ครู..บัว..

( อย่าอ่านบทความนี้ในเวลาเร่งรีบ )
(อ่านช้าๆ อ่านไปเรื่อยๆ แล้วจะเห็นความงาม)

เรามีครูบาอาจารย์มากมาย มีทั้งพระทั้งฆราวาส
แต่อาจารย์ที่อยากจะแนะนำให้รู้จักวันนี้ไม่ใช่คน
แต่หาง่ายมากเพราะอยู่เต็มสระเลย
คือใบบัวนั่นเอง
ใบบัวเป็นอาจารย์ที่ดีมาก
ลองสังเกตดู ใบบัวไม่เคยหันไปทางที่มืดเลย
มีแต่หันไปทางสว่างไสว
ถ้าตรงไหนมืดเขาจะไม่หันไปเลย
มีแต่จะหนีห่าง ตรงกันข้าม
พระอาทิตย์ขึ้นตรงไหนใบบัวก็จะหันไปทางนั้น

ถ้าหูหรือตาของเราเหมือนกับใบบัว
เราก็จะมีความสุขทีเดียว
อะไรที่ไม่ดีก็ไม่หันหูไปฟังไม่หันหน้าไปมอง
รับฟังหรือมองแต่สิ่งดีๆ
ที่เป็นธรรมะเวลามีเงาทาบทับใบบัวจะหนีเลย
จะเอนไปหาแสงสว่าง ไม่ยอมให้ความมืดเข้ามาครอบ
แต่จะหันไปหาแสงสว่างตลอดเวลา
แสงสว่างคืออะไร
แสงสว่างคือพระธรรมคำสอนหรือสิ่งที่เป็นกุศล
ถ้าเรารับรู้แต่สิ่งที่ดีงาม
ก็จะช่วยให้เกิดความสว่างไสว
ในจิตใจ เกิดปัญญาขึ้นมา

แต่เดี่ยวนี้เราไม่ค่อยรู้จักเลือกฟังหรือเลือกมอง
หูมักไปฟังคำพูดที่กระทบใจ ทำให้เป็นทุกข์
บางอย่างทำให้ทุกข์เดี๋ยวนั้นเลย
เช่น คำต่อว่า คำติฉินนินทา
แต่บางอย่างก็ทำให้เป็นทุกข์ในระยะยาว
เช่น ดูสิ่งที่สวยๆงามๆ จากโฆษณา
หรือเวลาไปเที่ยวห้างฯ
ทีแรกก็เพลินตาเพลินใจดี
แต่มาไม่นานใจก็เริ่มเป็นทุกข์เพราะอยากได้
อยากได้แล้วก็ต้องดิ้นรนมาให้ได้
ตอนที่ไม่ได้ก็ทุกข์
ระหว่างที่ดิ้นรนหามันมาก็ทุกข์ได้มาแล้วทีแรกก็ดีใจ
แต่ไม่นานก็ทุกข์เพราะเห็นของใหม่ดีกว่า
ทำให้รู้สึกเบื่อของเก่า
เบื่อแล้วก็ต้องดิ้นรนหาของใหม่มา
เดี๋ยวนี้เราเบื่อกันเร็ว ซื้อเสื้อมาใส่ไม่กี่วันก็เบื่อแล้ว
ยิ่งมีของใหม่มาให้เปรียบเทียบ
ก็ยิ่งรู้สึกไม่พอใจในสิ่งที่มี อยากได้ของใหม่
ที่จริงของใหม่อาจไม่ดีกว่าของที่เรามี
แต่เราไปนึกคิดเอาเอง
เพราะไปติดกับยี่ห้อหรือไปหลงในภาพโฆษณา

ถ้าคนเราเรียนรู้จากใบบัว
คือนอกจากเลือกมองเลือกฟังแล้ว
ยังพยายามหันใจเข้าหาสิ่งที่ดีงาม
หลีกเว้นความชั่วหรือสิ่งที่เป็นอกุศล
ก็มีโอกาสเป็นสุขไปได้ครึ่งหนึ่งแล้ว
อีกครึ่งหนึ่งมาจากไหน
ก็มาจากการเปลี่ยนความทุกข์ให้กลายเป็นความสุข
เหมือนกับดอกบัวนั่นเอง
ดอกบัวเกิดจากโคลนตมทั้งนั้น

โคลนตมหนาแค่ไหน
ดอกบัวก็สามารถชูขึ้นมาจนพ้นน้ำได้
แล้วถ้าระดับน้ำสูงขึ้นเพราะฝนตกเยอะจะทำอย่างไร
แม้น้ำจะท่วมจนมิดแต่ใบบัวและดอกบัวก็ไม่ยอมนะ
เขาจะยืดตัวขึ้นมาจนพ้นน้ำให้ได้
บัวจะไม่ยอมจมอยู่ใต้น้ำเลย
คนเราถ้าไม่ยอมจมอยู่กับความทุกข์
ไม่ยอมจมอยู่กับความโกรธความเศร้า
ชีวิตจะผ่องใสมาก

เราต้องรู้จักยกจิตออกมาจาก
อารมณ์ที่หม่นหมองให้ได้
พอยกออกมาได้จิตใจก็จะปลอดโปร่งผ่องใส
จะทำอย่างนั้นได้เราต้องหมั่นฝึกฝน
ให้ฉลาดในการกู้จิตออกจากอารมณ์
กู้ออกมาให้ได้ อย่าไปจมอยู่กับมัน
ไม่ว่าเราจะทุกข์เพียงใด
ขอให้พยายามหาแสงสว่างให้เจอ
ขนาดดอกบัวและใบบัวยังไม่ยอมแพ้เลย
เวลาหยดน้ำตกลงบนใบบัว หยดน้ำก็กลิ้งไปกลิ้งมา
แต่ไม่สามารถทำให้ใบบัวเปียกได้
และหากมีหยดน้ำหลายหยดตกลงไป
เช่น เวลาฝนตกหนัก
ใบบัวทำอย่างไร ใบบัวก็ส่ายไปส่ายมา
เพื่ออะไร ก็เพื่อให้น้ำตกลงไป
ทำไมจึงส่าย ก็เพราะมันหนัก หยดน้ำหลายๆ
หยดมารวมกันบนใบบัว ทำให้ใบบัวหนัก
ใบบัวก็ต้องส่ายจนหยดน้ำตกลงสระ
ใบบัวไม่ยอมแบกเอาไว้เฉยๆ

เราทำอย่างนี้บ้างหรือเปล่า
เวลามีความทุกข์ เรามักแบกเอาไว้ไม่ยอมสลัดวาง
เวลาโกรธใคร ก็ทะนุถนอมความโกรธไว้
ไม่ยอมปล่อยวาง
มีใครแนะนำให้ยกโทษหรือให้อภัย ก็ไม่ยอม
เวลากลุ้มใจเรื่องอะไรก็หมกมุ่นครุ่นคิด
กับเรื่องนั้นไม่ยอมปล่อยวาง
เราต้องเรียนรู้จากใบบัว
คืออะไรที่ทำให้หนักอกหนักใจ
ก็พยายามปลดเปลื้องหรือสลัดออกไป
...........................
เพจ "ภาษาญี่ปุ่นและสิ่งดีๆ"
... อยากให้ช่วบคิด ...
...........................
引用
ปัญญาบนใบบัว
จาก : หนังสือชีวิตอิสระ ธรมบรรยาย เล่ม ๔
(พระไพศาล วิสาโล)
แก้ไขข้อความเมื่อ

แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่