ทำเป็นเข้ม
ผมไม่ใช่สาวกของวง
One Direction มากเท่าไหร่นัก ไม่เคยคิดจะฟังเพลงของพวกเขาซะด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะว่า ผมเลยจุดที่เรียกว่าวัยใสไปมากพอสมควร ฟังเพลงป็อบใสๆแบบนั้นเลยไม่ค่ยอินมากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับการเดบิวต์ซิงเกิ้ลแรกอย่างเป็นทางการของหนึ่งในสมาชิก 1D อย่าง
Harry Style นั้นเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายมากๆสำหรับผม เนื้องานในเพลง
Sign Of The Time ดีมากๆ มันไม่ใช่ป็อบวัยใสเหมือน 1D อย่างที่ผมเคยตั้งธงไว้ มันคืองานคลาสสิคร็อคที่จัดเต็มมากๆทั้งเนื้องานเสียงร้องที่ไม่กระจอกงอกง้อย และการสื่ออารมณ์ที่เล่นใหญ่รัชดาลัยมากๆ ถูกชะตากับเพลงนี้ไปเกินครึ่งแล้ว เพราะอย่างน้อยมันทำให้ผมนึกถึงแนวเพลงคลาสสิคร็อคที่ผมโตมากับมันในสมัยวัยเยาว์ที่พ่อชอบเปิดให้ฟัง ฟังแล้วก็อดนึกถึงวง Queen ไม่ได้เสียจริงๆ ส่วนอีกหนึ่งซิงเกิ้ลอย่าง
Sweet Creature อันนี้เป็นงานดีไม่แพ้กัน ยิ่งตอนนี้ผมติดใจกับแนวเพลง Folk Song เสียด้วย สองซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาเรียกได้ว่าตบหน้าผมอย่างแรงเลยล่ะ ประมาณว่า เฮ้ย! กูมองข้ามไม่ได้ล่ะ ต้องจัดอัลบั้มเต็มซักหน่อยแล้ว
งานเพลงโดยรวมใน Self Titled ก็สอดคล้องกับสองซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมา แนวเพลงก็เป็นคลาสสิคร็อคยุค 80 , Pop Acoustic , Folk Song ตามความคาดหวังที่ผมได้ตั้งไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งก็ถือว่าดีครับที่พ่อหนุ่ม Harry เลือกที่จะไม่ทำเพลงตามกระแสจนเกินไป การไม่ตามกระแสเนี่ยแหละ อาจจะทำให้เพลงที่มีอยู่ในอัลบั้มมีความเป็นไปน้อยที่จะฮิตติดลมบน ว่าง่ายๆเพลงของพ่อหนุ่ม Harry โตมาก มันไม่ใช่เพลงที่จะติดหูกันง่ายๆเลย ไม่ใช่ป็อบที่เกิดมาเพื่อสนอง need วัยรุ่นวัยใสเหมือนเพลงของ 1D เล่นของยากในระดับนึง แทร็คที่โดนใจผมนอกเหนือจากสองซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมา อาทิเช่น
Two Ghosts ท่อนฮุกติดหูอคลูสติกป็อบ ให้อารมณ์เหงาหงอยสมกับเนื้อหาที่พูดถึงความเจ็บปวดหลังการเลิกรา ถึงจะอยู่ใกล้กันก็มองไม่เห็นกันและกันเหมือนผีที่ไร้ตัวตน แฟนเพลงหลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่า เพลงนี้น่าจะสื่อถึงคุณเทย์
Kiwi แทร็คนี้ร็อคแอนด์โรลจี๊ดจ๊าดสมชื่อเพลงมากๆ แอบแร็พนิดๆด้วย ช่วยสร้างสีสันได้เป็นอย่างดี
Ever Since In New York สโลโฟล์ค เมโลดี้เพลงสวยงามมาก ช่วยขับเคลื่อนเพลงให้ลื่นไหล จนทำให้เกือบลืมไปว่า เนื้อหาเพลงช่าง sad ไม่สวยงามเหมือนทำนองเพลง
.
