ผมเชื่อว่าหลายๆคนคงมีความฝันอยากไปขี่มอไซค์ออกทริปที่ไหนสักแห่งบนโลกใบนี้ เคยค้นเนตเล่นๆดูผมไปเจอคนไทยคนหนึ่งเช่าroyal enfield ขี่ที่อินเดียไป Ladakh (ตอนนั้นยังไม่รู้จักเคยอ่านรีวิวชาวแบ็คแพ็คในพันทิปแต่ก็เฉยๆ) พอเห็นว่าคนมีเช่ามอไซค์ไปได้ เลยคิดว่าเจ๋งมาก เส้นทางนี้น่าไปขี่ออกทริปมาก ซึ่งหลังๆก็จะเห็นรีวิวเช่ารถมอไซค์ขี่เที่ยวใน เลห์เยอะขึ้น
อย่ากระนั้นเลยเราสายไบเกอร์อยู่แล้ว จึงหาข้อมูลจากหลายๆเวปทั้งหลายทั้งเวปนอก เวปอินเดีย มันมีหนทางยังไงบ้างที่จะไป Leh ด้วยการขี่มอไซค์อย่างเดียวได้หรือไม่ แล้วก็ได้ข้อมูลเส้นทางคร่าวๆดังนี้ครับ
- Motorcycle trip ซื้อทริปแบบกรุ๊ปทัวร์ ราคาขึ้นอยู่เส้นทางและจำนวนวัน ส่วนใหญ่จะเริ่มจาก manali- rothang pass – Leh เวลาเหมาะสมสำหรับเส้นทางนี้จะเริ่มในตั้งแต่ มิ.ย.-ส.ค. เพราะช่วงเวลาตั้งแต่ต้นปีถึงพ.ค. rothang pass ไม่สามารถเปิดให้รถวิ่งผ่านได้เนื่องจากหิมะยังสูงปิดทางอยู่ (ซึ่งผมไปไม่ได้ในช่วงนี้แน่นอนไม่ตรงกับเวลาผม ผมมีว่างแค่เดือนเม.ย.)
- เส้นทางไป Leh ที่นิยมขับมอเตอร์ไซค์ไปมี 2 เส้นทางคือจาก manaliผ่านrothang passกับอีกเส้นทางคือจาก Shimla –ไปทางspitivalley -ผ่านkunzum pass แล้วจะไปตัดกับrothang pass ตอนบน และสามารถวิ่งลงมายัง manaliได้เรียกว่า “Shimla circuit”(ไม่นับเส้นทางจากsrinagarนะครับ) เส้นทางนี้จะผ่านถนนที่ติดอันดับ 1ใน 10 dangerous road ของอินเดียด้วย บรรยากาศ 2ข้างทางสุดยอดมาก ข้างล่างเหว ล้วนๆ
เส้นทางที่ผมใช้คือเส้นทางShimla circuit ครับเนื่องจากพิจารณาจากข้อมูลหลายๆแหล่งกับองค์ประกอบหลายอย่างแล้วได้ข้อสรุปตามนี้ครับ
-เส้น Shimla ไปยัง Spiti Valley เป็นเส้นทางที่ไต่ระดับความสูงเหนือน้ำทะเลไปเรื่อยๆร่างกายจะมีโอกาสปรับตัวให้ชินกับสภาพความกดอากาศต่ำไปที่ละนิด ต่างจากการไปทาง manali ซึ่งต้องผ่านช่วงความสูงมากๆก่อนถึงเลห์ ต้องมีช่วงพักปรับตัว เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ความสูง
-การขอ permit ถ้าเราไปทางmanaliต้องมีการขอpermit และมีค่าใช้จ่ายในการผ่านrothang pass ขาขึ้นเนื่องจากข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้มีการจำกัดปริมาณรถในแต่วัน แต่ถ้าเราไปทาง Shimlaสามารถผ่านลงมายัง rothang pass ได้เลยโดยไม่ต้องของ permitหรือขึ้นไปยังเส้นkeylongได้โดยไม่ต้องผ่านrothang pass
