ก่อนที่ขบวนธรรมยาตราจะเดินทางผ่านด่าน จ.กำปอด ราชอาณาจักรกัมพูชา เกิดภาพความประทับใจที่สร้างความปิติอย่างสูงทั้งต่อคณะพระสงฆ์และอุบาสก-อุบาสิกา เพราะมีประชาชนชาวกัมพูชาทุกเพศทุกวัยตั้งโต๊ะรอใส่บาตรตลอดเส้นทางที่ขบวนธรรมยาตราเคลื่อนผ่าน แม้จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักแต่ก็ไม่อาจลดทอนพลังศรัทธาอันแรงกล้าของพุทธศาสนิกชนชาวกัมพูชาที่มีต่อพุทธศาสนา
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 กล่าวว่า ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขบวนธรรมยาตราเดินทางผ่าน 4 แผ่นดินแล้ว ผลที่ได้รับถือว่า "เหนือความคาดหมาย ทั้งที่ สปป.ลาว ราชอาณาจักรกัมพูชาและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แม้แต่นายฮอร์นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและพลเอกธนศักดิ์ปฏิมาประกร รองนายกฯไทย ก็พร้อมสนับสนุนการจัดธรรมยาตรา 5 แผ่นดินในครั้งต่อไป
ดร.สุภชัย ระบุว่า แม้พระสงฆ์จะมาจาก 5 ประเทศที่พูดกันคนละภาษา แต่ "บาลี" เป็นภาษาสากล ขั้นแรกต้องปลูกฝังให้พุทธบริษัท 4 ตระหนักร่วมกันว่า มี"พระตถาคต" องค์เดียวกัน จึงมีความเป็น"ญาติธรรม"
เลขาธิการสถาบันโพธิคยา 980 เสนอให้บุคคลในปัจฉิมวัยต้องชี้แนะคนรุ่นต่อไปให้สานต่อความสัมพันธ์โดยใช้พุทธศาสนาเพราะพุทธศาสนาสอนให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่พะวงกับอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
จากนั้นขบวนธรรมยาตรา 5 แผ่นดินเดินทางถึง"วัดเทียนจู๊กดื่อ" หรือ"วัดใหญ่" อ.ฮาเตียน จ.เกียนซาง วัดแห่งนี้มีอายุกว่า 300 ปี
ประมาณปี พ.ศ.2503 พระติช ฟาน เกียน ได้เข้าเยี่ยมวัด สักการะพระพุทธรูปและถ่ายทอดพุทธปรัชญาด้วยผ้าจีวรสีเหลืองของศาสนาพุทธ นิกายหินยาน ได้มีส่วนร่วมปลูกฝังพุทธศาสนิกชนให้มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย
หลังปี พ.ศ.2503 ด้วยการขับเคลื่อนของพระติช ฟาน เกียนทำให้พุทธศาสนิกชนในอำเภอฮาเตียนเกิดศรัทธาต่อศาสนาพุทธนิกายหินยาน มีฆราวาสขอบวชและปฏิบัติธรรมจำนวนมาก
หลังพระติช ฟาน เกียนละสังขารก็มีผู้สืบทอดปณิธานของท่านมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าอาวาสวัดใหญ่องค์ปัจจุบัน คือ พระติช ฟาบ หาว ท่านได้ทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งใกล้-ไกลถวายปัจจัย อุทิศแรงกาย บูรณะอุโบสถ สร้างห้องปฏิบัติธรรม
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ถึงปัจจุบัน "วัดใหญ่" ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการศาสนาของรัฐบาลให้เจ้าอาวาสวัดติชกาน ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย และพระสงฆ์พม่า ทำการสอนวิปัสสนากรรมฐาน มี 7 หลักสูตร สอนปฏิบัติสมาธิตามแนวปฏิบัติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อแสวงหาหนทางดับทุกข์ หลุดพ้นจากกิเลส อุปาทาน สังขาร ขันธ์ไม่เวียนว่ายตายเกิดในทะเลแห่งความทุกข์อีกต่อไป
พุทธศาสนิกชนเวียดนามมีความตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะได้ออกมาร่วมอนุโมทนาบุญและใส่บาตรพระสงฆ์จาก 5 ประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต จึงมีชาวพุทธทุกเพศทุกวัยออกมาใส่บาตรเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
ก่อนออกเดินทางจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม คณะพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลที่วัดใหญ่ จากนั้นขบวนธรรมยาตราออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อให้พระสงฆ์จำวัดที่ วัดสมุทเธีย ราม หรือ วัดหลวงพ่อหมึก
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก..
