เห็นควรยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับจราจรหรือไม่

สวัสดีชาว pantip และผู้เข้ามาอ่านทุกท่านครับ





กระทู้นี้ไม่ได้มาต่อต้านการตั้งด่านตรวจของเจ้าหน้าที่ตำรวจงานจราจร เห็นควรให้จับปรับผู้กระทำผิดกฏหมายจราจร และอยากรณรงค์ให้ผู้ขับขี่ยานพาหนะปฏิบัติตามกฏจราจรอย่างเคร่งครัด เหตุผลที่ทำกระทู้นี้เป็นกระทู้โพลเนื่องจากเปิดโอกาสให้ทุกท่านได้มีโอกาสแสดงความเห็นในเชิงตัวเลขนอกเหนือจากการแสดงความเห็นเป็นลายลักษณ์อักษรว่าเห็นควรยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับจราจรหรือไม่ น้อมรับในทุกความเห็นและทุกคะแนนในการตอบโพลครับ


ทุกวันนี้ปฏิเสธไม่ได้ว่าการตั้งด่านจราจรมีให้เห็นเกือบทุกวัน ไม่เว้นวันหยุดราชการและนักขัตฤกษ์ ตำรวจจราจรแทบจะมีบทบาททางสังคมมากกว่าตำรวจสังกัดอื่น อาจเพราะมีโอกาสเกี่ยวข้องกับประชาชนผู้ใช้รถใช้ถนนโดยครง  หลายครั้งมีการกระทบกระทั่งกันระหว่างผู้ถูกจับกุมและเจ้าหน้าที่  หลายครั้งที่ผู้ถูกปรับตามไปด่าการกระทำหน้าที่ของเจ้าหน้าที่ตามเพจต่างๆอย่างมากมาย  หลายครั้งถูกครหาว่าหิวเงินโดยไม่คำนึงถึงความเดือดร้อนของประชาชนเพียงเพื่ออยากได้รางวัลส่วนแบ่งจากใบสั่ง เป็นต้น ผมอยากให้ตำรวจในมุมมองของประชาชนเป็นตำรวจจริงๆ ไม่ใช่ธุรกิจตำรวจหรือเป็นตำรวจพาณิชย์ในสายตาประชาชน (ส่วนใหญ่ตำรวจจะมีข้อครหาเรื่องเงินเป็นหลัก มากกว่ามาทำตามหน้าที่)


ในมุมมองของ จขกท เอง การตั้งด่านตรวจเพื่อกวดขันวินัยจราจรนั้นสามารถทำได้ ยินดีสนับสนุนและปฏิบัติตามกฏหมาย ใครผิดก็ว่าไปตามผิด  แต่ทั้งนี้ทั้งนั้น การกระทำใดๆทุกอย่างต้องมีจุดที่พอเหมาะ เหมาะสม ไม่ใช่มากจนเกินไปเสมือนเป็นวาระแห่งชาติ ไม่ใช่มากเกินไปจนถูกครหาว่าต้องการผลประโยชน์เพราะมีเรื่องส่วนแบ่งค่าปรับเข้ามาเกี่ยวข้อง  ไม่ใช่มากเกินไปจนบุคคลที่ 3 4 5 ต้องมาเดือดร้อนจากการตั้งด่าน เช่น กลุ่มพ่อค้าแม่ค้า ร้านค้า ร้านอาหาร ธุรกิจต่างๆที่อยู่ใกล้เคียง ที่จะต้องได้รับผลกระทบจากการตั้งด่าน เช้า สาย บ่าย เย็น กลางดึก ทุกๆวัน เพราะลูกค้าไม่กล้าขับผ่าน วันไหนฝนตกก็ค้าขายลำบาก วันไหนฟ้าเปิดพอจะขายของได้ตำรวจก็ยกพลมาตั้งด่านทำให้ประกอบธุรกิจยากขึ้นหรือขาดทุน  ส่วนใครต้องขับรถผ่านไปทำธุระบริเวณใกล้เคียงกับด่านที่ตั้งแม้จะมั่นใจว่าตนเองกระทำถูกต้องตามกฏหมายทุกอย่างแต่ก็ต้องมีบ้างในใจที่ต้องรู้สึกว่าจะโดนหาเรื่องเอาข้อหามาฝากหรือไม่  หากการตั้งด่านเพื่อกวดขันวินัยจราจรนั้นเปรียบเสมือนคนที่ชอบกินส้มตำเผ็ดๆ  แต่ถ้าคุณใส่พริกจนล้นครกคุณก็กินไม่ได้ และโดนด่ากลับมาว่ามากเกินไปจะใส่อะไรมานักหนา หมาไม่กิน ผมจึงอยากให้พิจารณาถึงความถี่ที่เหมาะสมในการตั้งด่านด้วย


