ทริปนี้เกิดขึ้นจาก คุณพ่อแฟนต้องการไปวัดไทยที่ญี่ปุ่น "วัดอิ่มบุญธัมมาราม กรุงโตเกียว" ช่วงวันที่ 18 - 25 เมษายน 2017
เป็นการจองตั๋วล่วงหน้าก่อนบินแค่ 3อาทิตย์ เป็นทริปที่ไม่ได้แพลนยาวเหมือนที่ผ่านๆมา ปกติเราจะนั่งจ้องจอดูเพจอาแปะ หรือ เพจ ChangTriget
หาโปรหางแดง จองล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 6 เดือน แต่เดี๋ยวนี้การแข่งขันเรื่องราคาตั๋วมีมากขึ้น Full service ราคาพอๆกับ low cost แต่ขอเสียอาจจะต้องรอต่อเครื่องเป็นเวลานาน เรื่องรอไม่เป็นปัญหาสำหรับคณะทัวร์ของเรา ณ ตอนนั้นที่จอง ได้โปรถูกของ เวียดนามแอร์ไลน์ ไปกลับ BKK - HND คนละ 9080 บาท ราคางาม น้ำหนักกระเป๋า 30 โล อาหาร 4 มื้อ แต่ข้อเสียคือต้องไปรอต่อเครื่องที่ฮานอยประมาณ 11 ชั่วโมง
ออกจากไทย 19.05 ->ฮานอย 21.05 (นอนรอจนเช้า) ฮานอย 8.15 -> โตเกียว 15.05 เสียเวลาเที่ยวไปเกือบวัน
ประสบการณ์ครั้งแรกของการนั่งเวียดนามแอร์ไลท์.....
ขาออกจากไทย โดยเครื่อง Airbus A321 ที่นั่ง 2 ตอน ตอนละ3ที่ ส่วนอาหาร สามารถrequest อาหารSeafood ได้ก่อนเดินทาง1วัน โดยต้องโทรไปที่head office Tel: 02-655-4137-40 และแจ้ง booking number
เรื่องอาหารบนเครื่อง รอบที่เราไปจะมีเนื้อกับไก่ เราไม่ทานเนื้อเลยโทรไปขอเป็น seafood ทั้งทริป เข้าใจว่าการบินไทยเข้ามาโคเรื่องอาหารกับเวียดนามแอร์ไลท์ขาไป ดังนั้นอาหารเลยใช้ของการบินไทย (จะบอกว่าเมนูในรูป เส้นพาสต้าแข็งมาก ไม่อร่อย)
ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงก็มาถึงฮานอย เวลาที่นี่เท่ากับไทย
หลังจากลงเครื่องมาแล้ว ก็เดินตามป้ายเพื่อไปอยู่ในโซน transit area ต้องผ่านการตรวจสัมภาระก่อนเข้าgate
จากการหาข้อมูลสนามบินเพราะว่าต้องนอนรอ
ข้อแนะนำคือ แต่ละสนามบินจะมีโซนรอสำหรับต่อเครื่อง อาจจะมีเก้าอี้ยาวเอนหลังได้ หรือจะเป็นมุมที่นั่งรอ
ในส่วนของสนามบินฮานอย สนามบินใหม่ สะอาด เราเข้าไปหาข้อมูลในเวบ เขาบอกว่ามี Rest Zone ที่บริเวณ gate 36 ซึ่งเป็นgateสุดท้าย ซ้ายสุด
เราไม่รอช้า หลังจากเข้าเกทรีบเดินไปที่นั้น รู้สึกผิดหวังกับที่นั่ง เพราะเป็นมุมเล็ก ตามรูป
ข้อเสีย บริเวณนี้ internet ไปไม่ค่อยถึง แถบจะเข้าไม่ได้เลย แต่เป็นโซนที่เงียบ หลังจากเที่ยวบินสุดท้ายออกไป
เบาะเอน 2 ตัวนอนไม่สบายเราเลยเอาโซฟามาต่อวางขานอนกัน หรือ จะนอนที่เก้าอี้ได้
มีแท้งน้ำให้ดื่มฟรี ร้านอาหาร BurgerKing และ local food จะทยอยปิดกันประมาณ 3-4 ทุ่ม
นอนหลับสบายอยู่ แอร์ไม่เย็น นอนตื่นมาตี5กว่าๆเริ่มมีคนเข้า gate มาบ้างแล้ว
การนอนสนามบินอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน อย่างพ่อแม่เราท่านอายุ 60 ปลายๆ ท่านแข็งแรง ลุยถึงไหนถึงกัน สบายมากที่นอนไม่เป็นปัญหากับการท่องเที่ยว
จาก ฮานอย สู่ โตเกียว...
