กระทู้แรกเลยคะ ไม่มีเจตนาให้ร้ายใครๆ หรือดูหมิ่นคุณหมอท่านไหนนะคะ เพียงอยากแชร์ประสบการณ์ของตัวเอง ถ้าภาษาไทยใช้ไม่ถูกต้อง ผิดพลาดเราขออภัยณ.ที่นี้ด้วยคะ
ชีวิตวัยเด็กเอาที่จำความได้ ตั้งแต่ประถม เลือดกำเดาไหลทุกวัน ง่วงนอนให้ห้องเรียน ขี้เกียจทำกิจกรรม นอนไม่เคยพอ ยิ่งวิชาอันไหนที่เรียนไม่ทันหลับไปเลย (ครูปล่อยให้นอนไม่ปลุก และโดนตีประจำเพราะหาว่าขี้เกียจ) จนเข้า ม.ต้น - ม.ปลาย ยิ่งแล้วใหญ่ ง่วงเบื่อเรียน เรียนจะตกไม่ตกตลอดเวลา เป็นหวัดบ่อยเป็นที่นานเป็นเดือนๆ ไอมากแทบจะขาดใจ ปีนึงเป็นหวัด6-7ครั้ง (เพื่อนบอกไอทีดังไปทั้งโรงเรียน) ยิ่งเข้าช่วงมหาลัย เหนื่อยเหลือเกินคะ หลับในห้องเรียนตลอด อาจารย์หลายๆคนก็ไม่ค่อยชอบหน้า เหมือนเด็กไม่ตั้งใจเรียน ด้วยความที่ต้องตื่นนอนตี4-ตี5 ขับรถจากบางนาไปเรียนฝั่งธน นอนตี1ตี2ทุกวันเพราะรายงานเยอะ เลยทำให้ง่วงตลอดเวลา ไม่สดใสเลย ยิ่งตอนขับรถบนถนนรถติดๆๆ หลับคาถนนเลยคะ ส่วนพวกหวัดก็เป็นมาตลอด จนเรียนปี3 ไปอยู่เมืองนอก ตรงกับช่วงฤดูใบไม้ผลิ สุดยอดเลยคะ นอนไม่ได้เลยทรมานมาก จมูกตัน เลือดกำเดาไหล แน่นหน้าอก หมอให้พ่นยาและทานยารักษาหวัดไป แต่ความมึนก็ยังมี (ลืมบอกคะ ด้วยความที่เรียนนานาชาติมาตั้งแต่ประถมจนมหาลัย บรรยากาศการเรียนเลยง่ายๆสบายๆ บอกว่าไม่สบายครูจะไม่กวนเลย)
จนเรียนจบปี52 เริ่มทำงาน ทำไมมึนนิดๆ มึนทุกวัน หายใจลำบากมาก เวียนหัว ก็เริ่มไปหาหมออายุรกรรม แต่ส่วนใหญ่หมอบอกว่าเครียดลงกระเพราะ ให้ยาคลายเครียด มาตลอด 4ปี ก็เริ่มกลัวว่าเป็นความดัน เพราะงานหนักมาก หน้าที่รับผิดชอบสูง แม่เตือนเสมอระวังเป็นความดันแบบพ่อ เราจะกลัวมากเพราะเห็นคนที่บ้านเส้นเลือดในสมองแตกกันหลายคน ก็จะระวังตัวเองไม่ให้เคลียด จนปี56 เราเริ่มสังเกตุตัวเอง มันมึนมานานและ กินยาพาราและยาแก้เครียด ก็ไม่ดีขึ้น และเราเริ่มลืม ลืมว่าจะทำอะไร ใครพูดอะไรไม่เข้าหูเลย งานเริ่มไม่เดินไม่มีสมาธิ จดจออะไรไม่ได้เลย ขับรถอยู่เริ่มลืมว่าจะไปไหน เหมือนคนเบลอ ตื่นนอนบ่อยทุกชั่วโมง เข้าห้องน้ำบ่อย เหงื่อออกตอนนอน ฝันร้าย มึนเวียนหัวเหนื่อยมากทั้งที่ตื่นมาไม่ได้ทำอะไร เราเริ่มไปหาหมอจริงจัง