การจับกุมที่ จขกท อยากเห็นบ่อยๆสำหรับเจ้าหน้าที่ตำรวจจราจรนั่นคือ จับกุมผู้กระทำผิดที่ส่อให้เกิดอุบัติเหตุสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นเป็นอันดับแรก จขกท อยากเห็นตำรวจประจำจุดต่างๆขับรถไล่ล่าหรือ ว. สกัดจับกุมพวกขับรถซิ่ง สายปาด สายมุด สายเลื้อย ที่มาด้วยความเร็วสูง สร้างความหวาดเสียวให้กับผู้ใช้รถใช้ถนนท่านอื่น ก่อความเดือดร้อนให้กับผู้ร่วมใช้รถใช้ถนน มากกว่าที่จะเห็นเจ้าหน้าที่ตั้งด่านอยู่กับที่แล้วจับหมวกกันน็อค ตรวจทะเบียนขาด ป้ายทะเบียนไม่ล้างไปวันๆ  โดยให้มุ่งเน้นการลดอุบัติเหตุจากสาเหตุของอุบัติเหตุเป็นอันดับแรก  ลองมาดูสถิติจากกราฟสาเหตุการเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบก จากสำนักงานตำรวจแห่งชาติกันดูคร่าวๆครับ



จากกราฟจะเห็นได้ว่างานจราจรควรให้ความสำคัญกับสิ่งไหนเป็นอันดับแรก และอันดับรองๆลงมาในการกวดขัน หากมีจุดประสงค์มุ่งเน้นจริงๆว่าเพื่อลดการเกิดอุบัติเหตุจราจรทางบก จงเก็บเอาสถิติดังกล่าวมามุ่งเน้นจัดการกับปัญหาครับ เพราะจากสถิตินั้นมีผู้ขับขี่ที่ถูกกฏหมายจำนวนไม่น้อยที่ต้องตกเป็นผู้เสียหายทั้งชีวิตและทรัพย์สินจากผู้ขับขี่ที่ผิดกฏ
  

ทางเจ้าหน้าที่เองต้องยอมรับด้วยว่า มีการตั้งเป้ายอดใบสั่งจริง แม้จะไม่เห็นเป็นลายลักษณ์อักษรลงมาก็ตาม แต่มีจริงในเชิงปฏิบัติ (จขกท เคยเถียงกับเพื่อนที่เป็นตำรวจระดับรอง ผกก และชั้นยศรองลงมา ทุกคนยอมรับว่ามีจริง แต่ทำไงได้ นายสั่งมามันก็ต้องทำ)  ซึ่งผมดูยังไงมันก็ย้อนแย้งในตัว เนื่องจากหน้าที่คุณคือทำอย่างไรก็ได้ให้คนทำผิดกฏหมายจราจรให้น้อยที่สุด  แต่กลับมีการตั้งเป้ายอดค่าปรับใบสั่งในแต่ละเดือนซึ่งผมเองมองว่ามันขัดแย้งกัน หากคนไม่ทำผิดวินัยจราจรเลยยอดค่าปรับก็จะไม่ถึง หากให้ยอดค่าปรับถึงต้องมีคนผิดวินัยจราจรให้จับกุม เป็นแบบนี้ไปเรื่อยๆ นั่นคือทำไปไม่ได้แก้ปัญหาอะไรถาวร เพียงแค่ได้จับกุมและได้ค่าปรับไปวันๆเท่านั้น  จขกท เคยทำงานสายปฏิบัติการด้านเทคนิค ภายใต้กฏความปลอดภัยในการปฏิบัติงาน โดยมุ่งเน้นที่อุบัติเหตุต้องเป็นศูนย์  แม้ว่าจะไม่ได้จริงในเชิงปฏิบัติเช่นกัน แต่ก็ไม่มีปัจจัยอื่นเข้ามาย้อนแย้งในตัวเหมือนเช่นการตั้งเป้าของเจ้าหน้าที่ตำรวจงานจราจร


