มีตังมุงก็บอกกูสิวะ ปากมุงอมขี้ไว้รึไง ?"
"ไอห่า... มุงเป็นเพื่อนสนิทกูไม่ได้หมายความว่ากูจะยืมตังขอตังมุงได้ตามสบายนะเว้ย ! เห็นกูแบบนี้
กูเคารพเพื่อนนะเว้ย มุงรู้เปล่า ? ...ขอบใจที่หวังดีว่ะ แต่อย่าเลย... ช่างเหอะ กูเสีอกบ่นไปเอง"
นี่เป็นคุณสมบัติของเหยาที่เจตยอมรับและโยนใจให้ เจตเริ่มมีความคิดอย่างหนึ่งแว๊บเข้ามาในหัว
"เฮ้อ... เฮียหล่งโดนซิวไปแล้ว ลุงเฉ่าก็โดนพวกแก๊งตะขาบดำเก็บ ตลาดนัดแม่มก็โดนเทศกิจยกเลิก
อดกินหมี่เกี๊ยวอาแปะเหมา... ตั้งแต่มีนโยบายกวาดล้างกลุ่มอิทธิพล ตำรวจแม่มก็เพ่นพ่าน... เจ้เหมยที่
เป็นแหล่งเงินหลักๆของพวกเราก็โดนซิวด้วย... พวกพี่หวังแม่มก็ไว้ใจไม่ได้... แล้วก็..."
"ไอ้เจตๆๆ ! มุงหุบปากเลย ! กูฟังแล้วเครียดว่ะ..." คำพูดหวังผลทางจิตวิทยาของเจตได้ผล
หวอ หวอ หวอ หวอ !!! .... "กระจายไป มันอยู่กันแถวนี้แหละ"
"เฮ้ย !! พ่อมุงมา !!"
"เชี้ยยย !! ไปเร็วๆ !!!"
"นั่นไง อยู่นี่เอง ! อ้าวเฮ้ย... หยุด !! บอกให้หยุด !! "
เจตกับเหยาวิ่งกันหน้าตั้งหนีพวกตำรวจที่วนมาเจอพวกเขาในที่ซ่อนจากการหนีระลอกแรกกันอย่างสุดชีวิต ในระหว่างที่วิ่งนั้น เจตได้ตัดสินใจในความคิดที่แว๊บเข้ามาจนได้
(มีต่อข้างล่าง)