ส่วนเพลงอื่นๆที่ยังไม่ได้พูดถึงล่ะ ผมยังรู้สึกเฉยๆกับมันอยู่ ไม่ใช่ว่าเพลงนั้นแย่ถึงขั้นรับไม่ได้ ดนตรีในเพลงเหล่านั้นจัดว่ามีคุณภาพก็จริงแต่ยังไม่รู้สึกกลมกล่อมมากเท่าไหร่นัก ยังไม่โดนซักทีเดียว อาจจะเป็นเพราะรีบเกินไปที่จะก้าวสู่ความเป็นตำนาน งานเพลงของพ่อหนุ่มแฮรี่ได้รับอิทธิพลจากศิลปินที่ถือเป็นตำนานของวงการเพลงแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น
Queen , David Bowie , Johnny Cash , Elton John เพลงของพวกเขาตั้งธงมาตรฐานไว้สูงอยู่แล้ว การที่แฮรี่ยกระดับไปทำเพลงในระดับนั้นดูเป็นการเร็วไปหน่อย ผมคิดว่าแฮร์รี่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการบ่มเพาะความสามารถและอัตลักษณ์ของตัวเอง จะได้เข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ การจะรีบก้าวกระโดดไปทำเพลงพรรค์นั้นเลยก็อาจทำให้เอกลักษณ์ของตัวเองนั้นเจือจางลงไปด้วย ผลลัพธ์ที่ได้มาเกิดความรู้สึกแปลกๆอยู่ ซิกเนเจอร์ยังไม่ชัดเจนยิ่งเสี่ยงที่จะทำให้เพลงของเขานั้นง่ายต่อการถูกลืม เพราะยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นเท่าที่ควร สไตล์เพลงที่เป็นแบบค่อยเป็นไปอย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างเอาไว้ข้างต้นน่าจะดีกว่าที่ทำให้แฟนเพลงหรือผู้ฟังง่ายต่อการปรับตัวเสียอีก Self Titled ชุดนี้จึงยังตอบโจทย์ความเป็น
Harry Styles ได้ไม่เต็มที่มากเท่าไหร่นัก นี่แหละครับคือข้อเสียของงานชุดนี้
.
การที่ผมจั่วหัวก่อนเข้าสู่รีวิวนั้น ไม่ได้ตั้งใจประชดหรือเหม็นขี้หน้าพ่อกนุ่มแฮรี่หรอกนักครับ จริงๆแล้วผมชอบนะที่เห็นทีนไอดอลคนนึงกล้าที่จะยกระดับตัวเองไปทำเพลงร็อคที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หรือแม้แต่การเลือกใช้บริการจากโปรดิวเซอร์อย่าง
Jeff Bhasker ซึ่งนั่นก็เป็นการบ่งบอกถึงคุณภาพของงานส่วนนึงอยู่แล้ว แต่เผอิญว่ามันดูเป็นการรีบไปหน่อยก้าวไปทำเพลงระดับนั้น โดยลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเป็นตัวของตัวเองในแบบค่อยเป็นค่อยไปที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เพลงนั้นมีความกลมกล่อมในแบบที่ควรจะเป็น
.
คุณภาพงานเป็นสิ่งสำคัญ ความค่อยเป็นค่อยไปก็สำคัญเช่นกัน
Top Tracks: Sign Of The Time, Two Ghosts , Ever Since In New York , Kiwi , Sweet Creature
.
Give 6/10
.
