ฉันได้ยินเพลงนี้ ครั้งแรกจากเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ
ตอนอะไรก็จำไม่ได้ จำได้ว่า แต้ว ณัฐพร เล่นเป็นนางเอก เจ้าหญิงไร้บัลลังก์ผู้น่ารัก
ตอนได้ฟังครั้งแรกก็ตกหลุมรักเลย
ค่าที่เสียงคุณสุภัทรา เธอหวานเพราะเหลือเกิน มีความแอบเหงา แอบฝันถึง ออดอ้อนบาง ๆ ในน้ำเสียง
จากนั้น ก็ได้ฟังในอีกหลายเวอร์ชั่น
อีก 1 เวอร์ชั่นที่ไพเราะไม่แพ้กันและผู้ร้องมีเทคนิคการร้องและการถ่ายทอดอารมณ์ที่ดีเยี่ยมเลยคือ
เวอร์ชั่นของคุณน้ำมนต์ ธีรนัยน์ ณ หนองคาย
เพลงนี้ ฟังหลายครั้ง ซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรทั้งนั้น
จนได้มีโอกาส เข้าไปอ่านในเฟซบุ๊ค ของ คุณศิเรมอร อุณหธูป หรือพี่เป๊กที่เคารพของดิฉัน
จึงพบข้อความของเธอที่เขียนไว้
"ฉันจะฝันถึงเธอ" สุภัทรา อินทรภักดี
แรกที่ชอบเพราะเป็นคนแพ้เสียงไวโอลิน โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่อากาศนิ่งๆ เงียบๆ
และใจเราก็เงียบนิ่งเสมออากาศ มีเสียงไวโอลินแหวกอวลอากาศทั้งหมดเข้ามาสด -สด
อากาศจะดูฉ่ำหวานเปลี่ยนไปฉับพลัน ใจเราก็เช่นกัน
"ฉันจะฝันถึงเธอ" ไวโอลินนำแทรกมาในอากาศทั้งหมดอย่างนิ่มๆ แล้วค่อยๆเฉือนความรู้สึก
และปล่อยมือ แต่ยังคลออยู่ครั้งคราว ตามติดชิดด้วยเสียงเปียโนพอดีๆ จากนั้น - - -
แก้วเสียงสวยพิสุทธิ์เหมือนเครื่องดนตรีอีกชิ้นหนึ่งของสุภัทราก็พร่างพลิ้วพรมลงมาพรำพรำ
คล้ายผิวแพรผืนบาง จึงเสมือนน้ำอมฤตสำหรับตัวเอง
ผสานกับถ้อยคำวอนเว้าเย้าอยู่ในที อิงอายในที กระอ่วนใจในทีอย่างบอกใครไม่ได้ นอกจาก
อย่างน้อยเธอน่าจะรู้ ผ่านเพลงอันเต็มด้วยถ้อยใจที่เก็บรักษาภายในหัวใจนี้
แลเท่านี้ก็ให้พลังชีวิตที่ทั้ง " อิ่มอกอ่วนอาย " ไม่คลาย
สี่ อ.อ่าง ของผู้ประพันธ์ รุ่นที่เข้าถึงวรรณศิลป์จะรับรสทางภาษาได้คมชัด เข้าถึงความคมคาย
ซึ่งพอหย่อนดนตรีงามซึ้งลงไป อือม - - ดนู ฮันตระกูล ไม่เคยพร่องสิ่งนี้ เพลงนี้สำหรับฉัน
จึงฟังไม่รู้เบื่อ ภาษาคำดนตรี ภาษาหัวใจลงตัวอย่างคลาสสิค
เลยทำให้ยิ่งอิน และตระหนักถึงความงามของภาษาไทย ที่เมื่อเอามาใส่เข้ากับดนตรีตะวันตก อย่างไวโอลิน เปียโน
ก็เข้ากันได้อย่างกลมกลืน ไพเราะ
สำหรับดิฉัน เพลงนี้ มีความพิเศษหลายอย่างที่ฟังแล้ว ชวนให้อมยิ้ม อิ่มใจ และหลงใหล ไปกับท่วงทำนอง คำพูดที่เลือกเฟ้นมาดีแล้ว เจือด้วยอารมณ์เหงา ๆ ช่างฝัน แอบคิดถึง มีความเป็นไทยร่วมสมัยและผสมกลมกล่อมไปกับกลิ่นอายบาง ๆ อิทธิพลตะวันตกได้อย่างดี
