คุณเชื่อเรื่องรักปาฏิหาริย์รึเปล่า...?

คุณเชื่อเรื่องรักปาฏิหาริย์รึเปล่า...?
มีผู้ชายกับผู้หญิงอยู่คู่หนึ่ง ผู้ชายชื่อกัน ผู้หญิงชื่อส้ม กันกับส้มอยู่หมาลัยเดียวกันและคณะเดียวกัน กันนั้นได้เริ่มคบกับส้มมาสักพักแล้ว เวลามีการบ้านหรืองานกิจกรรมอะไรกันกับส้มก็คอยจะช่วยเหลือซึ่งกันและกัน เวลาส้มมีปัญหาอะไรก็จะปรึกษากันตลอด เวลาส้มป่วยกันก็จะไปดูแลส้มที่บ้าน คอยดูแลตลอดไม่ห่าง เพราะว่าส้มนั้นพ่อแม่เสียไปนานแล้ว ญาติพี่น้องก็ไม่มี ส้มอยู่ตัวคนเดียว ซึ่งแน่นอนว่าผู้หญิงกับผู้ชายอยู่สองต่อสองนั้นคนอื่นๆก็จะคิดถึงเรื่องนั้น แต่ทว่ากันเป็นผู้ชายที่ให้เกียรติผู้หญิง กันรู้ว่าส้มอยู่ตัวคนเดียว กันเลยเป็นคนที่ส้มเชื่อใจมากที่สุด กันเป็นผู้ชายที่ไม่ค่อยใส่ใจเรื่องนั้น(เพศ)มากเท่าไหร่ เพราะเวลาที่กันอยู่ใกล้ส้มกันก็มีความสุขแล้ว กันอยากดูแลส้มไปตลอด กันอยากทำให้ส้มมีความสุข กันคิดอย่างนั้น พอส้มหายดีแล้วกันก็นัดไปเดทกับส้ม เดทครั้งนี้เป็นเดทครั้งแรกของทั้งสองคน กันกับส้มนั้นเลยนัดกันไปเดทที่วัดกัน ไปขอพรกับพระพุทธรูปเพื่อเป็นศิริมงคลแก่ชีวิต ส้มถามกันว่า ขอพรอะไรหรอ กันตอบส้ม เราขอให้เราได้ดูอยู่ดูแลส้มไปตลอด ให้ส้มอยู่กับเราไปตลอดน่ะ ส้มทำท่าทางเขินอายแล้วพูดคำสั้นๆออกมาว่า งั้นหรอ <3 กันเลยถามส้มกลับ แล้วส้มล่ะขอพรอะไรไปล่ะ ส้มแอบอุ๊บอิ๊บไว้ “ไม่บอกหรอก อิอิ” หลังจากนั้นทั้งสองคนก็พากันไปเที่ยวตามสถานที่ต่างๆ วันนี้เป็นวันที่มีความทรงจำดีๆกับทั้งสองคนเลยล่ะ กันกับส้มก็คอยดูแลกันและกันจนใกล้จะถึงวันรับปริญญา กันได้สัญญากับส้มไว้ว่า ถ้าเรียนจบเมื่อไรกันจะขอส้มแต่งงานทันที และแล้ววันรับปริญญาก็มาถึง วันนั้นกันกับส้มก็ได้ถ่ายรูปคู่กัน เป็นวันที่มีความสุขที่สุดของทั้งสองคนเลยล่ะ เพราะว่าหลังจากนี้จะได้อยู่ด้วยกันและดูแลกันแล้ว หลังจากถ่ายรูปเสร็จกันได้บอกกับส้มว่า “พรุ่งนี้เราไปจดทะเบียนสมรสกันนะ” แล้วกันก็ยื่นแหวนมั่นให้ส้ม ส้มเข้าไปกอดด้วยความรู้สึกปลื้มปลิ่มพร้อมกับน้ำตาไหลพรากออกมา ส้มร้องไห้ด้วยความดีใจแล้วพูดแค่คำสั้นๆออกมาว่า “อื้ม” แต่ทว่าฟ้าไม่ได้เป็นใจให้ทั้งสองคนเป็นอย่างนั้น หลังจากรับปริญญาเสร็จกันได้ขับรถไปส่งส้มที่บ้านและกันก็กลับบ้านตามปกติ เวลาช่วย 3 ทุ่มเศษๆ ส้มได้รับโทรศัพท์จากกันโทรมา พอส้มรับสายส้มถึงกลับล้มลงน้ำตาคลอ ซึ่งสิ่งที่เธอได้ยินนั้นไม่ใช่เสียงกัน แต่เป็นเสียงของเจ้าหน้าที่ป่อเต็กตึ๊ง ในหัวของส้มตอนนั้นโล่งขาวไปหมดได้ยินเสียงหวอของรถพยาบาลวนไปวนมาอยู่ในหัว ส้มรู้สึกตัวก็รีบไปหากันที่โรงพยาบาลที่กันรักษาตัวอยู่ เจ้าหน้าได้รีบพากันไปส่งโรงพยาบาลให้เร็วที่สุดเท่าที่จะทำได้ ในตอนนั้นกันยังพอรู้สึกตัวอยู่ว่าเกิดอะไรขึ้นกับตน กันได้แค่ขอภาวนากับผู้เป็นเจ้าว่าอย่าพึ่งให้เราได้จากโลกนี้ไปเลย รู้สึกตัวอีกทีกันก็ได้ลุกออกมาจากเตียงแต่ แน่นอนว่าไม่ได้ลุกออกมาในร่างกายหยาบ แต่ลุกออกมาในสภาพร่างไร้วิญญาณนั่นเอง