ใครเคยเจอแบบนี้บ้าง
เราก็อุตส่าห์ลาออกเพราะว่าเราไม่ชอบเขา เราต้องทำงานกับเขา ต้องขึ้นตรงกับเขา แล้วเราก็ทนเขาไม่ได้ จนต้องลาออก
แต่ก่อนที่เราจะลาออก เราก็ได้ยินคนที่เราไม่ชอบคุยกับคนอื่นว่า เขากเองก็อยากลาออก เพราะงานยุ่ง วุ่นวาย
และก็รู้สึกอึดอัดกับรุ่นพี่อีกคนที่คุมงานเขาด้วย เราอยู่กันเหมือนขั้นบันได คือเราขึ้นตรงกับเขา ส่วนเขาขึ้นตรงกับรุ่นพี่อีกคน
แต่จู่ๆรุ่นพี่อีกคนก็ลาออกไปก่อนเรา เราก็คิดว่างั้นคนที่เราไม่ชอบ ก็คงไม่อยากลาออกแล้วมั้ง เพราะคนที่ทำให้เขาอึดอัดไม่อยู่แล้ว
เขาก็คงรู้สึกดีขึ้น เพราะเราคิดว่า งานหนักมันไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เท่ากับการอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ชอบหรอก เงินเดือนก็ไม่ได้แย่
เราคิดว่าเขาก็คงทำงานที่นี่ต่อไปอีกนาน ส่วนเราก็ลาออกบ้าง ใจจริงไม่ได้อยากออก แต่เราทนไม่ไหวแล้ว คนที่เราไม่ชอบยังอยู่นี่
แต่พอเราลาออกมาได้แค่เดือนเดียว เราก็ได้ข่าวว่าคนที่เราไม่ชอบก็ลาออกแล้วด้วย ได้ข่าวจากคนในบริษัทนั้นแหละ
เราก็แบบว่าอึ้งนิดหน่อย คิดประมาณว่า ทำไมเขาต้องลาออกด้วยเนี่ย ทั้งๆที่คนที่เขาไม่ชอบก็ออกไปหมดแล้ว
(หมายถึงรุ่นพี่ที่ทำให้เขาอึดอัด กับตัวเราเอง เพราะเขาชอบบ่นเราตลอดเมื่อตอนที่เรายังอยู่ เราทำงานไม่ค่อยถูกใจเขา)
เราสงสัยว่า สงสัยเขาคงมีงานหนักมากไปมั้ง แล้วก็เครียด เพราะช่วงที่เราลาออก ก็มีคนในแผนกลาออกเยอะมาก
ทีนี้งานของคนที่ลาออกก็ต้องถูกกระจายไปให้กับคนที่ยังอยู่ เพราะงานมันยาก กว่าจะสอนพนักงานใหม่ทำเป็น ก็ใช้เวลานาน
ทีนี้เราก็เริ่มเสียดายที่ตัวเองลาออกมา เพราะเรายังอยู่ไม่ถึงปี (ตอนเข้าไปทำแรกๆ คิดว่าจะอยู่หลายปีเลย) เริ่มจะชินกับงานยากๆแล้ว
ถ้าเรารู้ล่วงหน้าว่าคนที่เราไม่ชอบจะลาออกเร็วขนาดนี้ เราคงทนรอให้เขาออก แล้วเราก็จะได้ไม่ต้องออก คงทำงานอย่างสบายใจขึ้น
เราอาจได้ย้ายไปทำงานกับรุ่นพี่คนอื่นที่ใจดีกว่านี้ (ซึ่งมีหลายคนที่ใจดีกว่าเขา เท่าที่เราคุยๆด้วย) แต่ยังไงเราก็ออกมาแล้ว
เราคงไม่กลับไปแล้ว (เพราะศักดิ์ศรีบ้าๆ ของตัวเอง ซึ่งหลายคนก็มีตรงนี้) เราก็ไปสมัครงานที่ใหม่ ที่มีคนแนะนำมาอีกที
คนที่แนะนำคนนั้นคือคนที่เคยทำงานในบริษัทเดียวกับเรา และเขาก็ลาออกก่อนเรา ส่วนเรารับงานของเขามาทำต่อ
เขาบอกว่าที่ๆเขาทำอยู่ปัจจุบันดีกว่ามากๆเลย เราก็หวังว่าเราจะได้งานที่นั่นบ้าง ในเร็วๆนี้ เราก็จะได้เลิกรู้สึกเสียดายที่ตัวเองลาออกมาจากบริษัทเดิม
