พ่อแม่นกอินทรี พอจะวางไข่ พ่อแม่นกก็ช่วยกันทำรัง มันไปเอาแผ่นหินแผ่นใหญ่พอประมาณบางๆ มาวางบนต้นไม้ใหญ่และสูง เป็นชั้นแรก
เอากิ่งไม้ใหญ่มาวางทับบนแผ่นหินเป็นชั้นที่ 2
เอาหนามแหลม มาวางทับกิ่งไม้ใหญ่ เป็นชั้นที่ 3
เอาใบไม้มาวางทับหนามแหลม เป็นชั้นที่ 4
สุดท้ายมันสลัดขนของมันวางทับเป็นขั้นตอนสุดท้าย และมันก็วางไข่ไว้
ในลังอันอ่อนนุ่มของขนแม่มัน เมื่อไข่ได้ฟักออกเป็นตัวเล็กๆ มันก็หาอาหารให้ลูกกินจนอิ่ม เมื่อเวลาผ่านไป มันดูว่าลูกพอจะแข็งแรง มันก็จะเอาขนนกชั้นบนสุดออกจนหมด ทำให้ลูกนกรู้สึกตัวเองว่ามันเจอใบไม้แล้ว แข็งจัง ไม่นุ่มเหมือนขนนกที่เคยอยู่
หลายวันต่อมา แม่มันก็ค่อยๆ รื้อใบไม้ออกอีก ก็เจอหนามแหลม ทำให้ลูกนกรู้สึกตัวเองว่าหนามแหลมคมทิ่มแทงตัวตลอดเวลา ทุกครั้งที่พลิกตัว ก็ต้องค่อยๆ
หลายวันต่อมา แม่มันก็ค่อยๆ รื้อหนามแหลมออกจนหมด ทำให้ลูกนกรู้สึกตัวเองว่า ยืนบนกิ่งไม้ ต้องยืนทรงตัวดีๆ ไม่อย่างนั้นก็จะตกลงพื้นดินได้
และหลายวันต่อมา เมื่อแม่นกได้ฝึกความอดทนทุกอย่างให้ลูกนกได้สัมผัสแล้ว แม่นกก็รื้อแผ่นหินทิ้ง ก็เหลือแต่กิ่งไม้ ซึ่งไม่สามารถอยู่เป็นรังพักได้อีกแล้ว แม่นกก็จับลูกบินไปในอากาศที่สูงมากๆ แล้วปล่อยลูกนกลงมาลอยละลิ่ว เพราะลูกนกยังกางปีกบินไม่เป็น ก็ตกลงมา ซึ่งแม่นกก็คอยดูลูกอยู่ พอลูกเกือบตกถึงพื้น แม่นกก็บินมาโฉบลูกขึ้นไปข้างบนอีก และปล่อยลงมาอีก ทำอย่างนี้เรื่อยๆ หลายๆ ครั้ง จนลูกนกเริ่มกางปีกลอย และสามารถบินอยู่ในอากาศได้
ต่อจากนั้น แม่นกจะฝึกพาลูกออกหากินทุกวัน จนลูกรู้จักหากินได้ พ่อแม่นกก็จะบินหนีลูกนกไปไกลแสนไกล โดยไม่กลับมาหาลูกนกอีกเลย เพราะมันถือว่าได้ทำหน้าที่ให้ลูกดีที่สุดแล้ว ลูกสามารถที่จะอยู่ด้วยตัวเองได้แล้วนั่นเอง เพราะแม่ได้ฝึกทดสอบความอดทน เลี้ยงให้ลูกรู้ความเปลี่ยนแปลงในการอยู่แต่ละขั้นตอนหมดแล้ว และลูกก็ได้สอบผ่านทุกขั้นตอนแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้....เห็นไหมว่า พ่อแม่นกอินทรี สอนลูกให้แข็งแกร่ง เด็ดเดี่ยว เข้มแข็ง กล้าหาญได้ดีมาก เพราะฉะนั้นเราควรสอนลูกให้อยู่กับธรรมชาติให้ได้ สอนให้ช่วยตัวเอง เข้มแข็ง อดทน รู้จักกินของที่มี เพราะพ่อแม่ไม่ได้อยู่เลี้ยงดูลูกได้ตลอดไปนั่นเอง ทุกคนต้องตาย เป็นเรื่องปกติ อย่าสอนลูกให้เป็นนกกระจาบก็แล้วกัน เพราะนกกระจาบสร้างรังอยู่อย่างสวยงาม อยู่กับพ่อแม่ อยู่กับรังตลอดไป จะเห็นว่าเป็นครอบครัวใหญ่ไปเลย ร้องหากันเสียงดัง ไปไหนก็ไปกันเป็นขบวน เวลาตื่นตกใจอะไร ก็วิ่งกันแตกรังอย่างไม่เป็นท่าเป็นทางเลย แสดงให้เห็นว่าจิตใจอ่อนแอ ช่วยตัวเองไม่ได้ ต้องอาศัยผู้อื่นอยู่ตลอดเวลา ไม่เข้มแข็ง ไม่อดทน ไม่ต่อสู้ อยู่ตัวเดียวไม่ได้...