ปี56จุดแรกที่ไปคือหมอหัวใจเพราะแม่เป็นคนบอกให้ไปตรวจดู หมอบอกความดันหัวใจปกติ และส่งเราไปหาหมอต่อมไร้ท่อ โดนตรวจเลือด หมอบอกน้ำตาลสูง นั้นคือสาเหตุที่ทำให้เรามึนหัว ตื่นนอนบ่อยทุกชั่วโมง เข้าห้องน้ำบ่อย เหงื่อออกตอนนอน และหมอบอกเราเสี่ยงเป็นเบาหวาน น้ำหนักเยอะด้วย หมอให้กินยาลดน้ำตาลไปเลย น้ำหนักจะได้ลงด้วยและจะได้หายมึน กะยิ่งปืนนัดเดียวได้นก2ตัว แต่กลายเป็นว่า 2ปีเต็มๆ เชื่อหมอไม่ดื้อเลย กินยาลดน้ำตาลไป ความมึนและมึนไม่ดีขึ้นเลย นานไป แถมด้วยการอ้วกบ่อย เพราะกินยาลดน้ำตาลโดสแรงไปค่าน้ำตาลเลยต่ำ ก็ทำให้อ้วก (วันที่อ้วกจนทานอะไรไม่ได้ ทำงานอยู่ต่างประเทศพอดีเลยไปหาหมออีกคนชั่วคราว หมอทักมาทำไมกินยาแรงจังและหมอคนนี้ก็ปรับยาลดลงครึ่งนึงทันที ความสงสัยจึงเริ่มมา)
เรากลับมาไทยไปขอดูประวัติการตรวจเลือดเก่าๆ ทุกวันนี้นั่งคิด น้ำตาลสูงตรงไหน 80-100นิดๆเอง เรามีผลข้างเคียงที่เราไม่อาจให้อภัยหมอต่อมไร้ท่อได้อีก เพราะเส้นประสาทมือและเท้าชาเป็นเน็บตลอดเวลา เราเสียการรับรู้ความรู้สึกไปพอสมควร ที่แย่กว่านั้นคือ หัวและใบหน้าก็ชาเหมือนเหน็บกินเช่นกัน เพราะยาลดน้ำตาลแท้ๆ หมอคนใหม่ส่งไปรักษากับหมอระบบประสาท หมอระบบประสาทบอกว่าปลายเส้นประสาทโดนทำร้ายไปค่อนข้างเยอะ ก็เริ่มรักษาเส้นประสาทมาเรื่อยๆๆ ปี59 กลายเป็นว่า ยังมึนหัวอยู่ไม่หายเลย ความจำเริ่มแย่ไปจนเราเริ่มไม่สนใจอะไร งานก็ทำเท่าที่ทำได้ มือเท้าหัวหน้าชา บวกกับเรามีอาการผิดปกติของมดลูกอยู๋แล้ว เวลาเป็นPMDD เราคิดฆ่าคิดค่าตัวตาย อยากตายให้มันร็แล้วร็รอด เขียนสั่งเสียทุกอย่าง เพราะไม่มีหมอคนไหนหาเหตุผลได้ว่าที่เรามึนเพราะอะไร อยู๋ไปก็เปลืองตังมีเงินเท่าไรลงกับหมอหมดเลย แถมไม่หายด้วย แต่พอ ปจด หมด PMDDก็หายไป เราก็โอเคขึ้นมานิด
กลางปี59 ด้วยความที่เรา แคะหูวันนึงเป็น10ๆที ไปบาร์เบอร์ หายคันไป4-5วัน แต่วันนั้นเราไม่ไหว แคะจนนิ้วโป้งที่มันชาเป็นทุนเดิม แคะจนไม่มีแรงและปวดทันที เราถึงยอมไปหาหมอ เพื่อนเป็นคนแนะนำให้ไปหาหมอ หู คอ จมูก ท่านนึง เราบอกหมอคันหูมาก หมอดูโพรงจมูก ดูคอ ดูหู หมอบอกขอส่งไปทำ CT และมาดูผล หมอแกบอกว่าที่คันหูมันมาจากภูมิแพ้ หมอสั่งตรวจหลายตัวเลย และสักประวัติเรา ตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างที่เป็นมันชี้มาที่ภูมิแพ้หมดเลย และหมอบอก ฟังจากที่เล่าหมอสงสัยว่าเราเป็นตั้งแต่เด็ก แต่ที่ ผปค.ไม่เคยรู้ว่าเราเป็นภูมิแพ้
