[CR] (Review เมื่อฉันหลงทางในโอกินาว่า) Peach Air_4 เที่ยวบิน สุวรรณภูมิ-โอกินาว่า-ฟุกุโอกะ-โอกินาว่า-สุวรรณภูมิ

ดราม่าบังเกิดมาตั้งแต่หลายเดือนก่อน หลังเปิดเที่ยวบินใหม่ๆ เรื่องที่สายการบินนี้เคยเทผู้โดยสารบ้าง ดีเลย์กันข้ามวันบ้าง หรือดีเลย์ตั้งแต่ครึ่งชั่วโมงไปจนถึง 1 ชั่วโมงบ้าง และในที่สุดก็ถึงตาที่ข้าน้อยจะต้องเดินทางไปกับสายการบินพีชแอร์บ้าง ผู้โดยสารท่านอื่นๆ คงเป็นกังวลบ้างว่าจะเกิดเหตุการณ์อะไรขึ้นไหม แต่สำหรับนิลซึ่งต้องเดินทางจากสนามบินสุวรรณภูมิไปยังโอกินาว่า แล้วต่อเครื่องไปฟุกุโอกะด้วยสายการบินพีชแอร์เช่นเดิม ให้ทันเวลา 2 ชั่วโมง น่าจะต้องลุ้นมากกว่าใครเพื่อน (ล่ะมั้ง)

ด้วยความไม่รู้ เนื่องจากเป็นครั้งแรกที่จองตั๋วเครื่องบินเอง ข้าน้อยจึงไม่ได้จองแบบหลายเส้นทาง ทำให้หากตกเครื่อง จะไม่มีการรับผิดชอบใดๆ จากสายการบิน โอเค ยอมรับความผิดแต่เพียงผู้เดียว และนี่คือเหตุผลที่ทำให้ข้าน้อยต้องลุ้นจนวินาทีสุดท้ายของการเดินทาง ทว่า...


#ย้อนหลัง ตี 1 ของวันที่ 27 เมษายน 2560 วันแรกของการเดินทางแบบบินเดี่ยวจากไทย มุ่งหน้าสู่โอกินาว่า ประเทศญี่ปุ่น เพื่อต่อเครื่องไปฟุกุโอกะ ด้วยสายการบิน Peach โชคดีที่เครื่องไม่ดีเลย์ (ออกจากเกทตรงเวลา ทะยานขึ้นฟ้าในอีก 30 นาทีต่อมา และถึงสนามบินโอกินาว่าก่อนเวลา กับจอดเทียบบันไดตรงเวลาเป๊ะค่ะ)

ขออนุญาตแปะภาพความทรงจำสักนิดนึง


ที่สนามบินสุวรรณภูมิ เคาน์เตอร์เช็คอินจะอยู่ตรงนี้นะคะ


เก็บภาพภายในสนามบินสักนิดนึง





เกทที่เราจะต้องมารอขึ้นเครื่องค่ะ




ตัดภาพมาที่แสงเงินแสงทองวันใหม่บนเครื่องสายการบินพีชแอร์ เครื่องใหม่นะคะ บินนิ่ม หลับสบายดีค่ะ รู้สึกปลอดภัย อาจจะเป็นเพราะอากาศดีด้วย





ในที่สุดก็มาถึงแล้ว



ลงจากเครื่องโดยสวัสดิภาพ หันกลับไปเก็บภาพเครื่องบินที่พาเรามาโอกินาว่าสักนิดนึง เทอร์มินัลไม่ไกลนะคะ ใกล้นิดเดียว แต่ตอนที่นิลไปถึงลมแรง ค่อนข้างหนาวนิดๆ ค่ะ



ภายในเทอร์มินัล ยังว่างมากๆ ค่ะ จุดเช็คอินเที่ยวบินในประเทศและต่างประเทศเป็นที่เดียวกันนะคะ สบายเลย ตอนแรกกังวลมากว่าจะทันไหม ไวไฟฟรีของสนามบินตอนเช้านี่แรงสุดยอดค่ะขอบอก