ปล.นี่คือบทความแสดงความคิดเห็น หากทำให้ท่านผู้อ่านไม่พอใจด้วยประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ถ้าใครอยากติดตามรีวิวอัลบั้มเพลงใหม่ เข้าไปติดตามและกด Like ในเพจผมได้เลยครับ มีให้อ่านเกือบทุกสัปดาห์ครับ
>>>>
https://www.facebook.com/fungpaifungma/
[CR] [รีวิวอัลบั้ม] Harry Styles - Harry Styles
ผมไม่ใช่สาวกของวง One Direction มากเท่าไหร่นัก ไม่เคยคิดจะฟังเพลงของพวกเขาซะด้วยซ้ำ อาจจะเป็นเพราะว่า ผมเลยจุดที่เรียกว่าวัยใสไปมากพอสมควร ฟังเพลงป็อบใสๆแบบนั้นเลยไม่ค่ยอินมากเท่าไหร่นัก แต่สำหรับการเดบิวต์ซิงเกิ้ลแรกอย่างเป็นทางการของหนึ่งในสมาชิก 1D อย่าง Harry Style นั้นเป็นอะไรที่เกินความคาดหมายมากๆสำหรับผม เนื้องานในเพลง Sign Of The Time ดีมากๆ มันไม่ใช่ป็อบวัยใสเหมือน 1D อย่างที่ผมเคยตั้งธงไว้ มันคืองานคลาสสิคร็อคที่จัดเต็มมากๆทั้งเนื้องานเสียงร้องที่ไม่กระจอกงอกง้อย และการสื่ออารมณ์ที่เล่นใหญ่รัชดาลัยมากๆ ถูกชะตากับเพลงนี้ไปเกินครึ่งแล้ว เพราะอย่างน้อยมันทำให้ผมนึกถึงแนวเพลงคลาสสิคร็อคที่ผมโตมากับมันในสมัยวัยเยาว์ที่พ่อชอบเปิดให้ฟัง ฟังแล้วก็อดนึกถึงวง Queen ไม่ได้เสียจริงๆ ส่วนอีกหนึ่งซิงเกิ้ลอย่าง Sweet Creature อันนี้เป็นงานดีไม่แพ้กัน ยิ่งตอนนี้ผมติดใจกับแนวเพลง Folk Song เสียด้วย สองซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมาเรียกได้ว่าตบหน้าผมอย่างแรงเลยล่ะ ประมาณว่า เฮ้ย! กูมองข้ามไม่ได้ล่ะ ต้องจัดอัลบั้มเต็มซักหน่อยแล้ว
งานเพลงโดยรวมใน Self Titled ก็สอดคล้องกับสองซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมา แนวเพลงก็เป็นคลาสสิคร็อคยุค 80 , Pop Acoustic , Folk Song ตามความคาดหวังที่ผมได้ตั้งไว้ตั้งแต่แรก ซึ่งก็ถือว่าดีครับที่พ่อหนุ่ม Harry เลือกที่จะไม่ทำเพลงตามกระแสจนเกินไป การไม่ตามกระแสเนี่ยแหละ อาจจะทำให้เพลงที่มีอยู่ในอัลบั้มมีความเป็นไปน้อยที่จะฮิตติดลมบน ว่าง่ายๆเพลงของพ่อหนุ่ม Harry โตมาก มันไม่ใช่เพลงที่จะติดหูกันง่ายๆเลย ไม่ใช่ป็อบที่เกิดมาเพื่อสนอง need วัยรุ่นวัยใสเหมือนเพลงของ 1D เล่นของยากในระดับนึง แทร็คที่โดนใจผมนอกเหนือจากสองซิงเกิ้ลที่ปล่อยออกมา อาทิเช่น Two Ghosts ท่อนฮุกติดหูอคลูสติกป็อบ ให้อารมณ์เหงาหงอยสมกับเนื้อหาที่พูดถึงความเจ็บปวดหลังการเลิกรา ถึงจะอยู่ใกล้กันก็มองไม่เห็นกันและกันเหมือนผีที่ไร้ตัวตน แฟนเพลงหลายคนก็ตั้งข้อสงสัยว่า เพลงนี้น่าจะสื่อถึงคุณเทย์ Kiwi แทร็คนี้ร็อคแอนด์โรลจี๊ดจ๊าดสมชื่อเพลงมากๆ แอบแร็พนิดๆด้วย ช่วยสร้างสีสันได้เป็นอย่างดี Ever Since In New York สโลโฟล์ค เมโลดี้เพลงสวยงามมาก ช่วยขับเคลื่อนเพลงให้ลื่นไหล จนทำให้เกือบลืมไปว่า เนื้อหาเพลงช่าง sad ไม่สวยงามเหมือนทำนองเพลง
.