โดย A350 4 ชั่วโมงกว่าๆ ที่นั่งสบาย อาหารอร่อย seafood อีกเช่นเคย
ข้อดีของการrequest seafood คือ พนักงานมาเสริฟก่อน แต่อาหารในเมนูก็โอเคนะ เป็นอาหารญี่ปุ่นข้าว+ไก่
และแล้วเราก็มาถึง สนามบินฮาเนดะ ตรงเวลา
การเตรียมตัวเที่ยวช่วง Spring
สภาพอากาศอุณหภูมิอยู่ที่ 9 - 26 องศา แล้วแต่วัน อากาศช่วงนี้สบายๆไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป แต่สำหรับผู้สูงวัยแนะนำ ยังไงก็ควรมีเสื้อกันหนาวหนาๆไปเผื่อด้วย เพราะสภาพอากาศแต่ละวันมีการเปลี่ยนแปลงถ้าฝนตก ลมแรงก็จะเย็นกว่าปกติ เสื้อขนเป็ดถ้าไม่มี อยากแนะนำให้ไปซื้อที่ญี่ปุ่น ราคาถูกกว่า ซื้อที่ uniqlo คอนเฟริมว่าถูกกว่าไทยแน่นอน ซื้อทั้งทีซื้อแบรนด์ดีกว่าno name ราคาจับต้องได้
เราเองก็ชอบไปซื้อเสื้อแขนยาวจากที่นั้น คุณภาพ ราคาดี แบบเรียบๆดูดี
pocket wifi มีให้เลือกหลายยี่ห้อ เราเคยใช้ซามุไร สัญญาณดีตลอดทริป ไปไกลแค่ไหนก็โอเค แต่ทริปนี้เราเลือซื้อซิมของ ais เพราะแม่เรามีเครื่องpocket wifi การใช้งาน เมื่อไปถึงญี่ปุ่นเปิดใช้ซิมในมือถือก่อนเมื่อพบสัญญาณ ค่อยเอาไปใส่ในเครื่องpocket wifi
ประสบการณ์ครั้งแรกที่พักกับ Airbnb.....
ทริปนี้เราเดินทางกัน 5 คน ส่วนใหญ่โรงแรมที่ญี่ปุ่นจะให้พักมากสุดห้องละ 2 คนซึ่งลองคำนวนดูแล้ว ค่อนข้างแพง ดังนั้น Airbnb จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
ข้อแนะนำในการหาที่พักกับ airbnb
- สมัครสมาชิกกับairbnb สมาชิกใหม่จะได้รับส่วนลดในการจองครั้งแรก ( เราได้ส่วนลดประมาณพันกว่าบาท)
-เลือกโซนที่พักว่าเราอยากจะอยู่โซนไหน มีทั้งใกล้รถไฟJR หรือ subway ทางที่ดี ใกล้สถานีที่เดินทางได้ทั้ง JR และ subway จะดีมากเพราะเราจะสามารถเลือกใช้พาสได้ประหยัดขึ้น
- เลือกอ่านคอมเม้นของคนที่มาพัก ข้อดี ข้อเสียยังไง เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจที่ดีมาก
ทริปนี้เราเลือกที่พักย่าน Nakano มีรถไฟทั้ง JR และ subway มีย่านshopping ของกินตลอด "Nakano broadway"
เหตุผลที่เลือกเพราะมีวันที่เราต้องเดินทางไปวัดไทยในโตเกียวซึ่งทางที่เราอยู่เป็นทางไปห่างจากวัดประมาณ1ชั่วโมงกว่า ไม่ต้องต่อรถไฟหลายสาย และเราต้องเดินทางแต่เช้ามาก นอกจากนี้ราคาที่พักน่าพอใจมาก
ราคาต่อคืนต่อคน อยู่ที่ คนละ 728 บาท ราคานี้ที่พักมีอะไรให้บ้าง?