ร้านค้าในสนามบิน เห็นติดป้าย Tax ฟรีนะคะ น่าจะไปขอคืนภาษีได้ ของที่ขายมีให้เลือกมากกว่าจุดที่เป็นดิวตี้ฟรีค่ะ



ถึงเวลา 9.55 น. ได้เวลาต่อเครื่องไปฟุกุโอกะค่ะ เครื่องออกจากจุดที่จอดตรงเวลาดีมากนะคะ มาเสียเวลารอตอนขึ้นบินประมาณครึ่งชั่วโมง ทำให้ดีเลย์ไป 15 นาทีค่ะ แต่ไม่เป็นไร ถึงโดยสวัสดิภาพก็โอเคแล้วค่ะ



รีวิวเที่ยวฟุกุโอกะจะไว้อัพเดทกระทู้ใหม่นะคะ อันนี้ขอตัดภาพไปวันสุดท้ายที่นิลต้องกลับจากฟุกุโอกะมาต่อเครื่องที่โอกินาว่า เพื่อบินกลับสุวรรณภูมิ ค่าตั๋ว 4 เที่ยวบิน 10,500 บาทค่ะ รวมค่าการเปลี่ยนแปลงของค่าเงินเยนแล้วนะคะ

อันนี้เป็นตอนลงจากเครื่องที่สนามบินโอกินาว่า เพราะสายแล้วมีแดด ก็เลยมีรถบัสมารับถึงบันไดเลยค่ะ ด้านล่างเป็นรูปรถบัสที่มารับพวกเราไปส่งที่เกทค่ะ




หน้าตาเทอร์มินัลหลักของสนามบินโอกินาว่า ให้ความรู้สึกเหมือนเดินทางมาสนามบินอวกาศ เทอร์มินัลของพีชและวานิลาแอร์จะแยกต่างหากนะคะ ต้องขึ้นรถบัสรับส่ง (อีกคัน) มาที่เทอร์มินัลหลักค่ะ


ภาพภายในสนามบินโอกินาว่า





ร้านค้าในสนามบินค่ะ ของขายเยอะมาก แต่ไม่ใช่ดิวตี้ฟรีนะคะ



ข้ามทางเชื่อมไปขึ้นรถไฟรางเดี่ยวค่ะ ตั้งใจจะไปเที่ยวปราสาทชูริกับศาลเจ้านามิโนะอุเอะค่ะ




จากมุมสูงของสถานีรถไฟรางเดี่ยว



เอาล่ะค่ะ มาพบกับประสบการณ์การหลงทางในโอกินาว่าของนิลกันได้เลย ฮาาาา

สัญญาณตาขวากระตุกรัวๆ ของคุณแฟน บวกกับความเอ๋อของข้าน้อย จึงบังเกิดเป็นประสบการณ์อันน่าตื่นเต้น (มั้ง) เมื่อข้าน้อย #หลงทางในโอกินาว่า เกาะทางใต้ของญี่ปุ่น ดินแดนผสมผสานระหว่างวัฒนธรรมญี่ปุ่นกับจีน แต่ดูเหมือนจะออกไปทางจีนเสียมากกว่า
เป็นการเดินทางคนเดียวโดดเดี่ยวครั้งแรกในชีวิตกว่า 7 ชั่วโมงในโอกินาว่า ที่ทำให้สำนึกได้ว่าพอแฟนไม่อยู่ด้วย ตูทำอะไรไม่ได้ขนาดนี้เลยเรอะ (แง...)
เริ่มต้นจากการหาล็อคเกอร์หยอดเหรียญในสนามบินนาฮะ จำต้องเดินวนอยู่หลายรอบ เพราะส่วนใหญ่เป็นตู้แบบจำกัดเวลาแค่ 5 ชั่วโมงในการฝาก ราคาชั่วโมงละ 100 เยน (ทำไมหน้าเลือดจังฟะ) โชคดีที่มี wifi ฟรีของสนามบินให้พอได้ติดต่อแฟน มีการส่งรูปถ่ายป้ายหน้าล็อคเกอร์หยอดเหรียญไปให้ช่วยดู จนกระทั่งได้ล็อคเกอร์ราคาปกติเหมือนในญี่ปุ่นทั่วไป (แต่ไม่ได้หมายความว่าข้าน้อยจะมีเหรียญพอหยอด)