ส่วนเพลงอื่นๆที่ยังไม่ได้พูดถึงล่ะ ผมยังรู้สึกเฉยๆกับมันอยู่ ไม่ใช่ว่าเพลงนั้นแย่ถึงขั้นรับไม่ได้ ดนตรีในเพลงเหล่านั้นจัดว่ามีคุณภาพก็จริงแต่ยังไม่รู้สึกกลมกล่อมมากเท่าไหร่นัก ยังไม่โดนซักทีเดียว อาจจะเป็นเพราะรีบเกินไปที่จะก้าวสู่ความเป็นตำนาน งานเพลงของพ่อหนุ่มแฮรี่ได้รับอิทธิพลจากศิลปินที่ถือเป็นตำนานของวงการเพลงแทบทั้งสิ้น ไม่ว่าจะเป็น Queen , David Bowie , Johnny Cash , Elton John เพลงของพวกเขาตั้งธงมาตรฐานไว้สูงอยู่แล้ว การที่แฮรี่ยกระดับไปทำเพลงในระดับนั้นดูเป็นการเร็วไปหน่อย ผมคิดว่าแฮร์รี่ยังต้องใช้เวลาอีกมากในการบ่มเพาะความสามารถและอัตลักษณ์ของตัวเอง จะได้เข้าที่เข้าทางมากกว่านี้ การจะรีบก้าวกระโดดไปทำเพลงพรรค์นั้นเลยก็อาจทำให้เอกลักษณ์ของตัวเองนั้นเจือจางลงไปด้วย ผลลัพธ์ที่ได้มาเกิดความรู้สึกแปลกๆอยู่ ซิกเนเจอร์ยังไม่ชัดเจนยิ่งเสี่ยงที่จะทำให้เพลงของเขานั้นง่ายต่อการถูกลืม เพราะยังไม่มีอะไรที่โดดเด่นเท่าที่ควร สไตล์เพลงที่เป็นแบบค่อยเป็นไปอย่างที่ผมได้ยกตัวอย่างเอาไว้ข้างต้นน่าจะดีกว่าที่ทำให้แฟนเพลงหรือผู้ฟังง่ายต่อการปรับตัวเสียอีก Self Titled ชุดนี้จึงยังตอบโจทย์ความเป็น Harry Styles ได้ไม่เต็มที่มากเท่าไหร่นัก นี่แหละครับคือข้อเสียของงานชุดนี้
.
การที่ผมจั่วหัวก่อนเข้าสู่รีวิวนั้น ไม่ได้ตั้งใจประชดหรือเหม็นขี้หน้าพ่อกนุ่มแฮรี่หรอกนักครับ จริงๆแล้วผมชอบนะที่เห็นทีนไอดอลคนนึงกล้าที่จะยกระดับตัวเองไปทำเพลงร็อคที่ดูเป็นผู้ใหญ่ขึ้น หรือแม้แต่การเลือกใช้บริการจากโปรดิวเซอร์อย่าง Jeff Bhasker ซึ่งนั่นก็เป็นการบ่งบอกถึงคุณภาพของงานส่วนนึงอยู่แล้ว แต่เผอิญว่ามันดูเป็นการรีบไปหน่อยก้าวไปทำเพลงระดับนั้น โดยลืมสิ่งที่สำคัญที่สุดคือความเป็นตัวของตัวเองในแบบค่อยเป็นค่อยไปที่จะช่วยขับเคลื่อนให้เพลงนั้นมีความกลมกล่อมในแบบที่ควรจะเป็น
.
คุณภาพงานเป็นสิ่งสำคัญ ความค่อยเป็นค่อยไปก็สำคัญเช่นกัน
Top Tracks: Sign Of The Time, Two Ghosts , Ever Since In New York , Kiwi , Sweet Creature
.
Give 6/10
.
ปล.นี่คือบทความแสดงความคิดเห็น หากทำให้ท่านผู้อ่านไม่พอใจด้วยประการใดก็ขออภัยมา ณ ที่นี้ด้วยครับ
ถ้าใครอยากติดตามรีวิวอัลบั้มเพลงใหม่ เข้าไปติดตามและกด Like ในเพจผมได้เลยครับ มีให้อ่านเกือบทุกสัปดาห์ครับ
>>>> https://www.facebook.com/fungpaifungma/