อันดับแรกเลยคือ ผมไม่ได้ใช้ line นะครับ เพราะว่ารู้สึกรำคาญหลายๆอย่าง เลยเลิกใช้ บางอย่างที่พูดถึง line อาจไม่ตรงก็ขออภัยล่วงหน้าด้วย

เคยสงสัยไหมครับ ทำไมคนรอบตัว เพื่อนๆ ที่โรงเรียน หรือที่ทำงาน ทำไมเวลาจะขอข้อมูลอะไรบางอย่างมักจะบอกว่า "เดี๋ยวส่งให้ในไลน์" หรือไม่ก็ "อยู่ในไลน์กลุ่มไง" แล้วเวลาเข้าไปหา กลุ่มนั้นกรือแชทนั้นก็จะถูกทับถมด้วยแชทไร้สาระ คนไม่รู้จักส่งคำขอเกมมา หรือ Official Account ส่งข้อความมาโฆษณา จนทำให้เราหาข้อมูลนั้นๆที่เพื่อนส่งมาได้ยากมาก

จริงๆแล้วประเด็นไม่ได้อยู่ที่หายากหรอครับ ประเด็นจริงๆคือ มันมักจะมีข้อความที่ไม่เกี่ยวข้องอยู่ในห้องแชทเดียวกันเต็มไปหมด ผมจึงลองสมัคร slack แล้วหลอกชวนให้เพื่อนในกลุ่มให้เข้ามาใช้ด้วย สิ่งแรกที่สังเกตุได้ใน slack เลยคือ โครงสร้างหรือการทำงานของมันต่างจากแอพฯแชททั่วไป เพราะว่ามันแบ่งกลุ่มเป็นทีม ซึ่งการจะเข้าแต่ละทีมได้ก็ต้องสมัคร account ใหม่ ซึ่งนั่นทำให้เราสามารถตั้ง ID ของเราได้ตามใจชอบโดยไม่ต้องกังวลว่าชื่อจะซ้ำกับใคร แต่การที่เวลาผมจะเปลี่ยนกลุ่มแล้วต้องให้ทุกคนสมัครใหม่ก็อาจจะรำคาญกัน ผมเลยวางแผนว่า ไม่ว่าใครจะอยู่กลุ่มไหนก็ให้มากองๆไว้ที่เดียวกันเลย แล้วเวลาจับกลุ่มใหม่ก็สร้าง channel ขึ้นมาใหม่ ซึ่งจุดประสงค์ของ channel ก็คือแยกหัวข้อว่าช่องนี้จะคุยเรื่องอะไรกัน ซึ่งค่าเริ่มต้นมีมาให้ 2 channels คือ #general เพื่อคุยเรื่องทั่วไป ซึ่งทุกคนในทีมสามารถเห็นได้หมด กับ #random เพื่อคุยเรื่องไร้สาระ เช่น วันนี้ทำงานเสร็จแล้วไปเที่ยวไหนดี? หรือ วันนี้ใส่ชุดอะไรไปเที่ยวดี ซึ่ง channel พวกนี้เราสามารถสร้างขึ้นเองได้ และสามารถเชิญเฉพาะบางคนเข้า channel ได้ และถ้าหากกลัวว่าคนอื่นในทีมจะกด join เข้ามามั่วๆก็สามารถล็อกให้เห็นได้เฉพาะคนที่ถูกเชิญ (invite) เข้ามาโดยคนที่อยู่ใน channel นั้นๆได้ด้วยเช่นกัน