-เส้นทาง manali มีความกันดารและยากลำบากมากกว่าซึ่งอันตรายเกินไปสำหรับการเดินทางคนเดียวในช่วงเดือน เม.ย.จึงตัดตัวเลือกที่จะไปเลห์ออก แล้วตั้งใจว่าจะขี่เป็นวงกลมวนลงมายังmanaliแทน ซึ่งก็ไม่ได้ตั้งที่คิดอีก เพราะได้ถามกับร.ร.ที่Spiti valley บอกมาว่าทาง kunzum pass ก็ยังไม่เปิดเช่นกันเนื่องจากหิมะยังปิดทางอยู่ (แอบเซ็ง...อีก)จึงเหลือตัวเลือกสุดท้ายคือขับไปให้สุดแล้วย้อนกลับทางเก่าเอา
-เส้นทางจาก Shimlaหากเกิดเหตุฉุกเฉิน รถเสียรถพัง น้ำมันหมด ตลอดเส้นทางนี้ มีชุมชน อยู่ตั้งเป็นระยะ ที่พัก อาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างหาได้ง่าย
การเช่ารถ
เท่าที่ลองหาดูในเดลีมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ชื่อstoneheadbikeshopได้รับฟีดแบ็คจาก trip advisor ค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว เลยค่อนข้างไว้ใจ แต่มีแอบกังวลเล็กๆ เรื่องตุกติกของแขกนี่ไว้ใจยาก แต่ก็ผ่านไปด้วยดีครับ เรื่องค่าใช่จ่ายกติกาการเช่าจะสรุปให้ในตอนท้ายครับ
วันแรกหลังจากเครื่องแตะพื้น จากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองด้วย metro สถานีปลายทางอยู่ที่ Laxmi narga ซึ่งผมหาร.ร.ที่พัก่ใกล้สถานีไว้ก่อนเพื่อสะดวกในการเดินทางเก็บของเรียบแล้วหาแท็กซีเพื่อไปรับมอไซค์ที่จองไว้แต่หาไม่ได้สุดท้าย ต้องเรียก รถauto แทน ก็ทุลักทุเลพอสมควรร้านนี้ตั้งอยู่ในหลืบเลย วนในซอย 2-3 รอบกว่าจะหาเจอ หลังจากเช็คสภาพตรวจสอบรถเรียบร้อย ทางร้านบอกให้ผมเอารถไปลอง และเติมน้ำมัน โดยมีเด็กที่ร้านซ้อนท้ายไปด้วยคอยบอกทาง และคงพาไปปั้มเจ้าประจำ
ไม่รู้ว่าผมเสร็จแขกหรือเปล่าเห็น ไอ้คนเติมส่งสายตากับเด็กที่ร้านส่งซิกส่ายหัวด็อกแด็ก แล้วยิ้มให้กัน จัดไปเต็มถัง1000 Rs
แค่การจราจรสำหรับการขับมอไซค์ในเดลีวันแรกก็เล่นเอามึนทั้งหลงทั้งเลย ต้องพึง gps แทบจะทุกแยกเลย การขับรถของคนที่นี้ชวนปวดเศียรเวียนเกล้ามากแต่ละเลนอย่าได้มีช่องว่างเชียวรถทุกประเภทพร้อมที่จะเข้าเสียบทันที ผมรู้สึกเลยว่าการขับรถที่นี้ เหมือนเกมส์ชิงไหวชิงพริบ เลยทีเดียว สัญญาณไฟแทบไรความหมาย พวกฝ่าไฟแดงนี้เยอะพอๆกับบ้านเรารถจอดติดไฟแดงทีต้องเรียกว่าปลิ้นจนล้นออกข้าง เกือบกินไปอีกเลน