ตอนนี้กันก็รู้ว่าตัวเองเสียชีวิตแล้วเพราะได้เห็นร่างของตนเองที่นอนจมกองเลือดอยู่บนเตียงกันร้องไห้คร่ำครวญได้แต่มองร่างกายที่ไร้วิญญาณของตนเอง... พอส้มไปถึงโรงพยาบาลก็รีบวิ่งไปที่หน้าห้อง ICU แล้วก็เห็นพ่อแม่ ญาติพี่น้องขอกันร้องห่มร้องไห้อยู่ในห้องนั้น ส้มเดินเข้าไปพร้อมกับมองรอยคราบเลือดที่อยู่บนพื้นแล้วค่อยๆมอง ตามคราบเลือดไปแล้วเห็นกันนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วยในสภาพร่างไร้วิญญาณ พอส้มเห็นกันในสภาพนั้นส้มถึงกับเข่าทรุดลงไปกองกับพื้น แล้วได้จับมือกันพร้อมกับก้มหน้าทั้งน้ำตาแล้วเอ่ยขึ้นมาว่า “ไหนบอกจะอยู่กับเราไปตลอดไม่ใช่หรอ ไหนบอกจะดูแลส้มไปตลอดไม่ใช่หรอ ทำไมถึงจากไปอย่างงี้ล่ะ ทำไมถึงปล่อยให้ส้มอยู่คนเดียวล่ะ กันสัญญากับส้มตอนไปเดทครั้งแรกแล้วนี่ว่าจะดูแลเราตลอดไปน่ะ ทำไมล่ะ ทำไม ขอร้องล่ะพระผู้เป็นเจ้า ให้กันได้ฟื้นขึ้นมาทีเถอะ” กันเห็นส้มและญาติพี่น้องร้องไห้เศร้าเสียใจในการจากไปของตนเอง และแน่นอนที่สุดคนที่กันเป็นห่วงมากที่สุดไม่ใช่ใคร คือส้มนั่นเอง กันเห็นส้มนั่งคุกเข่าเสียใจอยู่กับพื้นและเห็นส้มจับมือของตนในร่างที่ไร้วิญญาณ กันตะโกนระบายความเสียใจออกมาแทบขาดใจ กันเป็นห่วงส้มมากที่สุดเพราะรู้ว่าส้มไม่เหลือใครแล้วถ้าเราจากไป กันได้ตะโกนความเสียใจนั้นออกมา “พระผู้เป็นเจ้า ถ้าท่านมีจริงล่ะก็ขอให้เราได้กลับร่างแล้วขอให้เราได้ดูแลผู้หญิงนี้อีกครั้งทีเถอะ ไม่ว่าจะแลกอะไรก็ตามเราก็ยอม ขอร้องล่ะ!!” กันคร่ำครวญคำๆนี้ออกมาพร้อมกับความเสียใจและความหวัง พระพรหมได้ยินคำภาวนาของผู้ชายคนนี้ก็ได้นิมิตลงมา แล้วพูดว่า “ถ้าเจ้ายอมมาเป็นบริวารของข้า 100 ปี เราจะให้เจ้าสมพรตามคำปรารถนา” กันได้ตอบตกลงโดยไม่ลังเลแต่อย่างใด พอกันรู้สึกตัวอีกที กันรับรู้ได้ว่าร่างกายตนเองหนักขึ้น และกันได้ยินเสียงเล็กๆเหมือนได้ยินเสียงนี้จากที่ไกลๆสักแห่ง “เราอยากอยู่กับกันตลอดไปนะ” กันได้ยินเสียงนี้แผ่วเบามาก แต่แน่นอนว่าไม่ต้องบอกก็รู้ว่าเป็นเสียงของใคร สติของกันก็สลบไปพร้อมกับคำๆนั้น ในตอนนั้นเองเครื่องวัดชีพจรก็ได้มีเสียงดังขึ้นอีกครั้ง ทุกคนในห้องที่ได้ยินเสียงนั้นได้ตื่นจากความเศร้าเสียใจ รู้สึกมีความหวังอีกครั้ง ส้มเองซึ่งได้ยินเสียงนั้นก็รีบเข้าไปกดปุ่มสัญญาณรียกหมอทันที ญาติพี่น้องและส้มเองก็ได้แต่รอความหวังอยู่ข้างนอกห้องICU และหวังว่ากันจะฟื้นกลับมาอีกครั้ง เพราะส้มรับรู้ได้ว่ากันกำลังพยายามอยู่ เวลาประมาณเที่ยงคืนเศษๆหมอได้เดินออกมาจากนอกห้อง พร้อมกับคำพูดที่ทุกคนอยากได้ยินมากที่สุด “คนไข้ปลอดภัยแล้วครับ” ทุกคนได้ยินคำนั้นก็ตื่นจากสภาพที่เศร้าโศกทันที และส้มเองก็เป็นหนึ่งในนั้น ส้มเดินเข้าไปในห้องพร้อมกับฟังเสียงเครื่องวัดชีพจรที่ดังอยู่เป็นระยะๆและค่อยๆมองลงไปที่ใบหน้ากัน ซึ่งกำลังนอนอยู่บนเตียงผู้ป่วย ส้มรู้สึกกลับมามีชีวิตชีวาอีกครั้ง และขอบคุณสิ่งศักสิทธิ์ ขอบคุณทุกสิ่งทุกอย่างที่เธอภาวนาขอพรทั้งหมด ขอบคุณและขอบคุณ
#เนื่องจากว่างมากแล้วสมองแล่นลองแต่งขึ้นมาเล่นๆ
#ได้รับแรงบันดาลใจมาจากเพลงๆหนึ่งจนเกิดมาเป็นเรื่องราวนี้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่