ทุกคน คง งง ผมเปรียบเทียบแบบนี้ ยังไง ถ้าทุกคนเคยดู มวยปล้ำ กัน จะเห็นว่า คนที่ขึ้นเวทีก่อน จะแพ้เสมอ ซึ่ง หน้ากากนักร้อง S2 ก็เหมือนกัน
ถึงตอนนี้ ก็ 14 รอบละ จนถึงปัจจุบัน คนร้องก่อนจะแพ้ตลอด มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นคือ
1.หน้ากากอีกาเผือก รอบแรก ที่ขึ้นก่อน แต่ชนะ
2.หน้ากากซาลาเปา ร้องรอบ2 ที่ขึ้นก่อน แต่ชนะ หน้ากาก ไก่ฟ้า
นอกนั้น 12 รอบ จาก 14 รอบ คนขึ้นก่อนแพ้ตลอด เหมือนมวยปล้ำ ที่จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน
ยังไงลองไปย้อนดูกันก็ได้ และ อาจเอาเรื่องนี้เป็นแนวทางในการดูครั้งต่อไปก็ได้นะ
###นี่คือความเห็นส่วนตัว####
ผมดู แล้วชอบเปรียบเทียบ ก็เลยดู ของ จีน ของเวียดนาม และ เกาหลี จากที่ดูมา ผมว่า ของไทย จัดเต็มมากกว่าเยอะ
1.เรื่อง คอสซูม จัดเต็ม ซึ่งของต่างประเทศ ไม่ขนาดเรา บางทีมีเพียงหน้ากาก ปิดใบหน้าเท่านั้น แถมหน้ากากก็ทำแบบ ง่ายๆ บางคน ด้วย
2.เรื่อง แสง สี เสียง และ เวที อันนี้เราก็เหนือกว่าเยอะ
3.แนวเพลงการร้อง ของต่างชาติ ร้องเพลง สบายเบาๆ นานๆจะเจอ เพลง ร๊อค หรือ เพลงที่ไล่ระดับเสียงเหมือนเรา
4.ดนตรี และ นักดนตรี อันนี้เหนือกว่าเยอะเลย เพราะ ดูของต่างชาติ แล้วผมว่า เขาลงทุนน้อยกว่าเรานะ ของเราเล่นวง ออเคสตร้า วงใหญ่เลย ยิ่งเวียดนาม ซูมมา บางที เห็นมีเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นเอง ออเคสตร้า ก็ไม่มี ของจีน และ เกาหลีมีบ้าง
5.การเรียบเรียงดนตรีใหม่ แต่ใช้เนื้อร้องเดิม ร้องแบบไหม่ อันนี้ดูแล้วผมว่า ของไทยเด่นเลยละ ขอชม เพราะการร้องเพลงคนอื่น ถ้ามันเหมือนต้นฉบับเกินไป มันไม่มีความแตกต่าง และไม่มีเสน่ ในการ ที่คนฟัง จะอินตามมากนัก และ ไม่มีเอกลักษณ์ ของ นักร้องที่นำมาร้อง จนคนจำได้ ความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ หน้ากากนักร้องเราดูสนุกและน่าสนใจ ใครฟังก็ ร้องว้าว ออกมาเมื่อเริ่มดูหรือดูจบ เพราะคนฟังส่วนใหญ่รวมผมด้วย เมื่อฟังแล้วถ้าเพลงไหนไม่เคยฟัง จะไปหาต้นฉบับฟังเพื่อเปรียบเทียบ แต่เพลงไหนที่เคยฟังแล้ว ก็จะอินตามเลย เออ ร้องแบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ ประมาณนี้
6. ไต้เติ้ล แนะนำ นักร้อง อันนี้ผมชอบมากเลย ต่างชาติไม่มี ดูแล้วทำให้เราอินตามเลยเมื่อนักร้องจะร้องนะ
ซึ่งองค์ประกอบแบบนี้ละ ที่ทำให้เราดูแล้วสนุกและอยากดูต่อ ซึ่งผมมองว่า กว่าจะนำมาให้เราดูได้เบื้องหลัง คงวุ่นวายน่าดู และผมคิดว่า 1 เพลงที่ร้องให้เราฟัง คงเปรียบเทียบเม็ดเงินมหาศาลเลย ในมุมมองผม ทำให้หลายประเทศไม่กล้าลงทุนมากขนาดนี้ เช่น