[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้
ดั่งนกเจ็บ
พ่อแม่นกอินทรี พอจะวางไข่ พ่อแม่นกก็ช่วยกันทำรัง มันไปเอาแผ่นหินแผ่นใหญ่พอประมาณบางๆ มาวางบนต้นไม้ใหญ่และสูง เป็นชั้นแรก
เอากิ่งไม้ใหญ่มาวางทับบนแผ่นหินเป็นชั้นที่ 2
เอาหนามแหลม มาวางทับกิ่งไม้ใหญ่ เป็นชั้นที่ 3
เอาใบไม้มาวางทับหนามแหลม เป็นชั้นที่ 4
สุดท้ายมันสลัดขนของมันวางทับเป็นขั้นตอนสุดท้าย และมันก็วางไข่ไว้
ในลังอันอ่อนนุ่มของขนแม่มัน เมื่อไข่ได้ฟักออกเป็นตัวเล็กๆ มันก็หาอาหารให้ลูกกินจนอิ่ม เมื่อเวลาผ่านไป มันดูว่าลูกพอจะแข็งแรง มันก็จะเอาขนนกชั้นบนสุดออกจนหมด ทำให้ลูกนกรู้สึกตัวเองว่ามันเจอใบไม้แล้ว แข็งจัง ไม่นุ่มเหมือนขนนกที่เคยอยู่
หลายวันต่อมา แม่มันก็ค่อยๆ รื้อใบไม้ออกอีก ก็เจอหนามแหลม ทำให้ลูกนกรู้สึกตัวเองว่าหนามแหลมคมทิ่มแทงตัวตลอดเวลา ทุกครั้งที่พลิกตัว ก็ต้องค่อยๆ
หลายวันต่อมา แม่มันก็ค่อยๆ รื้อหนามแหลมออกจนหมด ทำให้ลูกนกรู้สึกตัวเองว่า ยืนบนกิ่งไม้ ต้องยืนทรงตัวดีๆ ไม่อย่างนั้นก็จะตกลงพื้นดินได้
และหลายวันต่อมา เมื่อแม่นกได้ฝึกความอดทนทุกอย่างให้ลูกนกได้สัมผัสแล้ว แม่นกก็รื้อแผ่นหินทิ้ง ก็เหลือแต่กิ่งไม้ ซึ่งไม่สามารถอยู่เป็นรังพักได้อีกแล้ว แม่นกก็จับลูกบินไปในอากาศที่สูงมากๆ แล้วปล่อยลูกนกลงมาลอยละลิ่ว เพราะลูกนกยังกางปีกบินไม่เป็น ก็ตกลงมา ซึ่งแม่นกก็คอยดูลูกอยู่ พอลูกเกือบตกถึงพื้น แม่นกก็บินมาโฉบลูกขึ้นไปข้างบนอีก และปล่อยลงมาอีก ทำอย่างนี้เรื่อยๆ หลายๆ ครั้ง จนลูกนกเริ่มกางปีกลอย และสามารถบินอยู่ในอากาศได้
ต่อจากนั้น แม่นกจะฝึกพาลูกออกหากินทุกวัน จนลูกรู้จักหากินได้ พ่อแม่นกก็จะบินหนีลูกนกไปไกลแสนไกล โดยไม่กลับมาหาลูกนกอีกเลย เพราะมันถือว่าได้ทำหน้าที่ให้ลูกดีที่สุดแล้ว ลูกสามารถที่จะอยู่ด้วยตัวเองได้แล้วนั่นเอง เพราะแม่ได้ฝึกทดสอบความอดทน เลี้ยงให้ลูกรู้ความเปลี่ยนแปลงในการอยู่แต่ละขั้นตอนหมดแล้ว และลูกก็ได้สอบผ่านทุกขั้นตอนแล้ว
[Spoil] คลิกเพื่อดูข้อความที่ซ่อนไว้