หลังจากนั้นการผจญภัยในโอกินาว่าก็เริ่มต้นขึ้น โดยที่ข้าน้อยไม่รู้เลยว่าจะมีเรื่องชวนตื่นเต้น (เอ่อ... ล่ะมั้ง) เกิดขึ้นเป็นระยะๆ ให้พอได้ลุ้นระทึก ไม่ว่าจะเป็นชาวไทยที่พร้อมใจกันไปเที่ยวโอกินาว่าเสียมากมายจนน่าตื่นเต้น (?) คนขับรถเช่าที่ต้องการนำรถขึ้นไปจอดในเขตปราสาทชูริจากทางคนเดิน ถึงขั้นที่ให้คนนั่งลงไปถอดเครื่องกั้นที่ขวางอยู่ออก (!?) หรือจะเป็นป้ายระวังงูที่ติดอยู่บริเวณทางเดินไปยังประตูทางเข้าปราสาท ซึ่งเป็นทางเลียบกำแพงหินที่เปลี่ยวมากกกกก (ก ไก่ล้านตัว) และมีหญ้าขึ้นรกเสียจนไม่น่าแปลกใจที่จะมีสัตว์แปลกปลอมเลื้อยออกมาทักทายกัน

ภาพตั้งแต่บริเวณทางขึ้นปราสาทชูริค่ะ








ก่อนหน้าที่จะเดินถึงตรงนี้สักเล็กน้อยนี่แหละค่ะ ที่มีป้ายเตือนให้ระวังงู



และแล้วก็มาถึงประตูปราสาท ไม่ไกลนะคะ แต่เปลี่ยว







ตัวปราสาทกำลังทำการบูรณะปรับปรุงค่ะ



ในที่สุดข้าน้อยก็มาถึงประตูทางเข้าปราสาทจนได้ โดยปราสาทชูริแห่งนี้หากมีบัตร one day pass สำหรับขึ้นรถไฟรางเดียวมาแสดง ก็จะได้รับส่วนลดค่าเข้าชมจาก 800 กว่าเยน เหลือ 600 กว่าเยน นับว่าแพงพอตัว เพราะมีการเก็บตั้งแต่เริ่มเข้าเขตปราสาท ต่างจากปราสาทในเกาะใหญ่ที่ส่วนมากจะเก็บเมื่อเราเข้าชมด้านในตัวปราสาท

ด้านในปราสาทชูริมีทั้งส่วนที่สามารถถ่ายรูปได้และไม่สามารถถ่ายรูปได้ค่ะ ก่อนเข้าภายในตัวปราสาทเขาจะมีถุงพลาสติกแจกให้เราใส่รองเท้าที่สวมอยู่หิ้วไปด้วย และจะเก็บถุงคืนเมื่อเราเดินชมด้านในตัวปราสาทเรียบร้อยแล้ว เห็นแต่ละคนที่มาเยี่ยมชมประทับตราปราสาทกันสนุกสนาน แต่นิลไม่มีเวลาขนาดนั้น เลยได้แต่เดินเก็บภาพในจุดที่สามารถเก็บภาพได้ แล้วรีบออกจากปราสาทไปยังที่หมายถัดไป ทว่าทางบังคับออกจากปราสาทเป็นทางสำหรับรถยนต์ ซึ่งไม่ใช่ทางเดียวกับที่นิลขึ้นมา ด้วยเหตุนี้ เหตุการณ์หลงทางในโอกินาว่าจึงบังเกิด เพราะทั้งที่เดินไปตามป้ายบอกทางก่อนออกจากปราสาท แต่เนื่องจากรถบัสมีน้อย (ไม่เจอสักคัน) คนที่ผ่านไปมามีแต่นักท่องเที่ยว และนักท่องเที่ยวส่วนหนึ่งถ้าไม่มากับทัวร์ก็เช่ารถขับกันเอง อีกทั้งเป็นช่วงโกลเดนท์วีค ร้านค้าปิดหมด ถนนโล่งสุดลูกหูลูกตา เราจึงได้แต่เดินไป เดินไป และเดินไป เวลานั้นไม่หวังเจอสถานีรถไฟรางเดี่ยวแล้ว ขอให้เจอถนนใหญ่หรือไม่ก็ชาวญี่ปุ่นเจ้าของพื้นที่ก่อนเถอะ

