[หนังโรงเรื่องที่ 188] Pirates of the Caribbean;Salazar's Revenge - โจรสลัดน้อยในดิสนีย์แลนด์ ; (Joachim Ronning, Espen Sandberg, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : แจ็ค สแปโรวและผองเพื่อนโจรสลัดออกตามล่าสมบัติในตำนานอีกครั้ง คราวนี้เป็นคิวของ "ตรีศูรแห่งโพไซดอน" ที่ว่ากันว่าจะทำให้ผุ้ครอบครองมีอำนาจเหนือทะเลทั้งปวง และในขณะเดียวกันกัปตันซาลาซาร์แห่งความตายก็ตามล่าหมายจะล้างแค้นแจ็คเช่นกัน
... ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีหนังเรื่องไหนที่มีเรื่องย่อได้ย่อขนาดนี้ คือเอาจริงๆพล็อตทั้งเรื่องมันก็มีราวๆนี้แหละ
โดยส่วนตัวไม่รู้สึกโอเคกับหนังเรื่องนี้แล้วตั้งแต่ภาคก่อน เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันจบบริบูรณ์ไปแล้ว และสิ่งที่ดิสนีย์พยายามเข็นออกมามันกลายเป็นหนังชุดทำเงินทั่วๆไปที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือของใหม่ๆเพิ่มเติมขึ้นมาเลย (เกือบใกล้เคียงกับสตาร์วอร์/ฮอบบิท/สัตว์วิเศษ ฝรั่งเขาเรียกว่า "Milking a dead cow") แล้วยิ่งมาเจอพล็อตของภาคนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่า 'พอเถอะ' ให้มันเป็นหนึ่งในความทรงจำแห่งยุคไปดีกว่า
ความดรอปอย่างแรกก็คือตัวร้ายอบเสร็จใหม่ๆจากเตาอย่าง "กัปตันซาลาซาร์" (Javier Bardem) ที่เคยโดนแจ็คในวัยหนุ่มเล่นงานไว้จนโดนคำสาปกลายเป็นภูตผีที่คอยวันจะล้างแค้นแจ็ค .. ซึ่งก็เท่านั้นแหละ คือด้วยความที่ตัวละครมันถูกใส่เข้ามาแบบสดใหม่มากๆแบบไม่มีความเชื่อมโยงกับของเก่าๆเลยทำให้มันแลดูไม่น่าสนใจเอาเสียเลย (ให้ความรู้สึกเหมือนทิชชู่เปียกใช้แล้วทิ้งเอามากๆ) แถมทั้งไดอะล็อกทั้งกิริยาท่าทางมันก็ไม่น่าเกรงขามเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าผู้กำกับจะเอาฮาไปไหน คือยิ่งพยายามพูดอวดศักยภาพตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าขันขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น
ที่ตลกอีกอย่างก็คือการที่หนังโจรสลัดโดนปรับโทนให้สว่างขึ้น สว่างขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่ความแวดล้อมของมันนี่โคตรจะดาร์คเหลือเกิน (การแขวนคอในที่สาธารณะ, การสังหารปล้นชิงเรือ) รวมไปถึงความร้ายของตัวแจ็คเองที่เคยเป็นเสน่ห์ตัวละครอย่างหนึ่งในภาคแรกๆมันก็หายไป คือเชื่อว่าทุกคนคงจำได้กับความเป็น asshole ของกัปตันแจ็คที่เคยทำไว้ ถ้ามาเห็นในภาคนี้ รับรองว่าจะนึกภาพไม่ออกเลยล่ะ
โอเค ข้อดีของหนังมันก็มี ก็คงอยู่ที่มุกตลกเล็กๆน้อยๆที่หนังพยายามรีดออกมาได้ แต่ด้วยความที่คาแร็กเตอร์แจ็ค สแปโรว (Johnny Depp) มันไม่พีคเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ความฮามันก็เลยมันเลยดรอปลงไปตามวัยแหละ ในแง่ของความสนุกสนานของการเดินเรือผจญภัยก็ถือว่ากลางๆ พอไปได้แบบถูไถ
สำหรับนางเอกใหม่ในบทของ "คารีน่า" (Kaya Scodelario) นี่ถือว่าเดอะเบสมาก ให้ความรู้สึกเหมือนอลิซาเบธเทิร์นเนอร์ในวัยสาวสุดๆ ทั้งก๋ากั่น ทั้งมีเสน่ห์ ... อนิจจาพอมาจับคู่กับณเดช (Brenton Thwaites) แล้วดันไม่ปังเท่าที่ควร คือเห็นได้จากภาพเลยว่าฝ่ายพระเอกใหม่ดรอปกว่ามากๆ
.