1.คอสซูม ถ้าร้องแล้วแพ้ จบเลย เปิดหน้ากากมาก็จบละ แต่ต้องทำชุด และสิ่งต่างๆ มากมาย ใช้เงินเยอะพอดูในแต่ละชุด เลย เลข 5หลักเลยผมว่า
ต่างชาติเลยไม่กล้าลงทุนขนาดนี้มังเดาเอา
2.การใช้วงดนตรีเต็มวง ในการเล่นแต่ละครั้ง ใช้เงินเยอะมากเลย และไม่ใช่แค่ตอนเล่นอย่างเดียว มันต้องมีซ้อมด้วย ประเทศอื่นเลยไม่กล้าใช้แบบเราลงทุนเยอะมากเลย
3.อันนี้เดาเอา ของไทยจะมีการเรียบเรียง เสียง เพลง และ ดนตรีใหม่ ให้กับนักร้องที่จะร้อง ซึ่งมันไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆเลย และต้องใช้เวลาและเงินจำนวนมาก เราจึงเห็นต่างประเทศ ไปดูแล้วมันไม่ว้าวเหมือนไทย เพราะมันเหมือนต้นฉบับมากเกินไป เสน่ และ เอกลักษณ์ ของ นักร้องมันเลย ไม่เหมือนของไทย ถ้าดู reaction ต่างประเทศจะเห็นชัดเจนมาก ยิ่งร้องเพลงต่างประเทศ ชัดเจนเลย
แต่ผมเชื่อ อีกไม่นาน กลับไปดูหน้ากากนักร้องของประเทศอื่น จะไม่ต่างจากเรามากละผมว่า เพราะเห็นไทยเป็นตัวอย่าง
ถึงตรงนี้ จริงๆอยากบอกว่า การเปรียบเทียบแบบนี้นั้น บางทีมันก็แฟร์เลย เหตุผลเพราะ จริตคนดู และ แนวคิดของคนทำรายการของประเทศนั้นๆ อาจต่างกับประเทศไทย ผมแค่คิดตามความรู้สึกผมเท่านั้นละ หลังได้ดูของ จีน ไทย เวียดนาม และ เกาหลีแล้ว
ผมมองอย่างผมว่า ของไทยดูแล้ว เหมือนเรา กำลังดู มินิคอนเสิร์ต มากกว่าการดู การแข่งขันแบบจริงจัง เน้นสนุก เน้นฮา ตามแบบฉบับคนไทย นักร้องก็ เน้นเอามันซะส่วนใหญ่ แพ้ชนะผมว่าคิดทุกคนละ แต่ไม่มากเท่าเกาหลีนะผมว่า และแบบนี้ละที่ทำให้ คนดูหลายคน เริ่มสงสัยว่า มีธงจากรายการหรือเปล่า หลายคู่ มันค้านสายตาคนดู (เดาเอาล้วนๆ) เช่น
1.หน้ากากแมงมุม กับ หน้ากากกระเพรา ผมว่าร้องดีทั้งคู่ละ แต่ผมว่า หน้ากากกระเพรา ควรชนะ เพราะมี แอคชั่น และเอนเตอร์เทนคนดูได้มากกว่า
2.หน้ากากซาลาเปา กับ หน้ากากไก่ฟ้า อันนี้ก็มองเหมือนอันแรกน่านละ
เหตุผลเพราะผมมองว่า นี่คือ มินิคอนเสิร์ต ร้องเพลงดีแล้วมันต้องมีลีลาท่าทางถูกใจด้วย กระเพรา กับ ไก่ฟ้า ได้ตรงนี้นั่นเอง
สุดท้าย.......ผมขอฝาก ขอความจากแม่ผมหลังการดูว่า อยากให้พิธีกร ลดเสียงลงบ้างอย่าตะโกนนัก คุณแม่ผมไม่ชอบ และ บอกว่า มันมากเกินไปเปล่าฟังแล้ว ปวดหัว........................และกลัวพิธีกรจะ เส้นเสียงอักเสบ แม่ผมเก่งกว่าผมอีก ทายถูกหลายคน แถมรู้จัก ดาราและนักร้องมากกว่าผมอีกนะ