ทางออกจากปราสาทที่ทำเอานิลเหวอ เมื่อมันไม่ใช่ทางเดิม



ในที่สุดหลังจากเดินไปเรื่อยเปื่อยท่ามกลางแสงแดดยามบ่าย (หน้าไหม้ไม่รู้ตัวเลยทีเดียว) ข้าน้อยก็พบคุณยายท่านหนึ่ง ท่าทางใจดี เลยตรงรี่เข้าไปถามหาสถานีรถไฟด้วยภาษาญี่ปุ่นแบบที่แฟนเคยสอนไว้ คุณยายยิ้มแย้มตอบยาวๆ พลางชี้ไม้ชี้มือ สรุปได้ความว่าให้ตรงไปแล้วเลี้ยวซ้าย แต่ดูเหมือนทางแยกจะมีเยอะจัด คุณยายวิ่งตามมาพูดอะไรบางอย่างอีกยาวๆ ข้าน้อยก็ได้แต่ยิ้มรับ เพราะฟังไม่ออก (แหะๆ) เดาว่าน่าจะบอกว่าเลี้ยวซ้ายตรงไหน ถึงอย่างนั้นเราก็ไม่ลืมที่จะขอบคุณคุณยาย เพราะสุดท้ายข้าน้อยก็มาถึงสถานีรถไฟรางเดี่ยวโดยสวัสดิภาพ แต่เป็นสถานีที่อยู่ห่างจากสถานีทีข้าน้อยลงไปเที่ยวปราสาท 5 สถานี สิริรวมระยะทางน่าจะประมาณ 2 กิโลเมตร


แน่นอนว่าขาสองข้างล้ามาก แต่เพราะเวลาที่เหลือน้อยลงทุกที ข้าน้อยจึงมุ่งหน้าไปยังที่หมายถัดไป นั่นคือ ศาลเจ้านามิโนะอุเอะ ศาลเจ้าริมทะเลต้นแบบของวังมังกรในนิทานปรัมปราของญี่ปุ่นเรื่องอุราชิมะ ทาโระ เป็นศาลเจ้าที่มองหาไม่เจอบนแผนที่ในสถานีรถไฟ (หรือตูดูไม่ละเอียด) แต่เพราะอยากไปมาก (หาเรื่องว่างั้น) เลยออกจากสถานีไปแบบตายเอาดาบหน้า และเราก็พบป้ายบอกทางไปนามิโนะอุเอะ อันเป็นชื่อเดียวกับศาลเจ้า ไม่ผิดหรอกที่มันจะนำทางเราไปยังศาลเจ้าได้ แต่ก็เป็นการเดินทางไกลไปกลับใช้เวลาร่วมชั่วโมง (ในการเดิน)

ตอนเห็นป้ายนี้ดีใจมาก ฮาาาาา





หาดทรายสวยๆ แสนสะอาด ใกล้กับศาลเจ้าค่ะ




ด้านบนหน้าผาคือศาลเจ้านะคะ



***อ่านต่อที่คอมเมนท์นะคะ***

ป.ล.รูปภาพใช้กล้องมือถือถ่าย อาจจะไม่สวยงาม ขออภัยไว้ ณ ที่นี้ค่ะ
ชื่อสินค้า:   สายการบิน Peach Airline, Peach Aviation
คะแนน:     
**CR - Consumer Review : ผู้เขียนรีวิวนี้เป็นผู้ซื้อสินค้าหรือเสียค่าบริการเอง ไม่มีผู้สนับสนุนให้สินค้าหรือบริการฟรี และผู้เขียนรีวิวไม่ได้รับสิ่งตอบแทนในการเขียนรีวิว
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่