รีวิวหนัง / ความรู้สึกหลังชม Pirates of the Caribbean : Salazar's revenge (ไม่สปอยส์เนื้อเรื่องหลัก)



หลังจากที่มีการประกาศสร้างไว้เมื่อหลายปีก่อน ทำให้คนดูหนังอย่างเราปักธงรอภาคที่ 5 ของแฟรนไชส์หนังโจรสลัดชุดนี้มาอย่างเนิ่นนาน และในที่สุด เราก็ได้มีโอกาสดูกันในโรงเสียที และพบว่า..

(จากนี้ ไม่สปอยส์เนื้อเรื่องหลัก และเป็นความรู้สึกหลังชมของผมเท่านั้น!!)

1. หนังยังมีความอลังการงานสร้างได้ตามสไตล์หนังชุดไพเรท มีฉากมันส์ๆและน่าตื่นตา โดยเฉพาะช่วงต้นเรื่องที่มีการไล่ล่าโจรสลัดปล้นธนาคาร และช่วงท้ายเรื่องในฉากทะเลแหวก ล่าขุมทรัพย์โพไซดอน ช่วงนั้นเรียกได้ว่าชวนลุ้นระทึกไปกับหนังกันเลยทีเดียว


2. ปัญหาอยู่ที่ว่า พอเป็นช่วงอื่นๆของหนัง มันยังมีความ “แห้ง” และมีความ “งั้นๆ” อยู่พอสมควร
อาจเป็นเพราะนี่น่าจะเป็นภาคที่5ของหนัง ทำให้อะไรๆก็ไม่ได้รู้สึกสดใหม่แบบที่เราเคยดูกันมาเมื่อ10กว่าปีก่อนแล้ว ถึงแม้ว่าซีจีจะดูดีขึ้น แต่ว่ารวมๆแล้ว ก็ไม่ได้ถือว่ามีอะไรแปลกใหม่ขนาดนั้น

3. หนังภาคนี้จึงทำให้รู้สึกว่าเหมือนเป็นการรียูเนี่ยน พบปะเพื่อนเก่าอย่างกัปตันแจ๊ค สแปร์โรว์บนจอใหญ่อีกครั้งมากกว่า รวมถึงตัวละครเก่าๆอย่าง กัปตันบาร์บอสซ่า วิล เทอร์เนอร์ อลิซาเบธ สวอน และแน่นอนว่าในภาคนี้ อาจเป็นตัวประเดิมให้นักแสดงใหม่ในแฟรนไชส์ชุดนี้อย่าง แบรนดอน ธเวต และ กายา สกอร์เดอลาริโอ ได้แจ้งเกิด โดยเฉพาะแบรนดอน ที่มาในบท เฮนรี่ เทอร์เนอร์ ลูกของ วิล เทอร์เนอร์ และในภาคนี้ ภารกิจสำคัญอย่างหนึ่งของเขาคือการหาทางช่วยพ่อให้หลุดพ้นการการถูกจองจำในเรือ ฟลายอิ้ง ดัชแมนด์นับร้อยปี ร่วมด้วย จาร์เวีย บาร์เด็ม ในบทโจรสลัดผีสเปนผู้ต้องคำสาป ที่จะมาป่วนภารกิจในภาคนี้


4. ผมชอบตอนจบของหนัง เป็นการจบที่ทำให้รู้สึกว่าเต็มอิ่มแล้วกับหนังชุดนี้ ถ้ามันจะไม่สร้างภาคต่ออีก ก็ถือว่าการจบแบบนี้ เป็นการจบที่ลงตัวเลยทีเดียว (แต่ไม่บอกนะว่าจะมาฟีลไหน อยากให้ไปดูเองมากกว่า)

5. ปัญหาหลักๆของภาคนี้มาจากบทหนังที่ค่อนข้างเลอะเทอะมาก และวิธีการถ่ายทอดของผู้กำกับ ยังขาดเสน่ห์ไม่เหมือนยุคที่ผู้กำกับคนแรกอย่าง กอร์ เวอร์บินสกี้ เคยสร้างสรรค์เอาไว้ ที่สามารถทำให้เรารู้สึก “ว้าว!!” ไปกับตัวหนังได้ แม้ว่าบทจะป่วยเช่นกัน ภาคนี้รวมๆทำให้เรารู้สึกว่ามันแห้งๆไปหน่อย และโดยเฉพาะอย่างยิ่ง มีการเปลี่ยนทีมงานหลักออกไปหลายคน ทำให้เราอาจรู้สึกทะยิ้มๆไปจากเดิม อย่างดนตรี ก็ไม่ใช่ ฮานส์ ซิมเมอร์ มาทำ ถึงแม้ว่าหนังจะใช้ธีมเดิมจากในภาคก่อนๆมาเยอะ แต่ก็รับรู้ได้ว่า มันมีความแปร่งไปจากเดิมอยู่พอตัว


6. รวมๆแล้ว ภาคนี้ ถือว่าลงทุนสูงไม่แพ้ภาคก่อนๆ เผลอๆอาจเยอะกว่า เพราะด้วยคิวการถ่ายทำที่มีปัญหาและถูกยืดออกไปจนงานออกไปล่าช้า หากต้องการไปดูหนังโจรสลัดสักเรื่อง หรือคิดถึงกัปตันแจ๊คบนจอใหญ่ ผมว่าก็คุ้มกับการตีตั๋วเข้าไปดูในโรง แต่ถ้าใครที่คาดหวังความประทับใจให้เหมือนกับแฟรนไชต์ในสมัยช่วงสามภาคแรก ผมคิดว่า อาจเก็บเฉพาะสามภาคนั้นไว้ในความทรงจำก็ได้ เว้นแต่ใครอยากจะมาต่อยอดเนื้อเรื่องจากตรงนั้นให้มีความสมบูรณ์มากขึ้น ภาคนี้ก็มีตอนจบในแบบนั้นที่รอคุณอยู่เช่นกัน

เอาเป็นว่า ใครว่างก็ไปดูไปชมกันนะครับ คุณยังไม่ต้องเชื่อผมก็ได้ อยากให้พิสูจน์กันเอง
เพราะทั้งหมดทั้งมวลนี้ เป็นเพียงความรู้สึกของผมคนเดียวเท่านั้น
ขอให้สนุกกับหนังครับ



คลิกเพื่อดูคลิปวิดีโอ[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่