เป็นการตัดสินใจที่ถูกมาก เจ้าของห้องพักดีมาก เราสามารถคุยโต้ตอบกับเจ้าของก่อนไปพักได้ เครื่องของใช้ที่พักก็ไม่ต่างจากโรงแรมแต่จะมีส่วนครัวสามารถทำอาหารได้ เครื่องอาบน้ำมีให้ ผ้าเช็ดตัวมีครบเหลือพอใช้ มีเครื่องซักผ้า เตารีด และพิเศษคือมีpocket wifi ให้ใช้ด้วย ฟรี!
เจ้าของทำข้อมูลการเดินทางจากสนามบินจนถึงที่พักได้ละเอียดมาก ไม่มีทางหลง บอกราคาค่ารถไฟด้วย คือดีมากกก
ที่พักของเราห่างจากสถานีระยะทางเดินประมาณ 10 นาที ต้องเดินผ่านข้างทางรถไฟ ปลอดภัยไม่มีอันตรายใดใดเลย
การเดินทางจากสนามบินไปที่พักใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เราเลือกซื้อตั๋ว [Tokyo Subway 24-hour Ticket + ตั๋วไป-กลับสาย Keikyu] ผู้ใหญ่: 1,500 เยน (ซื้อที่สนามบิน)
เปิดใช้ตั๋ว Tokyo Subway 24-hour เลย จริงๆถ้านั่ง JR จากฮาเนดะมาจะสะดวกกว่า แต่เราเลือกที่คุ้ม เลยต้องเดินไกลนิดหน่อย
แพลนในวันแรกไม่มีอะไรมาก เพราะเราเดินทางมาถึงเย็นแล้ว ก็หาข้าวทานและเดินเล่นกลับที่พัก
เราจัดทริปไว้หลวมๆ ความตั้งใจในทริปนี้ อยากจะมาดูดอกไม้ ไปgala yuzawa ไปที่ที่ยังไม่เคยไปแถบคันโต เพราะไม่เคยมาฤดูนี้ เรามาญี่ปุ่น 2 รอบก่อนมาช่วง มกราคม เป็นทริป โตเกียว - โอซาก้า และ โอซาก้า - โตเกียว ยังเก็บที่เที่ยวไม่หมด
เราเน้นเที่ยวนอกเมืองมากกว่า ที่หลักๆในโตเกียวเราไปกันมาหมดแล้ว ฟูจิก็ดูมาแล้ว 2 รอบถึงใครจะบอกว่าไปแต่ฤดูสวยต่างกัน มันก็จริงแต่ลูกทัวร์เราอยากไปที่ไม่เคยไปมากกว่า
วันแรก 20 เมษา 2017...
เราซื้อTokyo wide pass 10000 เยน
(แนะนำให้ซื้อที่สนามบินเลย ถ้าคุณรู้แพลนแน่นอนวันที่จะเปิดใช้ เพราะตอนแรกเราไม่แน่ว่าจะใช้วันไหนเพราะเรากังวลเรื่องสภาพอากาศ เจ้าหน้าที่ที่สนามบินเลยแนะนำว่าให้ไปซื้อตามสถานีใหญ่ๆเช่น ชินจูกุ หรือโตเกียวได้ มันเป็นความผิดพลาดของเรามาก เราไม่ได้ซื้อที่สนามบิน พอวันรุ่งขึ้นดูสภาพอากาศและตกลงจะไปคามาคุระ เราต้องไปซื้อพาสนี้ สถานีที่ขายพาสนี้เปิดเช้าสุด 8.00 ที่สถานีโตเกียว ห่างจากที่พักเราไป ครึ่งชั่วโมง เราอาสาไปซื้อให้ทุกคนเอง เพราะถ้าพากันไปหมด กว่าผู้สูงวัยจะเดินขึ้นรถไฟ ไหนจะหาที่ซื้อ ไม่อยากให้ท่านมาเดินไกล เราจึงให้รอแถวที่พักหาข้าวเช้ากินกันก่อนเลย
วัดพระใหญ่ คามาคุระ