.
กราบขออภัย ไม่มีอะไรจะรีวิวจริงๆ อภิมหาโจรสลัดแห่งแคริบเบียนของเรามันกลายเป็นหนังป๊อปคอร์นทั่วๆไปไปแล้ว นี่ยังรู้สึกขอบคุณกับฉากจบที่ค่อนข้างแฮปปี้พอสมควร และช่วยให้เราคลายปมที่เกิดจากภาคก่อนๆมาได้ แต่นอกจากนั้นแล้วไม่มีอะไรให้พูดถึงเลย เอาเป็นว่าไปดูเอฟเฟคอลังๆ เคล้าบรรยากาศโจรสลัดไปแล้วกันเนอะ
ป.ล.กัปตันบาบอสซ่านี่เกิดมาเพื่อเป็นลูกไล่ให้เค้าใช่มั้ย?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้หากชื่นชอบรีวิวรบกวนช่วยไลค์ช่วยแชร์เพื่อให้กำลังใจหรือติดตามผลงานได้ที่เพจ https://www.facebook.com/expensivemovie/ นะครับ!
[หนังโรงเรื่องที่ 188] Pirates of the Caribbean;Salazar's Revenge - โจรสลัดน้อยในดิสนีย์แลนด์ by ตั๋วหนังมันแพง
[หนังโรงเรื่องที่ 188] Pirates of the Caribbean;Salazar's Revenge - โจรสลัดน้อยในดิสนีย์แลนด์ ; (Joachim Ronning, Espen Sandberg, 2017)
by ตั๋วหนังมันแพง
คะแนนความชอบ : B (จากสเกล D-A)
**ไม่มีการสปอยล์เนื้อเรื่องสำคัญ
เรื่องย่อ : แจ็ค สแปโรวและผองเพื่อนโจรสลัดออกตามล่าสมบัติในตำนานอีกครั้ง คราวนี้เป็นคิวของ "ตรีศูรแห่งโพไซดอน" ที่ว่ากันว่าจะทำให้ผุ้ครอบครองมีอำนาจเหนือทะเลทั้งปวง และในขณะเดียวกันกัปตันซาลาซาร์แห่งความตายก็ตามล่าหมายจะล้างแค้นแจ็คเช่นกัน
... ไม่เคยคิดเลยว่าจะมีหนังเรื่องไหนที่มีเรื่องย่อได้ย่อขนาดนี้ คือเอาจริงๆพล็อตทั้งเรื่องมันก็มีราวๆนี้แหละ
โดยส่วนตัวไม่รู้สึกโอเคกับหนังเรื่องนี้แล้วตั้งแต่ภาคก่อน เรารู้สึกว่าหนังเรื่องนี้มันจบบริบูรณ์ไปแล้ว และสิ่งที่ดิสนีย์พยายามเข็นออกมามันกลายเป็นหนังชุดทำเงินทั่วๆไปที่ไม่ได้มีอะไรพิเศษหรือของใหม่ๆเพิ่มเติมขึ้นมาเลย (เกือบใกล้เคียงกับสตาร์วอร์/ฮอบบิท/สัตว์วิเศษ ฝรั่งเขาเรียกว่า "Milking a dead cow") แล้วยิ่งมาเจอพล็อตของภาคนี้แล้วยิ่งรู้สึกว่า 'พอเถอะ' ให้มันเป็นหนึ่งในความทรงจำแห่งยุคไปดีกว่า
