ปี 2017 มีโรงแรมเปิดใหม่มากมายในประเทศไทย และหนึ่งโรงแรมที่น่าจับตามองน่าที่สุดโรงแรมนึง
" La Vela Khao Lak " โรงแรมที่กล้าฉีกกฏเดิมของการออกแบบ โดยหยิบยกเรื่องราวของดวงดาวและการเดินเรือ
มาถ่ายทอดเป็นโรงแรมที่รูปทรงแปลกตาและโดดเด่นไม่เหมือนใคร พร้อมแล้ว ตามไปเที่ยว La Vela กันเลยครับ


La Vela แปลว่ากลุ่มดาว " เรือใบ " ซึ่งตำแหน่งของกลุ่มดาวดูคล้ายเรือใบซึ่งมีรูปทรงสามเหลี่ยม สถาปนิกผู้ออกแบบโรงแรม
จึงออกแบบอาคารต่างๆรวมถึงสระว่ายน้ำให้เป็นเหลีมยมและมุมทั้งหมด ใครมาเห็นก็ต้องแปลกตาและจำได้แน่นอนว่าที่นี่คือ La Vela
นอกเหนือจากเรื่องเรือใบ La Vela ยังนำเรื่องของเมืองตะกั่วป่า อำเภอที่ตั้งของโรงแรมซึ่งในอดีตเคยเป็นเมืองท่าคล้ายประเทศสิงคโปร์
ที่เคยมีเรือสำเภา เรือกลไฟขนาดใหญ่มาเทียบท่าค้าขาย ในยุคนั้นผู้คนจากทั่วโลกเดินมาที่นี่เพื่อมาแลกเปลี่ยนสินค้า ทั้งแร่ ผ้าไหมและเครื่องเทศ

ในห้องและส่วนต่างๆของโรงแรม เลยใช้แผนที่และเรื่องราวของการเดินเรือมาตกแต่ง


เริ่มต้นด้วย Welcome Drink สีแดง ขับรถมาเหนื่อยๆ รสชาตดีสดชื่นมากๆ Welcome Drink เป็นสูตรชงชาที่มีเฉพาะที่ตะกั่วป่า
ซึ่งมีกลิ่นหอมแตกต่างจากชาอื่นๆ โรงแรมนำมาผสมกับน้ำเบอรี่ มีรสหวานแต่ยังหอมกลิ่นชา


เนื่องจากตอนนี้ เดือนพฤษภาคมยังเป็น Soft-opening โรงแรมเปิดเฉพาะโซนอาคารหน้าหาด เรียกว่า Ocean Side
และกำลังจะเปิดอาคารอีกหลัง Pool Side เดือนกรกฏาคม แม้จะพึ่งเปิดแค่สองอาทิตย์ แต่ในบางวันก็มีห้องพักจองมาเต็มเหมือนกัน

ทางไปจอง ราคาพิเศษ https://goo.gl/XNNQJQ


หลังจากเช็คอินเรียบร้อยแล้วก็เดินต่อไปยังอาคาร Ocean Side ซึ่งห้องบางห้องเห็นมุมทะเลค่อนข้างชัดมากๆ
มากลางทางก็เห็นสระว่ายน้ำสีขาว ลายหินอ่อน แบ่งเป็นโซน ซ้ายและขวา ด้านล่างของสระมีอุโมงค์ให้รอดผ่านไปยังหน้าหาด


ที่ La Vela ห้องพักมีทั้งหมดถึง 181 ห้อง แบ่งเป็น 5 Room Type
1. Deluxe Poolside
2. Deluxe Oceanside ( ใกล้หาด บางห้องมองเห็นทะเล )
3. Family Room
4. Pool Access Rooms
5. Pool Access Grand  ( ใกล้หาด เป็น Pool Access เชื่อมต่อกับสระใหญ่ )

ห้องที่ผมได้พักวันนี้ คือ Deluxe Ocenside จริงๆอยากพัก Pool Access Grand แต่เต็มทุกห้องเลยครับ

ไปดูในห้องกันดีกว่า


เข้ามาภายในห้อง จุดแรกที่ชอบคือมีมุมให้เก็บรองเท้า ซึ่งดีมากๆ เพราะหลายคนอาจเดินทางมาจากที่อื่น จะได้มีมุมเก็บรองเท้าผ้าใบ
และเปลี่ยนเป็นรองเท้าแตะ ก็เป็นมุมที่จัดไว้ให้เป็นระเบียบดี

หันมาอีกด้านก็เจอกับ กำลังเป็นแผนที่เดินเรือและดวงดาวที่สะดุดด่า ก็บ่งบอกเรื่องราวที่ผมได้เล่ามาตอนต้น


ที่เก็บกระเป๋า ถูกบุด้วยผ้าคล้ายผ้าโซฟา พนักงานเล่าว่าเป็นความตั้งใจของเจ้าของ ที่กลัวกระเป๋าลูกค้าจะเป็นรอยขูดขีด
เลยบุด้วยผ้าอย่างดี ซึ่งสามารถเป็นที่นั่งแต่งตัวได้เช่นกัน


ห้องค่อนข้างกว้าง สบาย ขนาดอยู่ที่ 57 ตารางเมตร เตียงไซส์  7 ฟุต ซึ่งทำร้ายจิตใจของคนนอนคนเดียวมากมาย
เพื่อนๆหลายคนบอกเตือนกันมาว่า นอนที่นี่เตียงฟิน หลับสบาย ควรตั้งนาฬิกาปลุก หลายคนหลับเพลินจนลืมตื่นมาทานอาหารเช้า


ที่นี่ใช้เทคโนลียีใหม่มากๆ เช่นแอร์ที่เย็นภายใน 3 นาที เงียบดีจริงอันนี้ยืนยัน สวิตซ์ต่างๆก็ค่อนข้างใหม่ แรกๆก็อาจจะสับสนได้
ปัจุบันผมก็ยังงงๆการใช้งาน




มาดูห้องน้ำกันบ้าง ใครมากับแฟนก็คงฟิน แปรงฟันพร้อมกัน กุ๊งกิ๊งมากมาย



และนี่ที่คนพูดถึงกันมาก คือฝักบัว เท่าที่ทราบมา เจ้าของโรงแรม เป็นเจ้าของบริษัทขายอุปกรณ์ก่อสร้างและนำเข้าสุขภัณฑ์ชื่อดัง บุญถาวร
เลยเลือกแต่ของเกรดพรีเมี่ยม มาจัดใส่ในห้องแบบไม่หวง ไม่กั๊ก เท่าที่ทราบมาผักบัวพร้อมระบบทำน้ำร้อน ราคาเกือบแสน อะไรจะทุ่มขนาดนั้น
ฝักบัวอันนี้ เจ๋งอย่างไร ดีจริงหรือไม่ รออ่านในหน้าถัดไปนะครับ

ขอพาออกไปดูระเบียงด้านนอกกันบ้าง


ด้านนอกมี Bed Sofa ขนาดใหญ่ นอนอาบแดด็ได้ หรือถ้ามาเป็นกลุ่มเพื่อนจะล้อมวงสังสรรค์ก็ทำได้สบ้ายสบาย
ฝั่งตรงข้ามมีอ่าง Jaguzzi มีมุมแอบเห็นทะเลด้วยขนาดกำลังดี ( ลืมถ่ายรูป )


มาถึง Beach Club Hotel ก็ขอลัดเลาะเดินเล่นไปอาบแดดสักหน่อย เดินผ่านห้องเพื่อนขอแอบยืมถ่ายห้อง Pool Access Grand
เป็นห้องชั้นหนึ่งที่สามารถก้าวลงสระได้เลย