การเดินทางไม่ยาก จากที่พักประมาณ 1 ชั่วโมงใช้ Tokyo wide pass จนไปถึง KAMAKURA Station และต้องเสียค่ารถไฟ local Enoshima ไปลง HASE(KANAGAWA)5นาที ไปกลับ 190+190 เยน ค่าเข้าชมคนละ 200 เยน
เดินผ่านมาในวัดเจอต้นบ๊วยดอกชมพูสะพรั่ง ซากุระร่วงหมดแล้ว ถ่ายกับต้นนี้ละกัน^^
Hase Dera (วัดเจ้าแม่กวนอิมฮาเสะเดอระ) เดินย้อนกลับมาทาง สถานี Hase ทางเข้าวัดจะอยู่ขวามือ (ฝั่งตรงข้ามวัดพระใหญ่) ค่าเข้า 300 เยน เราไม่ได้เข้าที่นี่ เนื่องจากตอนนั้นบ่ายกว่าแล้ว ลูกทัวร์หิวกันแล้ว ต้องการไปกิน buffet ขาปู จึงถ่ายกันแค่ข้างหน้าทางเข้า เขาว่ากันว่าภายในสวย ดังนั้นถ้าใครมีเวลาไม่ควรพลาด
ระหว่างเดินกลับสถานี เห็นขนมข้างทาง ซึ่งเขาจะเอาปลาหมึกสดๆชุบกับแป้งแล้วเอาไปทับเป็นแผ่น กลายเป็น ปลาหมึกแผ่นบางเหมือนกระดาษ เรายืนดูเขาทำ กลิ่นหอมยั่วน้ำลายมาก ลองชิมสักหน่อย อร่อยยยดี ถ้าใครไปผ่านลองซื้อชิมดู
ไปต่อกันที่ สถานีโตเกียว บุฟเฟ่ต์ขาปูที่ห้างDaimaruนั้นเอง
การเดินทาง ด้วยรถไฟฟ้ามาลง tokyo station มาถึงแล้วก็ให้เดินออกที่ Yaesu North Exit ห้างมี 2 ฝั่งสอบถามพนักงานได้
เดินเข้าห้าง Daimaru จากนั้นกดลิฟท์ไปชั้น12 ให้เดินไปทางหน้าบันไดเลื่อน จะเจอ ร้าน Tokyo Station Buffet
มื้อกลางวัน 11:00 to 17:00 90 นาที วันธรรมดาราคา 2300 เยน (ถ้าวันเสาร์ 2600Y)
มื้อค่ำ 17.00 to 23.00 120 นาที ทุกวันราคา 3200 เยน
ดังนั้นแนะนำไปมื้อกลางวัน วันธรรมดาคุ้มกว่า
(เอาน้ำจิ้มซีฟู้ดของเราไปกินคู่กับขาปูนะ ซู้ดดดยอด)
[CR] ทริปพาผู้สูงวัยไปตะลุยญี่ปุ่นแถบคันโตกับเวียดนามแอร์ไลน์
เป็นการจองตั๋วล่วงหน้าก่อนบินแค่ 3อาทิตย์ เป็นทริปที่ไม่ได้แพลนยาวเหมือนที่ผ่านๆมา ปกติเราจะนั่งจ้องจอดูเพจอาแปะ หรือ เพจ ChangTriget
หาโปรหางแดง จองล่วงหน้าไม่ต่ำกว่า 6 เดือน แต่เดี๋ยวนี้การแข่งขันเรื่องราคาตั๋วมีมากขึ้น Full service ราคาพอๆกับ low cost แต่ขอเสียอาจจะต้องรอต่อเครื่องเป็นเวลานาน เรื่องรอไม่เป็นปัญหาสำหรับคณะทัวร์ของเรา ณ ตอนนั้นที่จอง ได้โปรถูกของ เวียดนามแอร์ไลน์ ไปกลับ BKK - HND คนละ 9080 บาท ราคางาม น้ำหนักกระเป๋า 30 โล อาหาร 4 มื้อ แต่ข้อเสียคือต้องไปรอต่อเครื่องที่ฮานอยประมาณ 11 ชั่วโมง
ออกจากไทย 19.05 ->ฮานอย 21.05 (นอนรอจนเช้า) ฮานอย 8.15 -> โตเกียว 15.05 เสียเวลาเที่ยวไปเกือบวัน
ประสบการณ์ครั้งแรกของการนั่งเวียดนามแอร์ไลท์.....