channel ที่เพิ่งพูดถึงไปอาจจะ equivalence กับการสร้างกลุ่มบนแพลทฟอร์มอื่น แต่สิ่งที่ทำให้ slack ต่างจากแอพแชททั่วไปและเหมาะสำหรับใช้ทำงานมากๆก็คือ integrations เพราะว่าในทีมจะมีผู้ใช้คนหนึ่ง ชื่อว่า slackbot มันเป็นเหมือนกับบ็อตที่จะคอยแจ้งเตือนเวลามีใครส่งอะไรมาให้เราผ่านพวก integrations ต่างๆ ซึ่งยิ่งลง integration ไว้เยอะ ก็จะมีบ็อตโผล่มาเยอะ (แต่บางตัวก็ไม่มีบ็อต) ซึ่งตัว integrations พวกนี้แหละ คือจุดเด่นของ slack
ซึ่งเราสามารถเลือกได้ตามความต้องการของงานเรา ซึ่งที่ผมแนะนำเลยคือ Google Drive กับ Skype หรือ Google Hangouts เพราะน่าจะเป็นอะไรที่น่าจะใช้บ่อยๆสำหรับการทำงาน ส่วนแอพฯที่ใช้จัดการ task ต่างๆเช่น Trello หรือ Jira ก็มีเหมือนกัน ซึ่งแอพฯพวกนี้จะช่วยให้เราสามารถแบ่งงานได้เป็นระบบมากขึ้น แถมการลง integration ไว้ใน slack มันก็จะคอยแจ้งเตือนงานใหม่ๆที่ถูกเพิ่มเข้ามา หรือสร้างการ์ดงานใหม่ผ่าน slack ได้เลย ส่วน integration ที่ผมใช้เพิ่มเติมที่ใช้สำหรับงานเฉพาะทางก็มี lucidchart ไว้สร้าง diagram คล้ายๆ MS Vizio ละก็ Github ไว้ใช้เป็น Version Control สำหรับงานเขียนโค้ด จริงๆก็มีสำหรับงานอย่างอื่นด้วยนะ ลองเข้าไปเช็คดูได้ที่ https://slack.com/apps

นอกจากนั้น ช่องแชทของ slack ยังทำตัวเป็น command line ได้ด้วย ซึ่ง (อาจจะ) มีประโยชน์สำหรับการทำงานบางอย่าง เช่น พิมพ์ /invite ตามด้วย @username ของเพื่อน เพื่อลากเขาเข้า channel หรือ /kick @username เพื่อเตะคนนั้นออกจากกลุ่ม ซึ่งผมใช้อันหลังบ่อยกว่าอันหน้าซะอีก นอกจากนั้น integrations ต่างๆก็อาจจะมี command เพิ่มเข้ามาให้ใช้ได้ด้วย แต่นอกจากพิมพ์ข้อความธรรมดาแล้ว ช่องส่งข้อความของ slack ยังสามารถใช้ format รูปแบบตัวอักษรได้ด้วย เช่น พิมพ์ * ครอบข้อความ จะทำให้เป็นตัวหนา หรือ _ ครอบ จะทำให้เป็นตัวเอียง, > นำหน้า จะเป็นการยกคำพูด (หรือที่เรียกว่า quote) นอกจากนั้น สิ่งที่เป็นประโยชน์กับผมมากๆเลยคือ มันสามารถส่ง code ภาษาต่างๆได้ ทั้ง C, Java, PHP, SQL ฯลฯ เหมาะกับการ ลอกการบ้าน พัฒนาโปรแกรมร่วมกันมากๆ

นอกจากจะเข้าจากเว็บได้แล้ว ก็ยังมีแอพฯสำหรับ desktop ด้วย ทั้ง Windows, Mac, Linux รวมไปถึงบนมือถือ iOS, Android แม้กระทั่ง Windows Phone เรียกได้ว่า มีครบทุก platform ใหญ่ๆจริงๆ ส่วนราคานั้นมีทั้งฟรี และเสียเงิน แต่สำหรับคนใช้งานทั่วไปอย่างเราๆ แบบฟรีก็พอแล้ว แต่ผมก็ได้ยินมาว่า Microsoft ก็ออกผลิตภัณฑ์คล้ายๆกันนี้มาให้ใช้ฟรี สำหรับลูกค้า office 365 ด้วย ก็เสียเงินนั่นแหละ แต่อาจจะเหมาะกับองค์กรที่ใช้ชุด software ของ Microsoft เป็นส่วนใหญ่อยู่แล้วมากกว่า ส่วนพวกที่ใช้ google docs ทำรายงานกลุ่มส่งอย่างพวกผมก็คงใช้ Slack กันต่อไป.