มามองในแง่ของผู้กระทำผิดกฏจราจรบ้าง หลายคนเกรงกลัวที่จะต้องเสียค่าปรับก็ยินดีที่จะไปปรับปรุงตัวเองให้ถูกกต้องเพื่อจะได้ไม่ถูกปรับ หลายคนไม่เกรงกลัวเพราะเงินเยอะ หลายคนรักความสะดวกสบายมากกว่าความปลอดภัยของตนเองและผู้อื่นพอรู้ตัวว่ามีด่านทีก็ทำถูกกฏ  พอรู้ว่าไม่มีด่านก็ทำตัวตามสบาย ผิดกฏหรือไม่ก็ไม่สนใจ  การตั้งด่านของเจ้าหน้าที่ทุกวันนี้จึงเปรียบเสมือนการฉีดมด ฉีดแมลงสาป ที่เดินผ่านหน้าตัวเองเท่านั้น  หากจะแก้ปัญหาให้หมดสิ้นก็ต้องไปให้ถึงรังหรือทุกจุด ซึ่งก็เป็นไปไม่ได้  หากแต่สิ่งที่เจ้าหน้าที่ทำได้นั่นคือการรณรงค์อย่างที่สุด สุดความสามารถ และชี้ชัดให้เห็นถึงความรุนแรงในการสูญเสียต่อชีวิตและทรัพย์สินของตนเองและผู้อื่น รวมถึงปัญหาต่างๆที่เกี่ยวกับเรื่องการติดตามรถจากทะเบียนต่างๆ การสร้างมลพิษให้กับสิ่งแวดล้อม ฯลฯ  ให้ประชาชนเข้าใจและให้ความร่วมมือในการปฏิบัติตนให้ถูกต้องตามกฏ


คราวนี้เราเข้ามามองในมุมของส่วนแบ่งค่าปรับกันบ้างครับ ในมุมมองของประชาชนหลายๆคนก็จะมองตำรวจในแง่ลบดังที่ผมกล่าวมาข้างต้นเพราะมีผลประโยชน์เงินๆทองๆเข้ามาเกี่ยวข้อง  ในส่วนของเจ้าหน้าที่ก้อาจจะบอกว่าเพื่อเป็นขวัญกำลังใจในการทำงานในการทำงานของเจ้าหน้าที่ และหลีกเลี่ยงการรับส่วยเงินสดโดยตรงแบบที่ไม่ต้องเขียนใบสั่งซึ่งสมยอมร่วมกันระหว่างผู้กระทำผิดกับเจ้าหน้าที่  ในกรณีนี้ในยุคสมัยนี้ผมมองว่าเป็นไปได้ยากกว่าแต่ก่อนมากแล้ว รถหลายคันทั่วประเทศตอนนี้ก็ติดกล้องกันเกือบหมดแล้ว ส่วนตำรวจก็มีกล้องติดหมวกอยู่ ต่างฝ่ายต่างระแวงว่าจะโดนล่อจับซึ่งกันและกัน ผมเองจึงมองว่าเหตุผลเพราะป้องกันการเรียกรับเงินเข้ากระเป๋าส่วนตัวมีน้ำหนักน้อยมากที่จะเป็นข้ออ้างในการรับส่วนแบ่งจากใบสั่ง  อีกทั้งตำรวจที่ปฏิบัติหน้าที่มีหน้าที่โดยตรงที่จะต้องมากวดขันวินัยจราจรอยู่แล้ว ยังไม่รวมเงินทำงานล่วงเวลา แล้วทำไมยังต้องมีเงินค่าส่วนแบ่งใบสั่งจากตรงนี้เข้ามาเพิ่มให้เป็นที่ครหาให้กับประชาชน