ขาออกจากไทย โดยเครื่อง Airbus A321 ที่นั่ง 2 ตอน ตอนละ3ที่ ส่วนอาหาร สามารถrequest อาหารSeafood ได้ก่อนเดินทาง1วัน โดยต้องโทรไปที่head office Tel: 02-655-4137-40 และแจ้ง booking number
เรื่องอาหารบนเครื่อง รอบที่เราไปจะมีเนื้อกับไก่ เราไม่ทานเนื้อเลยโทรไปขอเป็น seafood ทั้งทริป เข้าใจว่าการบินไทยเข้ามาโคเรื่องอาหารกับเวียดนามแอร์ไลท์ขาไป ดังนั้นอาหารเลยใช้ของการบินไทย (จะบอกว่าเมนูในรูป เส้นพาสต้าแข็งมาก ไม่อร่อย)
ใช้เวลาเดินทาง 2 ชั่วโมงก็มาถึงฮานอย เวลาที่นี่เท่ากับไทย
หลังจากลงเครื่องมาแล้ว ก็เดินตามป้ายเพื่อไปอยู่ในโซน transit area ต้องผ่านการตรวจสัมภาระก่อนเข้าgate
จากการหาข้อมูลสนามบินเพราะว่าต้องนอนรอ
ข้อแนะนำคือ แต่ละสนามบินจะมีโซนรอสำหรับต่อเครื่อง อาจจะมีเก้าอี้ยาวเอนหลังได้ หรือจะเป็นมุมที่นั่งรอ
ในส่วนของสนามบินฮานอย สนามบินใหม่ สะอาด เราเข้าไปหาข้อมูลในเวบ เขาบอกว่ามี Rest Zone ที่บริเวณ gate 36 ซึ่งเป็นgateสุดท้าย ซ้ายสุด
เราไม่รอช้า หลังจากเข้าเกทรีบเดินไปที่นั้น รู้สึกผิดหวังกับที่นั่ง เพราะเป็นมุมเล็ก ตามรูป
ข้อเสีย บริเวณนี้ internet ไปไม่ค่อยถึง แถบจะเข้าไม่ได้เลย แต่เป็นโซนที่เงียบ หลังจากเที่ยวบินสุดท้ายออกไป
เบาะเอน 2 ตัวนอนไม่สบายเราเลยเอาโซฟามาต่อวางขานอนกัน หรือ จะนอนที่เก้าอี้ได้
มีแท้งน้ำให้ดื่มฟรี ร้านอาหาร BurgerKing และ local food จะทยอยปิดกันประมาณ 3-4 ทุ่ม
นอนหลับสบายอยู่ แอร์ไม่เย็น นอนตื่นมาตี5กว่าๆเริ่มมีคนเข้า gate มาบ้างแล้ว
การนอนสนามบินอาจจะไม่เหมาะกับทุกคน อย่างพ่อแม่เราท่านอายุ 60 ปลายๆ ท่านแข็งแรง ลุยถึงไหนถึงกัน สบายมากที่นอนไม่เป็นปัญหากับการท่องเที่ยว
จาก ฮานอย สู่ โตเกียว...
โดย A350 4 ชั่วโมงกว่าๆ ที่นั่งสบาย อาหารอร่อย seafood อีกเช่นเคย
ข้อดีของการrequest seafood คือ พนักงานมาเสริฟก่อน แต่อาหารในเมนูก็โอเคนะ เป็นอาหารญี่ปุ่นข้าว+ไก่
และแล้วเราก็มาถึง สนามบินฮาเนดะ ตรงเวลา
การเตรียมตัวเที่ยวช่วง Spring
สภาพอากาศอุณหภูมิอยู่ที่ 9 - 26 องศา แล้วแต่วัน อากาศช่วงนี้สบายๆไม่ร้อน ไม่หนาวจนเกินไป แต่สำหรับผู้สูงวัยแนะนำ ยังไงก็ควรมีเสื้อกันหนาวหนาๆไปเผื่อด้วย เพราะสภาพอากาศแต่ละวันมีการเปลี่ยนแปลงถ้าฝนตก ลมแรงก็จะเย็นกว่าปกติ เสื้อขนเป็ดถ้าไม่มี อยากแนะนำให้ไปซื้อที่ญี่ปุ่น ราคาถูกกว่า ซื้อที่ uniqlo คอนเฟริมว่าถูกกว่าไทยแน่นอน ซื้อทั้งทีซื้อแบรนด์ดีกว่าno name ราคาจับต้องได้
เราเองก็ชอบไปซื้อเสื้อแขนยาวจากที่นั้น คุณภาพ ราคาดี แบบเรียบๆดูดี
pocket wifi มีให้เลือกหลายยี่ห้อ เราเคยใช้ซามุไร สัญญาณดีตลอดทริป ไปไกลแค่ไหนก็โอเค แต่ทริปนี้เราเลือซื้อซิมของ ais เพราะแม่เรามีเครื่องpocket wifi การใช้งาน เมื่อไปถึงญี่ปุ่นเปิดใช้ซิมในมือถือก่อนเมื่อพบสัญญาณ ค่อยเอาไปใส่ในเครื่องpocket wifi
ประสบการณ์ครั้งแรกที่พักกับ Airbnb.....