คำที่ใช้อย่าง อิ่ม อก อ่วน --- ให้ความรู้สึกอิ่มเอม
ส่วนคำว่า "อบอุ่น" นี่จริง ๆ เป็นอารมณ์ตะวันตกบาง ๆ นะคะ
อาจารย์ที่สอนสังคมดิฉันสมัยเด็ก ๆ เคยตั้งข้อสังเกตว่า เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อน คำอวยพร คำบรรยายถึงความสุข จะเป็นไปในแนว
"เย็นฉ่ำรื่นร่ำ" "ร่มเย็นเป็นสุข"
ส่วนตะวันตกเมืองเค้าหนาว ถึงเปรียบเทียบสิ่งที่ใฝ่ฝัน สิ่งที่ดีงาม เป็นพระอาทิตย์ที่ฉายแสงให้ความอบอุ่น (ที่เมืองไทยนี่ สูรย์ท่านให้ความร้อนชนิดที่เราแทบต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว)
เพราะงั้นเวลาที่ดิฉันได้ยินคำว่า อบอุ่น เธอคือดวงตะวัน อะไรทำนองนี้ ก็จะออกรู้สึกว่า มันให้อารมณ์ฝรั่งมังค่านิด ๆ
คำว่า "ถลำ" นี่ก็เหมาะเจาะมากนะคะ มันเหมือนคนเดินอยู่แล้ว ลื่น หัวคะมำ ถลำเข้ามาในห้วงรัก
คำว่า "ตะวันนิทรา" ก็ใช้คำได้น่ารักมาก ๆ ทำให้นึกภาพตามว่า พระอาทิตย์เค้าไปเข้านอน
เพลงนี้ที่ดิฉันคิดว่าดีเด่นเป็นพิเศษคือ เป็นเพลงหวาน ๆ พ้อ ๆ เพ้อ ๆ แบบกำลังดี
ที่ระดับ master เท่านั้น ถึงจะทำได้ระดับนี้ คือ มาก ดื่มด่ำ เต็มอารมณ์ แต่ไม่ล้น ไม่เกิน
ลงเนื้อกันเต็ม ๆ นะคะ
เมื่อตะวันลับลา ฟ้าก็หมองมืดหม่น ทนเงียบเหงาอ้างว้าง
เมื่อเธอลาลับไกล กลับอุ่นไอไม่สร่าง ใจฉันค้างเคียงเธอ
รู้หรือไม่ว่าภายในดวงตาสองนั่น ฉันได้พบความอบอุ่นใจ
รู้หรือเปล่าว่าข้างใน รอยยิ้มของเธอ
ฉันแอบเพ้อ ละเมอคร่ำครวญ
อิ่มอบอวลไอ
อยากจะบอกซักคำ ฉันได้ถลำหัวใจ ตกอยู่ในความรัก
เมื่อตะวันนิทรา ฟ้าจะรอพบจันทร์ ฉันจะฝันถึงเธอ
รู้หรือไม่ว่าภายในดวงตาสองนั่น ฉันได้พบความอบอุ่นใจ
รู้หรือเปล่าว่าข้างใน รอยยิ้มของเธอ
ฉันแอบเพ้อ ละเมอคร่ำครวญ
อิ่มอกอ่วนอาย
อยากจะบอกซักคำ ฉันได้ถลำหัวใจ ตกอยู่ในความรัก
เมื่อตะวันนิทรา ฟ้าจะรอพบจันทร์ ฉันจะฝันถึงเธอ
เพลงไทยรุ่นใหม่ อาจจะขาดความละเมียดละมุนในการเลือกใช้คำบ้าง แต่สิ่งที่เจ๋งและมีคุณค่าไม่แพ้กัน
คือ เรื่องไอเดียและการเปรียบเทียบ
มันจะล้ำ มันจะโดน มันจะใช่ มันจะเป็นการหยิบจับอะไรที่เห็นได้ใช้อยู่ จับต้องได้มาเปรียบเทียบ
ที่ดิฉันชอบมากคือ รถของเล่น ค่ะ
ทั้งสองเพลง เป็นเพลงที่ดิฉันคิดว่าเป็นศิลปะที่ดีเยี่ยมเหมือนกัน ในแง่ที่เข้าถึงอารมณ์ และ เหนี่ยวนำให้คิดตามได้อย่างรื่นรมย์ค่ะ