คราวนี้เราลองมาดูระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย การจ่ายเงินรางวัลเจ้าหน้าที่ตำรวจซึ่งปฏิบัติหน้าที่ควบคุมการจราจร กันดูครับ



จากระเบียบกระทรวงการคลัง ว่าด้วย การจ่ายเงินรางวัลให้กับเจ้าหน้าที่ดังกล่าวนั้น ผมจะสรุปมาให้ผุ้อ่านได้ดูคร่าวๆเฉพาะในส่วนของตัวเงินค่าปรับว่าจะไปตกอยู่ที่ไหนบ้างดังนี้ครับ

สมมุติว่า เดือนนี้ สน. A มียอดค่าปรับใบสั่งที่ได้มา 2,000,000 บาท

เงิน 2,000,000 บาท นี้จะถูกหักออกไป 50% ไปยังกรุงเทพมหานคร หรือเทศบาลนคร หรือองค์กรส่วนท้องถิ่นนั้นๆ คือ 1,000,000 บาท

ก็จะเหลือเงินอีก 1,000,000 บาท ที่จะมาคิดต่อว่าไปไหน

5% ของ 1,000,000 บาท จะเป็นรายได้เข้ากระทรวงการคลังหรือเงินของแผ่นดินครับ 1,000,000*0.05 = 50,000 บาท

ส่วนที่เหลือคือ 950,000 บาท เราก็จะมาคิดต่อกันครับว่าไปไหน

60% คือเป็นของเจ้าหน้าที่ตำรวจชุดที่จับกุมครับ 950,000*0.60 = 570,000 บาท (ห้าแสนเจ็ดหมื่นบาทถ้วน)
40% ที่เหลือเป็นของเจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติหน้าที่สนับสนุนการจับกุมเช่น อาสาจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจในสายงานจราจรที่มาช่วยในงาน หรือเจ้าหน้าที่ตำรวจในสายงานอื่นที่ได้รับคำสั่งจากผู้บังคับบัญชาให้มาช่วยงานจราจร เจ้าหน้าที่ตำรวจผู้เปรียบเทียบปรับ เป็นต้น อีก 950,000*0.40 = 380,000 บาท (สามแสนแปดหมื่นบาทถ้วน)  


สรุปสั้นๆคือหากมีเงินค่าปรับใบสั่ง 2 ล้านบาท เข้าองค์กรบริหารท้องถิ่น 1 ล้านบาท เข้ารัฐ 5 หมื่นบาท (น้อยกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มเสียด้วยซ้ำ)  เข้าเป็นส่วนแบ่งให้ตำรวจและทีมเจ้าหน้าที่สนับสนุนรวม 950,000 บาท



สิ่งนี้หรือไม่ที่เป็นข้อครหาให้กับประชาชนว่าทุกวันนี้ตำรวจจราจรกลายเป็นธุรกิจไปแล้วมากกว่าการกวดขันวินัยจราจรตามหน้าที่ปกติ  เราจะแก้ปัญหามุมมองนี้ที่ประชาชนมองต่อองค์กรนี้ได้อย่างไร  ในเมื่อมีผลประโยชน์เรื่องเงินทองเข้ามาเกี่ยวข้องความชอบธรรมในการปฏิบัติหน้าที่ดูน่าเชื่อถือน้อยลง ประเทศชาติหรือรัฐบาลได้ส่วนแบ่งค่าปรับน้อยมาก น้อยกว่าภาษีมูลค่าเพิ่มหรือภาษีอื่นๆ  เงินส่วนแบ่งค่าปรับส่วนใหญ่กลับไปตกอยู่ในมือตำรวจและทีมงาน และนักการเมืองท้องถิ่นที่พร้อมจะไฟเขียวให้เจ้าหน้าที่ได้เต็มที่เพราะตัวเองก็ได้เงินกลับเข้ามาองค์กรตัวเองด้วยเหมือนกัน