ทริปนี้เราเดินทางกัน 5 คน ส่วนใหญ่โรงแรมที่ญี่ปุ่นจะให้พักมากสุดห้องละ 2 คนซึ่งลองคำนวนดูแล้ว ค่อนข้างแพง ดังนั้น Airbnb จึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับคนที่ไปกันเป็นกลุ่มใหญ่ๆ
ข้อแนะนำในการหาที่พักกับ airbnb
- สมัครสมาชิกกับairbnb สมาชิกใหม่จะได้รับส่วนลดในการจองครั้งแรก ( เราได้ส่วนลดประมาณพันกว่าบาท)
-เลือกโซนที่พักว่าเราอยากจะอยู่โซนไหน มีทั้งใกล้รถไฟJR หรือ subway ทางที่ดี ใกล้สถานีที่เดินทางได้ทั้ง JR และ subway จะดีมากเพราะเราจะสามารถเลือกใช้พาสได้ประหยัดขึ้น
- เลือกอ่านคอมเม้นของคนที่มาพัก ข้อดี ข้อเสียยังไง เป็นตัวช่วยในการตัดสินใจที่ดีมาก
ทริปนี้เราเลือกที่พักย่าน Nakano มีรถไฟทั้ง JR และ subway มีย่านshopping ของกินตลอด "Nakano broadway"
เหตุผลที่เลือกเพราะมีวันที่เราต้องเดินทางไปวัดไทยในโตเกียวซึ่งทางที่เราอยู่เป็นทางไปห่างจากวัดประมาณ1ชั่วโมงกว่า ไม่ต้องต่อรถไฟหลายสาย และเราต้องเดินทางแต่เช้ามาก นอกจากนี้ราคาที่พักน่าพอใจมาก
ราคาต่อคืนต่อคน อยู่ที่ คนละ 728 บาท ราคานี้ที่พักมีอะไรให้บ้าง?
เป็นการตัดสินใจที่ถูกมาก เจ้าของห้องพักดีมาก เราสามารถคุยโต้ตอบกับเจ้าของก่อนไปพักได้ เครื่องของใช้ที่พักก็ไม่ต่างจากโรงแรมแต่จะมีส่วนครัวสามารถทำอาหารได้ เครื่องอาบน้ำมีให้ ผ้าเช็ดตัวมีครบเหลือพอใช้ มีเครื่องซักผ้า เตารีด และพิเศษคือมีpocket wifi ให้ใช้ด้วย ฟรี!
เจ้าของทำข้อมูลการเดินทางจากสนามบินจนถึงที่พักได้ละเอียดมาก ไม่มีทางหลง บอกราคาค่ารถไฟด้วย คือดีมากกก
ที่พักของเราห่างจากสถานีระยะทางเดินประมาณ 10 นาที ต้องเดินผ่านข้างทางรถไฟ ปลอดภัยไม่มีอันตรายใดใดเลย
การเดินทางจากสนามบินไปที่พักใช้เวลาประมาณ 1 ชั่วโมง
เราเลือกซื้อตั๋ว [Tokyo Subway 24-hour Ticket + ตั๋วไป-กลับสาย Keikyu] ผู้ใหญ่: 1,500 เยน (ซื้อที่สนามบิน)
เปิดใช้ตั๋ว Tokyo Subway 24-hour เลย จริงๆถ้านั่ง JR จากฮาเนดะมาจะสะดวกกว่า แต่เราเลือกที่คุ้ม เลยต้องเดินไกลนิดหน่อย
แพลนในวันแรกไม่มีอะไรมาก เพราะเราเดินทางมาถึงเย็นแล้ว ก็หาข้าวทานและเดินเล่นกลับที่พัก
เราจัดทริปไว้หลวมๆ ความตั้งใจในทริปนี้ อยากจะมาดูดอกไม้ ไปgala yuzawa ไปที่ที่ยังไม่เคยไปแถบคันโต เพราะไม่เคยมาฤดูนี้ เรามาญี่ปุ่น 2 รอบก่อนมาช่วง มกราคม เป็นทริป โตเกียว - โอซาก้า และ โอซาก้า - โตเกียว ยังเก็บที่เที่ยวไม่หมด
เราเน้นเที่ยวนอกเมืองมากกว่า ที่หลักๆในโตเกียวเราไปกันมาหมดแล้ว ฟูจิก็ดูมาแล้ว 2 รอบถึงใครจะบอกว่าไปแต่ฤดูสวยต่างกัน มันก็จริงแต่ลูกทัวร์เราอยากไปที่ไม่เคยไปมากกว่า
วันแรก 20 เมษา 2017...