หมอพ่นจมูก นั้นคือครั้งแรกในชีวิตที่เรารู้ว่า คำว่าหายใจโล่งแบบคนปกติคือยังไงใน แปลกๆแต่ดีใจเป็นที่สุด หมอสั่งยามาให้2อาทิตย์, 1เดือน, 6เดือน เราเอ่ยบอกบอกหมอ หมอคะ หนูมึนหัวจังไม่รู้ทำไม ขี้ลืมด้วย จนหลายครั้งหนูต้องมาทะเลาะกับแม่เพราะ แม่หาว่าสั่งแล้วไม่ทำ ทั้งที่หนูลืมจริงๆ หนูหาหมอมาหลายคนนานมากเรื่องมึนหัว แต่กลายเป็นได้โรคอะไรมาไม่รู้เพิ่มมาเฉย หมอหัวเราะ เอาเด่วหมอส่งไปทำ Sleep test มันคงไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นแล้วละอื่น ค่าใช่จ่ายไหวนะ เรามาถึงจุดนี้ สู้คะหมอ เท่าไรเท่ากันขอให้หนูหายเถอะ
ต้นปี60 เราไปทำ sleep test รอผล5วัน หมอโทรมาหาเองเลย บอก พรุ่งนี้ให้รีบมาหาหมอนะ เราหยุดหายใจไป 46ครั้ง ต่อชั่วโมง นานที่สุดคือ 41วินาทีระดับอ็อกซิเจน77% เราเป็นSleep apnea หมอบอกผลแสดงว่า เราหยุดหายใจจากประสาทส่วนกลางด้วย และมีการอุดกลั่นทางเดินหายใจเอง และนี้เองคือเหตุผลของทั้งหมดทั้งมวลของอาการมึนหัว ที่เราเป็นมาตั้งแต่เด็ก
หมอการรักษามี2ทาง ใส่ เครื่องCPAP หรือ ผ่าตัด เราก็เราเลือกใส่เครื่องCPAP ดีกว่าเพราะไปอ่านมาผ่าไปอาจไม่ได้ผล100% เราเริ่มทดลองเครื่องมาได้2วัน วันแรกอึกอัด วันที่2 บอกกับแม่ว่ารู้สึกยังไงแม่ แล้วแอบร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องน้ำ เราดีใจมากมาก สิ่งที่เราเป็นเกินครึ่งชีวิต มันดีขึ้นใน2คืน ตัวหวิวๆโล่งๆๆ สบายตัวจัง ไม่รู้สึกว่าหนักตัวเลย บวกกับจมูกเราหายใจโล่งขึ้น ไม่มีอะไรที่จะสบายไปกว่านี้อีกแล้ว วันที่3/4/5 ยิ่งดีขึ้น เรามีความสุขกับตัวเรามากหลับได้ยาว ไม่ฝันร้าย ไม่เหงือออกอีก ตอนนี้ใส่เครื่องมาได้2เดือนแล้วคะ และค่าต่างๆดีขึ้นด้วยทั้งความดัน ความจำ สมาธิ
ป.ล. เรานอนแยกห้องกับแม่ตั้งแต่7ขวบ เลยไม่มีใครสังเกตุ ว่าเราหยุดหายใจตอนนอน แม้กระทั้งแฟนก็บอกว่า เราไม่ได้นอนกรนอะไร