จขกท ในนามประชาชนคนหนึ่งในส่วนของการใช้รถใช้ถนนไม่เคยเกรงกลัวการตั้งด่านของเจ้าหน้าที่แม้แต่น้อยเพราะทำถูกกฏหมายทุกอย่างและเป็นคนไม่กล้าขับรถซิ่งหรือไปสร้างความเดือดร้อนให้ใครในท้องถนน ไม่ฝืนสัญญาณจราจรหรือทำผิดกฏจราจรอื่นๆ จึงไม่จำเป็นต้องเกรงกลัวการถูกปรับ  แต่ จขกท ขอเป็นอีกหนึ่งกระบอกเสียงแทนบุคคลที่ 3 4 5 ที่ได้รับผลกระทบทางการค้า ทางธุรกิจ จากการตั้งด่านอย่างบ้าคลั่งในทุกวันนี้ ให้ทุกอย่างกลับคืนจุดที่พอดีที่สุด และขอรณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนทุกท่านที่ยังทำผิดกกจราจรอยู่จงโปรดกลับไปทำทุกอย่างให้มันถูกต้องและ ลด ละ เลิก พฤติกรรมการขับขี่ที่ส่อให้เกิดอุบัติเหตุสร้างความเสียหายให้กับชีวิตและทรัพย์สินของผู้อื่นและตนเอง  ในส่วนของรัฐบาล จขกท อยากสื่อถึงให้เห็นว่าหากรัฐบาลยังนิ่งเฉยกับปัญหาดังกล่าว นอกจากจะไม่ได้เงินเข้ารัฐอย่างเท่าที่ควรแล้ว แรงสะท้อนจากมุมมองของประชาชนที่มีแก่เจ้าหน้าที่มันกระทบถึงตัวรัฐบาลเองอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้  ผู้หลักผู้ใหญ่ของบ้านเมืองจะละเลยจุดนี้ไม่ได้เพราะประชาชนหลายคนเขาก็อึดอัด ไม่อยากให้เกิดกรณีประชาชนเหลืออดปิดเมืองถล่มโรงพักที่จังหวัดนครศรีธรรมราชเมื่อสิบกว่าปีที่แล้ว โดยส่วนตัว จขกท เองคิดว่าหากยกเลิดส่วนแบ่งค่าปรับให้กับจราจรแล้วนำเงินในส่วนนี้เข้ารัฐเพื่อพัฒนาประเทศ หรือเพื่อเพิ่มเงินคงคลังให้กับประเทศ น่าจะดีกว่าเอาเงินไปเข้ากระเป่าเจ้าหน้าที่ตำรวจท่ามกลางความครหาของประชาชนว่าทุกๆอย่างที่ตำรวจทำก็เพื่อผลประโยชน์ส่วนตนดดยนำคำว่าตั้งด่านเพื่อกวดขันวินัยจราจรมาแอบอ้าง  


จึงอยากสอบถามความเห็นแก่ทุกท่านที่เข้ามาอ่านในครั้งนี้ด้วยว่า   เห็นควรยกเลิกส่วนแบ่งค่าปรับจราจรหรือไม่ครับ  

The Mario : 20 พฤษภาคม 2560

(ขออนุญาตแก้ไขคำที่พิมพ์ผิดนะครับ แต่เนื้อหากระทู้ไม่ได้แก้ไขแต่อย่างใด)
1.
แก้ไขข้อความเมื่อ
แสดงความคิดเห็น
โปรดศึกษาและยอมรับนโยบายข้อมูลส่วนบุคคลก่อนเริ่มใช้งาน อ่านเพิ่มเติมได้ที่นี่