เราซื้อTokyo wide pass 10000 เยน
(แนะนำให้ซื้อที่สนามบินเลย ถ้าคุณรู้แพลนแน่นอนวันที่จะเปิดใช้ เพราะตอนแรกเราไม่แน่ว่าจะใช้วันไหนเพราะเรากังวลเรื่องสภาพอากาศ เจ้าหน้าที่ที่สนามบินเลยแนะนำว่าให้ไปซื้อตามสถานีใหญ่ๆเช่น ชินจูกุ หรือโตเกียวได้ มันเป็นความผิดพลาดของเรามาก เราไม่ได้ซื้อที่สนามบิน พอวันรุ่งขึ้นดูสภาพอากาศและตกลงจะไปคามาคุระ เราต้องไปซื้อพาสนี้ สถานีที่ขายพาสนี้เปิดเช้าสุด 8.00 ที่สถานีโตเกียว ห่างจากที่พักเราไป ครึ่งชั่วโมง เราอาสาไปซื้อให้ทุกคนเอง เพราะถ้าพากันไปหมด กว่าผู้สูงวัยจะเดินขึ้นรถไฟ ไหนจะหาที่ซื้อ ไม่อยากให้ท่านมาเดินไกล เราจึงให้รอแถวที่พักหาข้าวเช้ากินกันก่อนเลย
วัดพระใหญ่ คามาคุระ
การเดินทางไม่ยาก จากที่พักประมาณ 1 ชั่วโมงใช้ Tokyo wide pass จนไปถึง KAMAKURA Station และต้องเสียค่ารถไฟ local Enoshima ไปลง HASE(KANAGAWA)5นาที ไปกลับ 190+190 เยน ค่าเข้าชมคนละ 200 เยน
Hase Dera (วัดเจ้าแม่กวนอิมฮาเสะเดอระ) เดินย้อนกลับมาทาง สถานี Hase ทางเข้าวัดจะอยู่ขวามือ (ฝั่งตรงข้ามวัดพระใหญ่) ค่าเข้า 300 เยน เราไม่ได้เข้าที่นี่ เนื่องจากตอนนั้นบ่ายกว่าแล้ว ลูกทัวร์หิวกันแล้ว ต้องการไปกิน buffet ขาปู จึงถ่ายกันแค่ข้างหน้าทางเข้า เขาว่ากันว่าภายในสวย ดังนั้นถ้าใครมีเวลาไม่ควรพลาด
ไปต่อกันที่ สถานีโตเกียว บุฟเฟ่ต์ขาปูที่ห้างDaimaruนั้นเอง
การเดินทาง ด้วยรถไฟฟ้ามาลง tokyo station มาถึงแล้วก็ให้เดินออกที่ Yaesu North Exit ห้างมี 2 ฝั่งสอบถามพนักงานได้
เดินเข้าห้าง Daimaru จากนั้นกดลิฟท์ไปชั้น12 ให้เดินไปทางหน้าบันไดเลื่อน จะเจอ ร้าน Tokyo Station Buffet
มื้อกลางวัน 11:00 to 17:00 90 นาที วันธรรมดาราคา 2300 เยน (ถ้าวันเสาร์ 2600Y)
มื้อค่ำ 17.00 to 23.00 120 นาที ทุกวันราคา 3200 เยน
ดังนั้นแนะนำไปมื้อกลางวัน วันธรรมดาคุ้มกว่า
(เอาน้ำจิ้มซีฟู้ดของเราไปกินคู่กับขาปูนะ ซู้ดดดยอด)