ออ........ซีซั่นหน้า ถ้าทำอีกอยากให้ถ่ายทอดสด และ ให้คนดูทางบ้านช่วยโหวดด้วยจะยิ่งสนุกเลยผมว่า และ ควรขึ้นคะแนนตอนประกาศด้วยยิ่งดีเลย
ดูหน้ากากนักร้องซีซั่น2 เหมือนกับดูมวยปล้ำ
ถึงตอนนี้ ก็ 14 รอบละ จนถึงปัจจุบัน คนร้องก่อนจะแพ้ตลอด มีเพียง 2 ครั้งเท่านั้นคือ
1.หน้ากากอีกาเผือก รอบแรก ที่ขึ้นก่อน แต่ชนะ
2.หน้ากากซาลาเปา ร้องรอบ2 ที่ขึ้นก่อน แต่ชนะ หน้ากาก ไก่ฟ้า
นอกนั้น 12 รอบ จาก 14 รอบ คนขึ้นก่อนแพ้ตลอด เหมือนมวยปล้ำ ที่จะเป็นแบบนี้เหมือนกัน
ยังไงลองไปย้อนดูกันก็ได้ และ อาจเอาเรื่องนี้เป็นแนวทางในการดูครั้งต่อไปก็ได้นะ
###นี่คือความเห็นส่วนตัว####
ผมดู แล้วชอบเปรียบเทียบ ก็เลยดู ของ จีน ของเวียดนาม และ เกาหลี จากที่ดูมา ผมว่า ของไทย จัดเต็มมากกว่าเยอะ
1.เรื่อง คอสซูม จัดเต็ม ซึ่งของต่างประเทศ ไม่ขนาดเรา บางทีมีเพียงหน้ากาก ปิดใบหน้าเท่านั้น แถมหน้ากากก็ทำแบบ ง่ายๆ บางคน ด้วย
2.เรื่อง แสง สี เสียง และ เวที อันนี้เราก็เหนือกว่าเยอะ
3.แนวเพลงการร้อง ของต่างชาติ ร้องเพลง สบายเบาๆ นานๆจะเจอ เพลง ร๊อค หรือ เพลงที่ไล่ระดับเสียงเหมือนเรา
4.ดนตรี และ นักดนตรี อันนี้เหนือกว่าเยอะเลย เพราะ ดูของต่างชาติ แล้วผมว่า เขาลงทุนน้อยกว่าเรานะ ของเราเล่นวง ออเคสตร้า วงใหญ่เลย ยิ่งเวียดนาม ซูมมา บางที เห็นมีเครื่องดนตรีไม่กี่ชิ้นเอง ออเคสตร้า ก็ไม่มี ของจีน และ เกาหลีมีบ้าง
5.การเรียบเรียงดนตรีใหม่ แต่ใช้เนื้อร้องเดิม ร้องแบบไหม่ อันนี้ดูแล้วผมว่า ของไทยเด่นเลยละ ขอชม เพราะการร้องเพลงคนอื่น ถ้ามันเหมือนต้นฉบับเกินไป มันไม่มีความแตกต่าง และไม่มีเสน่ ในการ ที่คนฟัง จะอินตามมากนัก และ ไม่มีเอกลักษณ์ ของ นักร้องที่นำมาร้อง จนคนจำได้ ความแตกต่างนี้เองที่ทำให้ หน้ากากนักร้องเราดูสนุกและน่าสนใจ ใครฟังก็ ร้องว้าว ออกมาเมื่อเริ่มดูหรือดูจบ เพราะคนฟังส่วนใหญ่รวมผมด้วย เมื่อฟังแล้วถ้าเพลงไหนไม่เคยฟัง จะไปหาต้นฉบับฟังเพื่อเปรียบเทียบ แต่เพลงไหนที่เคยฟังแล้ว ก็จะอินตามเลย เออ ร้องแบบนี้ก็ได้ด้วยหรอ ประมาณนี้
6. ไต้เติ้ล แนะนำ นักร้อง อันนี้ผมชอบมากเลย ต่างชาติไม่มี ดูแล้วทำให้เราอินตามเลยเมื่อนักร้องจะร้องนะ
ซึ่งองค์ประกอบแบบนี้ละ ที่ทำให้เราดูแล้วสนุกและอยากดูต่อ ซึ่งผมมองว่า กว่าจะนำมาให้เราดูได้เบื้องหลัง คงวุ่นวายน่าดู และผมคิดว่า 1 เพลงที่ร้องให้เราฟัง คงเปรียบเทียบเม็ดเงินมหาศาลเลย ในมุมมองผม ทำให้หลายประเทศไม่กล้าลงทุนมากขนาดนี้ เช่น