สวัสดีวันเสาร์นะคะ
"ฉันจะฝันถึงเธอ" ความงดงามของภาษาไทย ที่ถ่ายทอดได้ไพเราะละมุนละไมในบทเพลง
ฉันได้ยินเพลงนี้ ครั้งแรกจากเรื่องสุภาพบุรุษจุฑาเทพ
ตอนอะไรก็จำไม่ได้ จำได้ว่า แต้ว ณัฐพร เล่นเป็นนางเอก เจ้าหญิงไร้บัลลังก์ผู้น่ารัก
ตอนได้ฟังครั้งแรกก็ตกหลุมรักเลย
ค่าที่เสียงคุณสุภัทรา เธอหวานเพราะเหลือเกิน มีความแอบเหงา แอบฝันถึง ออดอ้อนบาง ๆ ในน้ำเสียง
จากนั้น ก็ได้ฟังในอีกหลายเวอร์ชั่น
อีก 1 เวอร์ชั่นที่ไพเราะไม่แพ้กันและผู้ร้องมีเทคนิคการร้องและการถ่ายทอดอารมณ์ที่ดีเยี่ยมเลยคือ
เวอร์ชั่นของคุณน้ำมนต์ ธีรนัยน์ ณ หนองคาย
เพลงนี้ ฟังหลายครั้ง ซ้ำไปซ้ำมา โดยไม่รู้ที่มาที่ไปอะไรทั้งนั้น
จนได้มีโอกาส เข้าไปอ่านในเฟซบุ๊ค ของ คุณศิเรมอร อุณหธูป หรือพี่เป๊กที่เคารพของดิฉัน
จึงพบข้อความของเธอที่เขียนไว้
"ฉันจะฝันถึงเธอ" สุภัทรา อินทรภักดี
แรกที่ชอบเพราะเป็นคนแพ้เสียงไวโอลิน โดยเฉพาะในห้วงเวลาที่อากาศนิ่งๆ เงียบๆ
และใจเราก็เงียบนิ่งเสมออากาศ มีเสียงไวโอลินแหวกอวลอากาศทั้งหมดเข้ามาสด -สด
อากาศจะดูฉ่ำหวานเปลี่ยนไปฉับพลัน ใจเราก็เช่นกัน
"ฉันจะฝันถึงเธอ" ไวโอลินนำแทรกมาในอากาศทั้งหมดอย่างนิ่มๆ แล้วค่อยๆเฉือนความรู้สึก
และปล่อยมือ แต่ยังคลออยู่ครั้งคราว ตามติดชิดด้วยเสียงเปียโนพอดีๆ จากนั้น - - -
แก้วเสียงสวยพิสุทธิ์เหมือนเครื่องดนตรีอีกชิ้นหนึ่งของสุภัทราก็พร่างพลิ้วพรมลงมาพรำพรำ
คล้ายผิวแพรผืนบาง จึงเสมือนน้ำอมฤตสำหรับตัวเอง
ผสานกับถ้อยคำวอนเว้าเย้าอยู่ในที อิงอายในที กระอ่วนใจในทีอย่างบอกใครไม่ได้ นอกจาก
อย่างน้อยเธอน่าจะรู้ ผ่านเพลงอันเต็มด้วยถ้อยใจที่เก็บรักษาภายในหัวใจนี้
แลเท่านี้ก็ให้พลังชีวิตที่ทั้ง " อิ่มอกอ่วนอาย " ไม่คลาย
สี่ อ.อ่าง ของผู้ประพันธ์ รุ่นที่เข้าถึงวรรณศิลป์จะรับรสทางภาษาได้คมชัด เข้าถึงความคมคาย
ซึ่งพอหย่อนดนตรีงามซึ้งลงไป อือม - - ดนู ฮันตระกูล ไม่เคยพร่องสิ่งนี้ เพลงนี้สำหรับฉัน
จึงฟังไม่รู้เบื่อ ภาษาคำดนตรี ภาษาหัวใจลงตัวอย่างคลาสสิค
เลยทำให้ยิ่งอิน และตระหนักถึงความงามของภาษาไทย ที่เมื่อเอามาใส่เข้ากับดนตรีตะวันตก อย่างไวโอลิน เปียโน
ก็เข้ากันได้อย่างกลมกลืน ไพเราะ
สำหรับดิฉัน เพลงนี้ มีความพิเศษหลายอย่างที่ฟังแล้ว ชวนให้อมยิ้ม อิ่มใจ และหลงใหล ไปกับท่วงทำนอง คำพูดที่เลือกเฟ้นมาดีแล้ว เจือด้วยอารมณ์เหงา ๆ ช่างฝัน แอบคิดถึง มีความเป็นไทยร่วมสมัยและผสมกลมกล่อมไปกับกลิ่นอายบาง ๆ อิทธิพลตะวันตกได้อย่างดี