กระทู้หน้าจะเขียนเกี่ยวกับการเลือกเครื่อง CPAP ราคา ที่เราได้หาข้อมูลไว้คะ
กว่าจะรู้ว่าเป็น เราหยุดหายใจตอนนอน Sleep Apnea
ชีวิตวัยเด็กเอาที่จำความได้ ตั้งแต่ประถม เลือดกำเดาไหลทุกวัน ง่วงนอนให้ห้องเรียน ขี้เกียจทำกิจกรรม นอนไม่เคยพอ ยิ่งวิชาอันไหนที่เรียนไม่ทันหลับไปเลย (ครูปล่อยให้นอนไม่ปลุก และโดนตีประจำเพราะหาว่าขี้เกียจ) จนเข้า ม.ต้น - ม.ปลาย ยิ่งแล้วใหญ่ ง่วงเบื่อเรียน เรียนจะตกไม่ตกตลอดเวลา เป็นหวัดบ่อยเป็นที่นานเป็นเดือนๆ ไอมากแทบจะขาดใจ ปีนึงเป็นหวัด6-7ครั้ง (เพื่อนบอกไอทีดังไปทั้งโรงเรียน) ยิ่งเข้าช่วงมหาลัย เหนื่อยเหลือเกินคะ หลับในห้องเรียนตลอด อาจารย์หลายๆคนก็ไม่ค่อยชอบหน้า เหมือนเด็กไม่ตั้งใจเรียน ด้วยความที่ต้องตื่นนอนตี4-ตี5 ขับรถจากบางนาไปเรียนฝั่งธน นอนตี1ตี2ทุกวันเพราะรายงานเยอะ เลยทำให้ง่วงตลอดเวลา ไม่สดใสเลย ยิ่งตอนขับรถบนถนนรถติดๆๆ หลับคาถนนเลยคะ ส่วนพวกหวัดก็เป็นมาตลอด จนเรียนปี3 ไปอยู่เมืองนอก ตรงกับช่วงฤดูใบไม้ผลิ สุดยอดเลยคะ นอนไม่ได้เลยทรมานมาก จมูกตัน เลือดกำเดาไหล แน่นหน้าอก หมอให้พ่นยาและทานยารักษาหวัดไป แต่ความมึนก็ยังมี (ลืมบอกคะ ด้วยความที่เรียนนานาชาติมาตั้งแต่ประถมจนมหาลัย บรรยากาศการเรียนเลยง่ายๆสบายๆ บอกว่าไม่สบายครูจะไม่กวนเลย)
จนเรียนจบปี52 เริ่มทำงาน ทำไมมึนนิดๆ มึนทุกวัน หายใจลำบากมาก เวียนหัว ก็เริ่มไปหาหมออายุรกรรม แต่ส่วนใหญ่หมอบอกว่าเครียดลงกระเพราะ ให้ยาคลายเครียด มาตลอด 4ปี ก็เริ่มกลัวว่าเป็นความดัน เพราะงานหนักมาก หน้าที่รับผิดชอบสูง แม่เตือนเสมอระวังเป็นความดันแบบพ่อ เราจะกลัวมากเพราะเห็นคนที่บ้านเส้นเลือดในสมองแตกกันหลายคน ก็จะระวังตัวเองไม่ให้เคลียด จนปี56 เราเริ่มสังเกตุตัวเอง มันมึนมานานและ กินยาพาราและยาแก้เครียด ก็ไม่ดีขึ้น และเราเริ่มลืม ลืมว่าจะทำอะไร ใครพูดอะไรไม่เข้าหูเลย งานเริ่มไม่เดินไม่มีสมาธิ จดจออะไรไม่ได้เลย ขับรถอยู่เริ่มลืมว่าจะไปไหน เหมือนคนเบลอ ตื่นนอนบ่อยทุกชั่วโมง เข้าห้องน้ำบ่อย เหงื่อออกตอนนอน ฝันร้าย มึนเวียนหัวเหนื่อยมากทั้งที่ตื่นมาไม่ได้ทำอะไร เราเริ่มไปหาหมอจริงจัง