รถย้อน รถฝ่าไฟแดง ระหว่างรอไฟแดงมีแทบทุกเลน กลับถึงที่พักด้วยความมึนเล็กน้อย
วันและเวลาที่เดินทางขอเล่าไปตามลำดับสถานที่นะครับเนื่องจากกลับเส้นทางเก่าและพักในสถานที่เดิม
ตลอดทริปใช้กล้องมือถือ กับgopro ถ่ายนะครับภาพอาจจะไม่สวยเท่าไหร่
Motorcycle diaries : Delhi-Shimla-Rampur-Sarahan-Kalpa-Nako Lake 12 day 17-28 เม.ย. 60
อย่ากระนั้นเลยเราสายไบเกอร์อยู่แล้ว จึงหาข้อมูลจากหลายๆเวปทั้งหลายทั้งเวปนอก เวปอินเดีย มันมีหนทางยังไงบ้างที่จะไป Leh ด้วยการขี่มอไซค์อย่างเดียวได้หรือไม่ แล้วก็ได้ข้อมูลเส้นทางคร่าวๆดังนี้ครับ
- Motorcycle trip ซื้อทริปแบบกรุ๊ปทัวร์ ราคาขึ้นอยู่เส้นทางและจำนวนวัน ส่วนใหญ่จะเริ่มจาก manali- rothang pass – Leh เวลาเหมาะสมสำหรับเส้นทางนี้จะเริ่มในตั้งแต่ มิ.ย.-ส.ค. เพราะช่วงเวลาตั้งแต่ต้นปีถึงพ.ค. rothang pass ไม่สามารถเปิดให้รถวิ่งผ่านได้เนื่องจากหิมะยังสูงปิดทางอยู่ (ซึ่งผมไปไม่ได้ในช่วงนี้แน่นอนไม่ตรงกับเวลาผม ผมมีว่างแค่เดือนเม.ย.)
- เส้นทางไป Leh ที่นิยมขับมอเตอร์ไซค์ไปมี 2 เส้นทางคือจาก manaliผ่านrothang passกับอีกเส้นทางคือจาก Shimla –ไปทางspitivalley -ผ่านkunzum pass แล้วจะไปตัดกับrothang pass ตอนบน และสามารถวิ่งลงมายัง manaliได้เรียกว่า “Shimla circuit”(ไม่นับเส้นทางจากsrinagarนะครับ) เส้นทางนี้จะผ่านถนนที่ติดอันดับ 1ใน 10 dangerous road ของอินเดียด้วย บรรยากาศ 2ข้างทางสุดยอดมาก ข้างล่างเหว ล้วนๆ
เส้นทางที่ผมใช้คือเส้นทางShimla circuit ครับเนื่องจากพิจารณาจากข้อมูลหลายๆแหล่งกับองค์ประกอบหลายอย่างแล้วได้ข้อสรุปตามนี้ครับ
-เส้น Shimla ไปยัง Spiti Valley เป็นเส้นทางที่ไต่ระดับความสูงเหนือน้ำทะเลไปเรื่อยๆร่างกายจะมีโอกาสปรับตัวให้ชินกับสภาพความกดอากาศต่ำไปที่ละนิด ต่างจากการไปทาง manali ซึ่งต้องผ่านช่วงความสูงมากๆก่อนถึงเลห์ ต้องมีช่วงพักปรับตัว เพื่อลดความเสี่ยงต่ออาการแพ้ความสูง
-การขอ permit ถ้าเราไปทางmanaliต้องมีการขอpermit และมีค่าใช้จ่ายในการผ่านrothang pass ขาขึ้นเนื่องจากข้อกำหนดด้านสิ่งแวดล้อม ทำให้มีการจำกัดปริมาณรถในแต่วัน แต่ถ้าเราไปทาง Shimlaสามารถผ่านลงมายัง rothang pass ได้เลยโดยไม่ต้องของ permitหรือขึ้นไปยังเส้นkeylongได้โดยไม่ต้องผ่านrothang pass