ความดรอปอย่างแรกก็คือตัวร้ายอบเสร็จใหม่ๆจากเตาอย่าง "กัปตันซาลาซาร์" (Javier Bardem) ที่เคยโดนแจ็คในวัยหนุ่มเล่นงานไว้จนโดนคำสาปกลายเป็นภูตผีที่คอยวันจะล้างแค้นแจ็ค .. ซึ่งก็เท่านั้นแหละ คือด้วยความที่ตัวละครมันถูกใส่เข้ามาแบบสดใหม่มากๆแบบไม่มีความเชื่อมโยงกับของเก่าๆเลยทำให้มันแลดูไม่น่าสนใจเอาเสียเลย (ให้ความรู้สึกเหมือนทิชชู่เปียกใช้แล้วทิ้งเอามากๆ) แถมทั้งไดอะล็อกทั้งกิริยาท่าทางมันก็ไม่น่าเกรงขามเอาเสียเลย ไม่รู้ว่าผู้กำกับจะเอาฮาไปไหน คือยิ่งพยายามพูดอวดศักยภาพตัวเท่าไหร่ก็ยิ่งน่าขันขึ้นเรื่อยๆเท่านั้น
ที่ตลกอีกอย่างก็คือการที่หนังโจรสลัดโดนปรับโทนให้สว่างขึ้น สว่างขึ้นเรื่อยๆ ทั้งๆที่ความแวดล้อมของมันนี่โคตรจะดาร์คเหลือเกิน (การแขวนคอในที่สาธารณะ, การสังหารปล้นชิงเรือ) รวมไปถึงความร้ายของตัวแจ็คเองที่เคยเป็นเสน่ห์ตัวละครอย่างหนึ่งในภาคแรกๆมันก็หายไป คือเชื่อว่าทุกคนคงจำได้กับความเป็น asshole ของกัปตันแจ็คที่เคยทำไว้ ถ้ามาเห็นในภาคนี้ รับรองว่าจะนึกภาพไม่ออกเลยล่ะ
โอเค ข้อดีของหนังมันก็มี ก็คงอยู่ที่มุกตลกเล็กๆน้อยๆที่หนังพยายามรีดออกมาได้ แต่ด้วยความที่คาแร็กเตอร์แจ็ค สแปโรว (Johnny Depp) มันไม่พีคเหมือนเมื่อก่อนแล้ว ความฮามันก็เลยมันเลยดรอปลงไปตามวัยแหละ ในแง่ของความสนุกสนานของการเดินเรือผจญภัยก็ถือว่ากลางๆ พอไปได้แบบถูไถ
สำหรับนางเอกใหม่ในบทของ "คารีน่า" (Kaya Scodelario) นี่ถือว่าเดอะเบสมาก ให้ความรู้สึกเหมือนอลิซาเบธเทิร์นเนอร์ในวัยสาวสุดๆ ทั้งก๋ากั่น ทั้งมีเสน่ห์ ... อนิจจาพอมาจับคู่กับณเดช (Brenton Thwaites) แล้วดันไม่ปังเท่าที่ควร คือเห็นได้จากภาพเลยว่าฝ่ายพระเอกใหม่ดรอปกว่ามากๆ
.
.
กราบขออภัย ไม่มีอะไรจะรีวิวจริงๆ อภิมหาโจรสลัดแห่งแคริบเบียนของเรามันกลายเป็นหนังป๊อปคอร์นทั่วๆไปไปแล้ว นี่ยังรู้สึกขอบคุณกับฉากจบที่ค่อนข้างแฮปปี้พอสมควร และช่วยให้เราคลายปมที่เกิดจากภาคก่อนๆมาได้ แต่นอกจากนั้นแล้วไม่มีอะไรให้พูดถึงเลย เอาเป็นว่าไปดูเอฟเฟคอลังๆ เคล้าบรรยากาศโจรสลัดไปแล้วกันเนอะ
ป.ล.กัปตันบาบอสซ่านี่เกิดมาเพื่อเป็นลูกไล่ให้เค้าใช่มั้ย?
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้