1.คอสซูม ถ้าร้องแล้วแพ้ จบเลย เปิดหน้ากากมาก็จบละ แต่ต้องทำชุด และสิ่งต่างๆ มากมาย ใช้เงินเยอะพอดูในแต่ละชุด เลย เลข 5หลักเลยผมว่า
ต่างชาติเลยไม่กล้าลงทุนขนาดนี้มังเดาเอา
2.การใช้วงดนตรีเต็มวง ในการเล่นแต่ละครั้ง ใช้เงินเยอะมากเลย และไม่ใช่แค่ตอนเล่นอย่างเดียว มันต้องมีซ้อมด้วย ประเทศอื่นเลยไม่กล้าใช้แบบเราลงทุนเยอะมากเลย
3.อันนี้เดาเอา ของไทยจะมีการเรียบเรียง เสียง เพลง และ ดนตรีใหม่ ให้กับนักร้องที่จะร้อง ซึ่งมันไม่ได้ทำกันได้ง่ายๆเลย และต้องใช้เวลาและเงินจำนวนมาก เราจึงเห็นต่างประเทศ ไปดูแล้วมันไม่ว้าวเหมือนไทย เพราะมันเหมือนต้นฉบับมากเกินไป เสน่ และ เอกลักษณ์ ของ นักร้องมันเลย ไม่เหมือนของไทย ถ้าดู reaction ต่างประเทศจะเห็นชัดเจนมาก ยิ่งร้องเพลงต่างประเทศ ชัดเจนเลย
แต่ผมเชื่อ อีกไม่นาน กลับไปดูหน้ากากนักร้องของประเทศอื่น จะไม่ต่างจากเรามากละผมว่า เพราะเห็นไทยเป็นตัวอย่าง
ถึงตรงนี้ จริงๆอยากบอกว่า การเปรียบเทียบแบบนี้นั้น บางทีมันก็แฟร์เลย เหตุผลเพราะ จริตคนดู และ แนวคิดของคนทำรายการของประเทศนั้นๆ อาจต่างกับประเทศไทย ผมแค่คิดตามความรู้สึกผมเท่านั้นละ หลังได้ดูของ จีน ไทย เวียดนาม และ เกาหลีแล้ว
ผมมองอย่างผมว่า ของไทยดูแล้ว เหมือนเรา กำลังดู มินิคอนเสิร์ต มากกว่าการดู การแข่งขันแบบจริงจัง เน้นสนุก เน้นฮา ตามแบบฉบับคนไทย นักร้องก็ เน้นเอามันซะส่วนใหญ่ แพ้ชนะผมว่าคิดทุกคนละ แต่ไม่มากเท่าเกาหลีนะผมว่า และแบบนี้ละที่ทำให้ คนดูหลายคน เริ่มสงสัยว่า มีธงจากรายการหรือเปล่า หลายคู่ มันค้านสายตาคนดู (เดาเอาล้วนๆ) เช่น
1.หน้ากากแมงมุม กับ หน้ากากกระเพรา ผมว่าร้องดีทั้งคู่ละ แต่ผมว่า หน้ากากกระเพรา ควรชนะ เพราะมี แอคชั่น และเอนเตอร์เทนคนดูได้มากกว่า
2.หน้ากากซาลาเปา กับ หน้ากากไก่ฟ้า อันนี้ก็มองเหมือนอันแรกน่านละ
เหตุผลเพราะผมมองว่า นี่คือ มินิคอนเสิร์ต ร้องเพลงดีแล้วมันต้องมีลีลาท่าทางถูกใจด้วย กระเพรา กับ ไก่ฟ้า ได้ตรงนี้นั่นเอง
สุดท้าย.......ผมขอฝาก ขอความจากแม่ผมหลังการดูว่า อยากให้พิธีกร ลดเสียงลงบ้างอย่าตะโกนนัก คุณแม่ผมไม่ชอบ และ บอกว่า มันมากเกินไปเปล่าฟังแล้ว ปวดหัว........................และกลัวพิธีกรจะ เส้นเสียงอักเสบ แม่ผมเก่งกว่าผมอีก ทายถูกหลายคน แถมรู้จัก ดาราและนักร้องมากกว่าผมอีกนะ
ออ........ซีซั่นหน้า ถ้าทำอีกอยากให้ถ่ายทอดสด และ ให้คนดูทางบ้านช่วยโหวดด้วยจะยิ่งสนุกเลยผมว่า และ ควรขึ้นคะแนนตอนประกาศด้วยยิ่งดีเลย