-เส้นทาง manali มีความกันดารและยากลำบากมากกว่าซึ่งอันตรายเกินไปสำหรับการเดินทางคนเดียวในช่วงเดือน เม.ย.จึงตัดตัวเลือกที่จะไปเลห์ออก แล้วตั้งใจว่าจะขี่เป็นวงกลมวนลงมายังmanaliแทน ซึ่งก็ไม่ได้ตั้งที่คิดอีก เพราะได้ถามกับร.ร.ที่Spiti valley บอกมาว่าทาง kunzum pass ก็ยังไม่เปิดเช่นกันเนื่องจากหิมะยังปิดทางอยู่ (แอบเซ็ง...อีก)จึงเหลือตัวเลือกสุดท้ายคือขับไปให้สุดแล้วย้อนกลับทางเก่าเอา
-เส้นทางจาก Shimlaหากเกิดเหตุฉุกเฉิน รถเสียรถพัง น้ำมันหมด ตลอดเส้นทางนี้ มีชุมชน อยู่ตั้งเป็นระยะ ที่พัก อาหาร สิ่งอำนวยความสะดวกค่อนข้างหาได้ง่าย
การเช่ารถ
เท่าที่ลองหาดูในเดลีมีร้านเช่ามอเตอร์ไซค์ชื่อstoneheadbikeshopได้รับฟีดแบ็คจาก trip advisor ค่อนข้างน่าพอใจทีเดียว เลยค่อนข้างไว้ใจ แต่มีแอบกังวลเล็กๆ เรื่องตุกติกของแขกนี่ไว้ใจยาก แต่ก็ผ่านไปด้วยดีครับ เรื่องค่าใช่จ่ายกติกาการเช่าจะสรุปให้ในตอนท้ายครับ
วันแรกหลังจากเครื่องแตะพื้น จากสนามบินเข้าสู่ตัวเมืองด้วย metro สถานีปลายทางอยู่ที่ Laxmi narga ซึ่งผมหาร.ร.ที่พัก่ใกล้สถานีไว้ก่อนเพื่อสะดวกในการเดินทางเก็บของเรียบแล้วหาแท็กซีเพื่อไปรับมอไซค์ที่จองไว้แต่หาไม่ได้สุดท้าย ต้องเรียก รถauto แทน ก็ทุลักทุเลพอสมควรร้านนี้ตั้งอยู่ในหลืบเลย วนในซอย 2-3 รอบกว่าจะหาเจอ หลังจากเช็คสภาพตรวจสอบรถเรียบร้อย ทางร้านบอกให้ผมเอารถไปลอง และเติมน้ำมัน โดยมีเด็กที่ร้านซ้อนท้ายไปด้วยคอยบอกทาง และคงพาไปปั้มเจ้าประจำ
ไม่รู้ว่าผมเสร็จแขกหรือเปล่าเห็น ไอ้คนเติมส่งสายตากับเด็กที่ร้านส่งซิกส่ายหัวด็อกแด็ก แล้วยิ้มให้กัน จัดไปเต็มถัง1000 Rs
แค่การจราจรสำหรับการขับมอไซค์ในเดลีวันแรกก็เล่นเอามึนทั้งหลงทั้งเลย ต้องพึง gps แทบจะทุกแยกเลย การขับรถของคนที่นี้ชวนปวดเศียรเวียนเกล้ามากแต่ละเลนอย่าได้มีช่องว่างเชียวรถทุกประเภทพร้อมที่จะเข้าเสียบทันที ผมรู้สึกเลยว่าการขับรถที่นี้ เหมือนเกมส์ชิงไหวชิงพริบ เลยทีเดียว สัญญาณไฟแทบไรความหมาย พวกฝ่าไฟแดงนี้เยอะพอๆกับบ้านเรารถจอดติดไฟแดงทีต้องเรียกว่าปลิ้นจนล้นออกข้าง เกือบกินไปอีกเลน
รถย้อน รถฝ่าไฟแดง ระหว่างรอไฟแดงมีแทบทุกเลน กลับถึงที่พักด้วยความมึนเล็กน้อย
วันและเวลาที่เดินทางขอเล่าไปตามลำดับสถานที่นะครับเนื่องจากกลับเส้นทางเก่าและพักในสถานที่เดิม
ตลอดทริปใช้กล้องมือถือ กับgopro ถ่ายนะครับภาพอาจจะไม่สวยเท่าไหร่