พอเราลาออกจากงานได้แป๊บเดียว คนที่เราไม่ชอบก็ลาออกด้วย
เราก็อุตส่าห์ลาออกเพราะว่าเราไม่ชอบเขา เราต้องทำงานกับเขา ต้องขึ้นตรงกับเขา แล้วเราก็ทนเขาไม่ได้ จนต้องลาออก
แต่ก่อนที่เราจะลาออก เราก็ได้ยินคนที่เราไม่ชอบคุยกับคนอื่นว่า เขากเองก็อยากลาออก เพราะงานยุ่ง วุ่นวาย
และก็รู้สึกอึดอัดกับรุ่นพี่อีกคนที่คุมงานเขาด้วย เราอยู่กันเหมือนขั้นบันได คือเราขึ้นตรงกับเขา ส่วนเขาขึ้นตรงกับรุ่นพี่อีกคน
แต่จู่ๆรุ่นพี่อีกคนก็ลาออกไปก่อนเรา เราก็คิดว่างั้นคนที่เราไม่ชอบ ก็คงไม่อยากลาออกแล้วมั้ง เพราะคนที่ทำให้เขาอึดอัดไม่อยู่แล้ว
เขาก็คงรู้สึกดีขึ้น เพราะเราคิดว่า งานหนักมันไม่ได้ทำให้รู้สึกแย่เท่ากับการอยู่กับคนที่ตัวเองไม่ชอบหรอก เงินเดือนก็ไม่ได้แย่
เราคิดว่าเขาก็คงทำงานที่นี่ต่อไปอีกนาน ส่วนเราก็ลาออกบ้าง ใจจริงไม่ได้อยากออก แต่เราทนไม่ไหวแล้ว คนที่เราไม่ชอบยังอยู่นี่
แต่พอเราลาออกมาได้แค่เดือนเดียว เราก็ได้ข่าวว่าคนที่เราไม่ชอบก็ลาออกแล้วด้วย ได้ข่าวจากคนในบริษัทนั้นแหละ
เราก็แบบว่าอึ้งนิดหน่อย คิดประมาณว่า ทำไมเขาต้องลาออกด้วยเนี่ย ทั้งๆที่คนที่เขาไม่ชอบก็ออกไปหมดแล้ว
(หมายถึงรุ่นพี่ที่ทำให้เขาอึดอัด กับตัวเราเอง เพราะเขาชอบบ่นเราตลอดเมื่อตอนที่เรายังอยู่ เราทำงานไม่ค่อยถูกใจเขา)
เราสงสัยว่า สงสัยเขาคงมีงานหนักมากไปมั้ง แล้วก็เครียด เพราะช่วงที่เราลาออก ก็มีคนในแผนกลาออกเยอะมาก
ทีนี้งานของคนที่ลาออกก็ต้องถูกกระจายไปให้กับคนที่ยังอยู่ เพราะงานมันยาก กว่าจะสอนพนักงานใหม่ทำเป็น ก็ใช้เวลานาน
ทีนี้เราก็เริ่มเสียดายที่ตัวเองลาออกมา เพราะเรายังอยู่ไม่ถึงปี (ตอนเข้าไปทำแรกๆ คิดว่าจะอยู่หลายปีเลย) เริ่มจะชินกับงานยากๆแล้ว
ถ้าเรารู้ล่วงหน้าว่าคนที่เราไม่ชอบจะลาออกเร็วขนาดนี้ เราคงทนรอให้เขาออก แล้วเราก็จะได้ไม่ต้องออก คงทำงานอย่างสบายใจขึ้น
เราอาจได้ย้ายไปทำงานกับรุ่นพี่คนอื่นที่ใจดีกว่านี้ (ซึ่งมีหลายคนที่ใจดีกว่าเขา เท่าที่เราคุยๆด้วย) แต่ยังไงเราก็ออกมาแล้ว
เราคงไม่กลับไปแล้ว (เพราะศักดิ์ศรีบ้าๆ ของตัวเอง ซึ่งหลายคนก็มีตรงนี้) เราก็ไปสมัครงานที่ใหม่ ที่มีคนแนะนำมาอีกที
คนที่แนะนำคนนั้นคือคนที่เคยทำงานในบริษัทเดียวกับเรา และเขาก็ลาออกก่อนเรา ส่วนเรารับงานของเขามาทำต่อ
เขาบอกว่าที่ๆเขาทำอยู่ปัจจุบันดีกว่ามากๆเลย เราก็หวังว่าเราจะได้งานที่นั่นบ้าง ในเร็วๆนี้ เราก็จะได้เลิกรู้สึกเสียดายที่ตัวเองลาออกมาจากบริษัทเดิม