ความตอนที่แล้ว >>> https://ppantip.com/topic/36470009


ที่พักที่นี่จะจัดเตรียมมุมนี้ไว้บริการ 24 ชั่วโมงคะ ในห้องก็จะมีขนมห่อเล็ก ๆ วันละ 2 ห่อ วันแรกที่ไปถึงก็จะมีมะเขือเทศลูกเล็ก ๆ ไว้ต้อนรับ ไม่ได้ถ่ายมาคะ พี่ที่พักด้วยบอกว่ารสชาตหวาน พอดีไม่ชอบทาน เลยไม่ได้ชิม


วันที่สองของการเดินทาง วันนี้เราจะไปขึ้นกระเช้าเมาคงกันคะ เราเริ่มต้นที่ Taipai Main Station เดินทางตามรีวิวด้วย MRT สายสีน้ำเงิน มาลงที่ Zhongxiao Fuxing Station มีป้ายบอก รถไฟฟ้าเขาจะมีการกำหนดเวลาที่มาถึงสถานีด้วยนะคะ กำหนดเป็นค่าเป้าหมาย แสดงว่าที่นี่ต้องเก่งในการกำหนด KPI แล้วเปลี่ยนเป็น MRT สายสีน้ำตาลลงสุดสายคะที่ Taipei Zoo Station แล้วออกทางออกที่ 2 ออกมาเลี้ยวซ้ายเดิน จะเห็นตึกสูง ๆ ตามรีวิวบอกว่าประมาณ 350 เมตร เข้าไปในสถานีแล้วซื้อตั๋วขึ้นกระเช้า ราคาคนละ 120 nt กระเช้ามี 2 แบบ ๆ พื้นกระจกใส กับพื้นทึบธรรมดา ใช้บัตร easy card ได้คะ แต่เราขึ้นแบบพื้นทึบธรรมดาไม่ต้องรอนาน ขึ้นมากระเช้าเดียวกันเลย 8 คน เสี่ยงมาก 555 ระยะทางไกลคะ ยิ่งสูงกระเช้ายิ่งชัน เสียวมากไม่กล้ายืนขึ้นเลย กลัวกระเช้ามันแกว่ง




เราขึ้นจนสุดคะ แล้วก็ไปขึ้นรถมินิบัสชมหุบเขา ใช้ easy card ได้ มีเวลาออกคะ ไม่นาน วิ่งรอบหนึ่งแล้วก็มาจอด


คนที่รีวิวไว้ไม่ได้รีวิวตอนลงเขาเมาคง อ้าว..แล้วเราจะกลับลงมาอย่างไรเนี่ย ถ้าลงกระเช้าเสียอีก 120 nt พี่ที่ไปด้วยเลยถามแม่ค้าขายไอติมชาเชียว เขาบอกว่าให้เรายืนรอที่ป้ายรถหน้าร้านเขา จะมีมินิบัสขึ้นมา รับคนลงไป สามารถใช้ easy card ได้ OK ระหว่างรอฝนก็โปรยปราย วันนี้ไม่กลัวเพราะใส่เสื้อกันฝนมาพร้อมลุย คนขึ้นแน่นรถเลยค่ะ แล้วรถก็เหวี่ยงลงมาจากเขาจนถึงพื้น มาลงหน้าตึกที่เราเข้าไปซื้อตั๋ว พอลงอ้าว แล้วจะเข้าเมืองอย่างไร ลืมไปว่ามา MRT 555 เราเห็นตึก Taipei 101 ไม่ไกล เลยตกลงกันว่าเราจะขึ้นรถเมล์กันดีกว่า เปลี่ยนบรรยากาศในการเดินทางกันบ้าง ก็ถามเด็ก ๆ ที่ยืนแถว ๆ นั้นว่าจะไป Taipei 101 ต้องนั่งสายไหน เด็กผู้หญิงคนหนึ่งที่ป้ายรถเมล์แนะนำให้ขึ้นสาย 1 อันที่จริงมีหลายสายคะ แต่รายละเอียดที่บอกเป็นภาษาจีน ให้สังเกตที่มีคำที่มีตัวเลขต่อท้ายว่า 101 นะคะ จะเป็นสายที่ผ่าน Taipei 101 รถเมล์ที่นี่มีการกำหนดเวลาในการมาถึงป้ายด้วยนะ เราต้องยืนให้ตรงกับป้ายที่รถเมล์แต่ละสายจะจอด ถ้าเรายืนไม่ตรง รถเมล์สายที่เรารอมา รถเมล์จะไม่จอด จะเลยไปเลย โบกก็ไม่จอด มาตรฐานดีจริง ๆ พอรถเมล์ที่เราจะขึ้นมาถึง กว่าจะเรารู้สัญลักษณ์การแตะบัตร easy card ที่ต้องจ่ายตอนขึ้น หรือตอนลง เราก็แตะทั้งขึ้นและลงรถ ช่วยชาติไต้หวันไปกันคนละหลายเที่ยว ใครจะเดินทางไปต้องจำสัญลักษณ์นี้ไว้ให้ขึ้นใจนะคะ “วิธีการจ่ายค่าโดยสารรถเมล์ มันจะมีป้ายไฟบอกว่าต้องจ่ายตอนขึ้น (上) หรือ จ่ายตอนลง (下)”

พอรถเมล์เลี้ยวเราก็ลงหน้าตึก Taipei 101 แล้วเข้าไปทานมื้อกลางวันกันที่นี่คะ อาหารน่าทานทั้งนั้น งานนี้เราขอจานนี้เลย ปลาหมึกตัวใหญ่ดี ราคาสุทธิ 210 nt