คำที่ใช้อย่าง อิ่ม อก อ่วน --- ให้ความรู้สึกอิ่มเอม
ส่วนคำว่า "อบอุ่น" นี่จริง ๆ เป็นอารมณ์ตะวันตกบาง ๆ นะคะ
อาจารย์ที่สอนสังคมดิฉันสมัยเด็ก ๆ เคยตั้งข้อสังเกตว่า เมืองไทยเราเป็นเมืองร้อน คำอวยพร คำบรรยายถึงความสุข จะเป็นไปในแนว
"เย็นฉ่ำรื่นร่ำ" "ร่มเย็นเป็นสุข"
ส่วนตะวันตกเมืองเค้าหนาว ถึงเปรียบเทียบสิ่งที่ใฝ่ฝัน สิ่งที่ดีงาม เป็นพระอาทิตย์ที่ฉายแสงให้ความอบอุ่น (ที่เมืองไทยนี่ สูรย์ท่านให้ความร้อนชนิดที่เราแทบต้องร้องขอชีวิตกันเลยทีเดียว)
เพราะงั้นเวลาที่ดิฉันได้ยินคำว่า อบอุ่น เธอคือดวงตะวัน อะไรทำนองนี้ ก็จะออกรู้สึกว่า มันให้อารมณ์ฝรั่งมังค่านิด ๆ
คำว่า "ถลำ" นี่ก็เหมาะเจาะมากนะคะ มันเหมือนคนเดินอยู่แล้ว ลื่น หัวคะมำ ถลำเข้ามาในห้วงรัก
คำว่า "ตะวันนิทรา" ก็ใช้คำได้น่ารักมาก ๆ ทำให้นึกภาพตามว่า พระอาทิตย์เค้าไปเข้านอน
เพลงนี้ที่ดิฉันคิดว่าดีเด่นเป็นพิเศษคือ เป็นเพลงหวาน ๆ พ้อ ๆ เพ้อ ๆ แบบกำลังดี
ที่ระดับ master เท่านั้น ถึงจะทำได้ระดับนี้ คือ มาก ดื่มด่ำ เต็มอารมณ์ แต่ไม่ล้น ไม่เกิน
ลงเนื้อกันเต็ม ๆ นะคะ
เมื่อตะวันลับลา ฟ้าก็หมองมืดหม่น ทนเงียบเหงาอ้างว้าง
เมื่อเธอลาลับไกล กลับอุ่นไอไม่สร่าง ใจฉันค้างเคียงเธอ
รู้หรือไม่ว่าภายในดวงตาสองนั่น ฉันได้พบความอบอุ่นใจ
รู้หรือเปล่าว่าข้างใน รอยยิ้มของเธอ
ฉันแอบเพ้อ ละเมอคร่ำครวญ
อิ่มอบอวลไอ
อยากจะบอกซักคำ ฉันได้ถลำหัวใจ ตกอยู่ในความรัก
เมื่อตะวันนิทรา ฟ้าจะรอพบจันทร์ ฉันจะฝันถึงเธอ
รู้หรือไม่ว่าภายในดวงตาสองนั่น ฉันได้พบความอบอุ่นใจ
รู้หรือเปล่าว่าข้างใน รอยยิ้มของเธอ
ฉันแอบเพ้อ ละเมอคร่ำครวญ
อิ่มอกอ่วนอาย
อยากจะบอกซักคำ ฉันได้ถลำหัวใจ ตกอยู่ในความรัก
เมื่อตะวันนิทรา ฟ้าจะรอพบจันทร์ ฉันจะฝันถึงเธอ
เพลงไทยรุ่นใหม่ อาจจะขาดความละเมียดละมุนในการเลือกใช้คำบ้าง แต่สิ่งที่เจ๋งและมีคุณค่าไม่แพ้กัน
คือ เรื่องไอเดียและการเปรียบเทียบ
มันจะล้ำ มันจะโดน มันจะใช่ มันจะเป็นการหยิบจับอะไรที่เห็นได้ใช้อยู่ จับต้องได้มาเปรียบเทียบ
ที่ดิฉันชอบมากคือ รถของเล่น ค่ะ
ทั้งสองเพลง เป็นเพลงที่ดิฉันคิดว่าเป็นศิลปะที่ดีเยี่ยมเหมือนกัน ในแง่ที่เข้าถึงอารมณ์ และ เหนี่ยวนำให้คิดตามได้อย่างรื่นรมย์ค่ะ
สวัสดีวันเสาร์นะคะ