http://news.voicetv.co.th/thailand/493699.html
ธรรมยาตรา 5 แผ่นดิน...ศรัทธาเสริมสร่างความเป็นญาติธรรม
ก่อนที่ขบวนธรรมยาตราจะเดินทางผ่านด่าน จ.กำปอด ราชอาณาจักรกัมพูชา เกิดภาพความประทับใจที่สร้างความปิติอย่างสูงทั้งต่อคณะพระสงฆ์และอุบาสก-อุบาสิกา เพราะมีประชาชนชาวกัมพูชาทุกเพศทุกวัยตั้งโต๊ะรอใส่บาตรตลอดเส้นทางที่ขบวนธรรมยาตราเคลื่อนผ่าน แม้จะมีฝนตกลงมาอย่างหนักแต่ก็ไม่อาจลดทอนพลังศรัทธาอันแรงกล้าของพุทธศาสนิกชนชาวกัมพูชาที่มีต่อพุทธศาสนา
ดร.สุภชัย วีระภุชงค์ เลขาธิการสถาบันโพธิคยาวิชชาลัย 980 กล่าวว่า ช่วง 1 สัปดาห์ที่ผ่านมา ขบวนธรรมยาตราเดินทางผ่าน 4 แผ่นดินแล้ว ผลที่ได้รับถือว่า "เหนือความคาดหมาย ทั้งที่ สปป.ลาว ราชอาณาจักรกัมพูชาและสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม แม้แต่นายฮอร์นัมฮง รองนายกรัฐมนตรีกัมพูชาและพลเอกธนศักดิ์ปฏิมาประกร รองนายกฯไทย ก็พร้อมสนับสนุนการจัดธรรมยาตรา 5 แผ่นดินในครั้งต่อไป
ดร.สุภชัย ระบุว่า แม้พระสงฆ์จะมาจาก 5 ประเทศที่พูดกันคนละภาษา แต่ "บาลี" เป็นภาษาสากล ขั้นแรกต้องปลูกฝังให้พุทธบริษัท 4 ตระหนักร่วมกันว่า มี"พระตถาคต" องค์เดียวกัน จึงมีความเป็น"ญาติธรรม"
เลขาธิการสถาบันโพธิคยา 980 เสนอให้บุคคลในปัจฉิมวัยต้องชี้แนะคนรุ่นต่อไปให้สานต่อความสัมพันธ์โดยใช้พุทธศาสนาเพราะพุทธศาสนาสอนให้อยู่กับปัจจุบัน ไม่พะวงกับอดีต หรือกังวลกับอนาคตที่ยังมาไม่ถึง
จากนั้นขบวนธรรมยาตรา 5 แผ่นดินเดินทางถึง"วัดเทียนจู๊กดื่อ" หรือ"วัดใหญ่" อ.ฮาเตียน จ.เกียนซาง วัดแห่งนี้มีอายุกว่า 300 ปี
ประมาณปี พ.ศ.2503 พระติช ฟาน เกียน ได้เข้าเยี่ยมวัด สักการะพระพุทธรูปและถ่ายทอดพุทธปรัชญาด้วยผ้าจีวรสีเหลืองของศาสนาพุทธ นิกายหินยาน ได้มีส่วนร่วมปลูกฝังพุทธศาสนิกชนให้มีศรัทธาต่อพระรัตนตรัย
หลังปี พ.ศ.2503 ด้วยการขับเคลื่อนของพระติช ฟาน เกียนทำให้พุทธศาสนิกชนในอำเภอฮาเตียนเกิดศรัทธาต่อศาสนาพุทธนิกายหินยาน มีฆราวาสขอบวชและปฏิบัติธรรมจำนวนมาก
หลังพระติช ฟาน เกียนละสังขารก็มีผู้สืบทอดปณิธานของท่านมาอย่างต่อเนื่อง เจ้าอาวาสวัดใหญ่องค์ปัจจุบัน คือ พระติช ฟาบ หาว ท่านได้ทำให้พุทธศาสนิกชนทั้งใกล้-ไกลถวายปัจจัย อุทิศแรงกาย บูรณะอุโบสถ สร้างห้องปฏิบัติธรรม
ตั้งแต่ปี พ.ศ.2553 ถึงปัจจุบัน "วัดใหญ่" ได้รับอนุญาตจากคณะกรรมการศาสนาของรัฐบาลให้เจ้าอาวาสวัดติชกาน ที่รัฐแคลิฟอร์เนีย และพระสงฆ์พม่า ทำการสอนวิปัสสนากรรมฐาน มี 7 หลักสูตร สอนปฏิบัติสมาธิตามแนวปฏิบัติขององค์พระสัมมาสัมพุทธเจ้าเพื่อแสวงหาหนทางดับทุกข์ หลุดพ้นจากกิเลส อุปาทาน สังขาร ขันธ์ไม่เวียนว่ายตายเกิดในทะเลแห่งความทุกข์อีกต่อไป
พุทธศาสนิกชนเวียดนามมีความตื่นเต้นยินดีเป็นอย่างยิ่งเพราะได้ออกมาร่วมอนุโมทนาบุญและใส่บาตรพระสงฆ์จาก 5 ประเทศเป็นครั้งแรกในชีวิต จึงมีชาวพุทธทุกเพศทุกวัยออกมาใส่บาตรเพื่อความเป็นสิริมงคลในชีวิต
ก่อนออกเดินทางจากสาธารณรัฐสังคมนิยมเวียดนาม คณะพระสงฆ์ฉันภัตตาหารเพลที่วัดใหญ่ จากนั้นขบวนธรรมยาตราออกเดินทางมุ่งหน้าไปยังจังหวัดเกาะกง ราชอาณาจักรกัมพูชา เพื่อให้พระสงฆ์จำวัดที่ วัดสมุทเธีย ราม หรือ วัดหลวงพ่อหมึก
ขอบคุณข้อมูลดีๆ จาก..
http://news.voicetv.co.th/thailand/493699.html