ปี56จุดแรกที่ไปคือหมอหัวใจเพราะแม่เป็นคนบอกให้ไปตรวจดู หมอบอกความดันหัวใจปกติ และส่งเราไปหาหมอต่อมไร้ท่อ โดนตรวจเลือด หมอบอกน้ำตาลสูง นั้นคือสาเหตุที่ทำให้เรามึนหัว ตื่นนอนบ่อยทุกชั่วโมง เข้าห้องน้ำบ่อย เหงื่อออกตอนนอน และหมอบอกเราเสี่ยงเป็นเบาหวาน น้ำหนักเยอะด้วย หมอให้กินยาลดน้ำตาลไปเลย น้ำหนักจะได้ลงด้วยและจะได้หายมึน กะยิ่งปืนนัดเดียวได้นก2ตัว แต่กลายเป็นว่า 2ปีเต็มๆ เชื่อหมอไม่ดื้อเลย กินยาลดน้ำตาลไป ความมึนและมึนไม่ดีขึ้นเลย นานไป แถมด้วยการอ้วกบ่อย เพราะกินยาลดน้ำตาลโดสแรงไปค่าน้ำตาลเลยต่ำ ก็ทำให้อ้วก (วันที่อ้วกจนทานอะไรไม่ได้ ทำงานอยู่ต่างประเทศพอดีเลยไปหาหมออีกคนชั่วคราว หมอทักมาทำไมกินยาแรงจังและหมอคนนี้ก็ปรับยาลดลงครึ่งนึงทันที ความสงสัยจึงเริ่มมา)
เรากลับมาไทยไปขอดูประวัติการตรวจเลือดเก่าๆ ทุกวันนี้นั่งคิด น้ำตาลสูงตรงไหน 80-100นิดๆเอง เรามีผลข้างเคียงที่เราไม่อาจให้อภัยหมอต่อมไร้ท่อได้อีก เพราะเส้นประสาทมือและเท้าชาเป็นเน็บตลอดเวลา เราเสียการรับรู้ความรู้สึกไปพอสมควร ที่แย่กว่านั้นคือ หัวและใบหน้าก็ชาเหมือนเหน็บกินเช่นกัน เพราะยาลดน้ำตาลแท้ๆ หมอคนใหม่ส่งไปรักษากับหมอระบบประสาท หมอระบบประสาทบอกว่าปลายเส้นประสาทโดนทำร้ายไปค่อนข้างเยอะ ก็เริ่มรักษาเส้นประสาทมาเรื่อยๆๆ ปี59 กลายเป็นว่า ยังมึนหัวอยู่ไม่หายเลย ความจำเริ่มแย่ไปจนเราเริ่มไม่สนใจอะไร งานก็ทำเท่าที่ทำได้ มือเท้าหัวหน้าชา บวกกับเรามีอาการผิดปกติของมดลูกอยู๋แล้ว เวลาเป็นPMDD เราคิดฆ่าคิดค่าตัวตาย อยากตายให้มันร็แล้วร็รอด เขียนสั่งเสียทุกอย่าง เพราะไม่มีหมอคนไหนหาเหตุผลได้ว่าที่เรามึนเพราะอะไร อยู๋ไปก็เปลืองตังมีเงินเท่าไรลงกับหมอหมดเลย แถมไม่หายด้วย แต่พอ ปจด หมด PMDDก็หายไป เราก็โอเคขึ้นมานิด
กลางปี59 ด้วยความที่เรา แคะหูวันนึงเป็น10ๆที ไปบาร์เบอร์ หายคันไป4-5วัน แต่วันนั้นเราไม่ไหว แคะจนนิ้วโป้งที่มันชาเป็นทุนเดิม แคะจนไม่มีแรงและปวดทันที เราถึงยอมไปหาหมอ เพื่อนเป็นคนแนะนำให้ไปหาหมอ หู คอ จมูก ท่านนึง เราบอกหมอคันหูมาก หมอดูโพรงจมูก ดูคอ ดูหู หมอบอกขอส่งไปทำ CT และมาดูผล หมอแกบอกว่าที่คันหูมันมาจากภูมิแพ้ หมอสั่งตรวจหลายตัวเลย และสักประวัติเรา ตั้งแต่เด็ก ทุกอย่างที่เป็นมันชี้มาที่ภูมิแพ้หมดเลย และหมอบอก ฟังจากที่เล่าหมอสงสัยว่าเราเป็นตั้งแต่เด็ก แต่ที่ ผปค.ไม่เคยรู้ว่าเราเป็นภูมิแพ้
หมอพ่นจมูก นั้นคือครั้งแรกในชีวิตที่เรารู้ว่า คำว่าหายใจโล่งแบบคนปกติคือยังไงใน แปลกๆแต่ดีใจเป็นที่สุด หมอสั่งยามาให้2อาทิตย์, 1เดือน, 6เดือน เราเอ่ยบอกบอกหมอ หมอคะ หนูมึนหัวจังไม่รู้ทำไม ขี้ลืมด้วย จนหลายครั้งหนูต้องมาทะเลาะกับแม่เพราะ แม่หาว่าสั่งแล้วไม่ทำ ทั้งที่หนูลืมจริงๆ หนูหาหมอมาหลายคนนานมากเรื่องมึนหัว แต่กลายเป็นได้โรคอะไรมาไม่รู้เพิ่มมาเฉย หมอหัวเราะ เอาเด่วหมอส่งไปทำ Sleep test มันคงไม่น่าจะเป็นอย่างอื่นแล้วละอื่น ค่าใช่จ่ายไหวนะ เรามาถึงจุดนี้ สู้คะหมอ เท่าไรเท่ากันขอให้หนูหายเถอะ
ต้นปี60 เราไปทำ sleep test รอผล5วัน หมอโทรมาหาเองเลย บอก พรุ่งนี้ให้รีบมาหาหมอนะ เราหยุดหายใจไป 46ครั้ง ต่อชั่วโมง นานที่สุดคือ 41วินาทีระดับอ็อกซิเจน77% เราเป็นSleep apnea หมอบอกผลแสดงว่า เราหยุดหายใจจากประสาทส่วนกลางด้วย และมีการอุดกลั่นทางเดินหายใจเอง และนี้เองคือเหตุผลของทั้งหมดทั้งมวลของอาการมึนหัว ที่เราเป็นมาตั้งแต่เด็ก
หมอการรักษามี2ทาง ใส่ เครื่องCPAP หรือ ผ่าตัด เราก็เราเลือกใส่เครื่องCPAP ดีกว่าเพราะไปอ่านมาผ่าไปอาจไม่ได้ผล100% เราเริ่มทดลองเครื่องมาได้2วัน วันแรกอึกอัด วันที่2 บอกกับแม่ว่ารู้สึกยังไงแม่ แล้วแอบร้องไห้อยู่คนเดียวในห้องน้ำ เราดีใจมากมาก สิ่งที่เราเป็นเกินครึ่งชีวิต มันดีขึ้นใน2คืน ตัวหวิวๆโล่งๆๆ สบายตัวจัง ไม่รู้สึกว่าหนักตัวเลย บวกกับจมูกเราหายใจโล่งขึ้น ไม่มีอะไรที่จะสบายไปกว่านี้อีกแล้ว วันที่3/4/5 ยิ่งดีขึ้น เรามีความสุขกับตัวเรามากหลับได้ยาว ไม่ฝันร้าย ไม่เหงือออกอีก ตอนนี้ใส่เครื่องมาได้2เดือนแล้วคะ และค่าต่างๆดีขึ้นด้วยทั้งความดัน ความจำ สมาธิ
ป.ล. เรานอนแยกห้องกับแม่ตั้งแต่7ขวบ เลยไม่มีใครสังเกตุ ว่าเราหยุดหายใจตอนนอน แม้กระทั้งแฟนก็บอกว่า เราไม่ได้นอนกรนอะไร
กระทู้หน้าจะเขียนเกี่ยวกับการเลือกเครื่อง CPAP ราคา ที่เราได้หาข้อมูลไว้คะ