หลังจากท้องอิ่มก็เข้าห้องน้ำ เตรียมตัวขึ้น Taipei 101 โดยต้องขึ้นไปที่ชั้น 5F เพื่อซื้อบัตร มีคนรีวิวไว้ใบละ 400 nt แต่เรามาครั้งนี้ บัตรขึ้นราคาเป็นใบละ 600 nt ไปกัน 8 คน มีสมัครใจขึ้น 6 คน อีก 2 คน ขอเดินชมของ Brand name เขามีรอบเวลาการขึ้น พอได้บัตรก็ไปต่อแถวเพื่อรอขึ้นลิฟท์ ๆ ขึ้นเร็วมาก มีภาพเป็นแบบดิจิตอลให้เห็นเวลาที่ลิฟท์วิ่งขึ้นด้วย แต่ไม่ได้ถ่ายมาคะ เพราะในลิฟท์คนก็อัดกันแน่นแล้ว ขั้นไปคนก็แยะอีก ถ่ายรูปก็ต้องหามุม เดินเก็บภาพกันจนรอบอยู่กันนานพอสมควรให้สมกับราคา





ตอนลงเขาให้เดินอ้อมผ่านพวกหยก ปะการังแดง ล่อให้คนซื้อ เรารีบเดินโดยไม่ได้แวะชมเลย แล้วยังต้องมาต่อคิวเพื่อลงลิฟท์อีก หางยาวเป็นงูเลื้อยเลย โอ้...แม่เจ้า!

ออกจากตึกไทเป 101 ได้แล้วเราก็ขึ้น MRT สายสีแดง มาลงที่ Dongmen Station เพื่อต่อ MRT สายสีเหลืองมาลงที่ Zhongxiao Xingsheng ออกประตู 1 เดินตรงไปประมาณ 300 เมตรจะเจอไฟแดงข้ามถนนไปจะเห็น “ศูนย์ความคิดสร้างสรรค์ฮว่าซาน (Huashan 1914 Creative Park)” ที่นี่เข้าฟรีไม่เสียตัง อาจคล้าย ๆ กับ OTOP บ้านเรา แต่สินค้าที่นำมาโชว์และขายนี้ เกิดจากความคิดสร้างสรรค์ของนักประดิษฐ์รุ่นใหม่ที่อายุยังน้อย ของที่ดูดี และมีคุณภาพ พอ ๆ กับราคาที่ได้แต่ดู 555


แมวตัวนี้ตัวใหญ่มากคะ ใหญ่กว่าคนอีกนะ มีผู้ร่วมทริปไปถ่ายกับแมว แต่ไม่สามารถนำมาลงให้ชมได้ จะเป็นการไปละเมิดสิทธิ์ความเป็นส่วนตัวคะ








เป็นที่พอใจของทุกคน เราก็เดินกลับทางเดิม ขึ้น MRT สายสีน้ำเงิน ลงที่ Longshan Temple Station ออกประตู 1 เพื่อมา “วัดหลงซาน (Longshan Temple)” ข้าง ๆ วัดมีตลาดกลางคืนชื่อ “ตลาดหัวซี (Huaxi Night Market)” พวกเราเลยถือโอกาสช๊อปปิ้ง และทานมื้อเย็น มื้อนี้เป็นมื้อที่ถูกที่สุด ชี้ ๆ ตามรูปที่ปรากฏในเมนู ได้หมูพะโล้สามชั้น ไข่ต้ม ผัดผัก จะว่าไปผัดผักที่นี่อร่อย เขาเอาผักไปลวกน้ำร้อน แล้วนำมาผัด โดยเฉพาะผัดกระหล่ำปลี ท้องอิ่มก็ไปไหว้พระกันต่อ

“วัดหลงซานเป็นหนึ่งในวัดที่เก่าแก่และมีชื่อเสียงมากที่สุดแห่งหนึ่งของเมืองไทเป ตั้งอยู่ในแถบย่านเมืองเก่า มีอายุเกือบ 300 ร้อยปีแล้ว สร้างขึ้นโดยคนจีนชาวฝูเจี๊ยนช่วงปีค.ศ. 1738  เพื่อเป็นสถานที่สักการะบูชาสิ่งศักสิทธิ์ตามความเชื่อของชาวจีน มีรูปแบบทางด้านสถาปัตยกรรมคล้ายกับวัดพุทธของจีนแต่มีลูกผสมของความเป็นไต้หวันเข้าไปด้วย จนบางคนเรียกกันว่าเป็นวัดสไตล์ไต้หวัน ทำให้ที่นี่เป็นอีกหนึ่งแหล่งท่องเที่ยวไม่ควรพลาดของเมืองไทเป (ขอบคุณแหล่งที่มา:http://www.talontiew.com/taipei-lungshan-temple/)”




ที่นี่มีคนนำดอกไม้มาถวายแยะมาก แสดงให้เห็นถึงความเสื่อมใส และศรัทธาอย่างมากเลย


หลังจากนั้น กลุ่มก็แบ่งออกเป็น 2 กลุ่ม ๆ แรกขอกลับที่พักก่อน 2 คน โดยนั่งแท็กซี่กลับไปที่พัก เราอยู่กลุ่มที่ 2 ที่ขอเดินต่อ โดยเดินย้อนกลับจากที่เราเดินไป เราก็เดินไปเรื่อย ๆ ตามป้ายโฆษณาใหญ่ ๆ พร้อม ๆ กับเปิด Google Map หาคำว่า “The Red House (ตึกแดงซีเหมิน)” ไปถึงด้านหน้าปิดเหมือนจะซ่อมแซม แล้วมีป้ายด้านข้างเขียนว่า Open Now เราเลยเดินเลี้ยวไปทางขวามือมีประตูเข้าด้วย ที่นี่ของที่ขายน่ารัก ด้วยความคิดสร้างสรรค์ แต่ไม่ได้ซื้ออะไรกลับมาคะ เดินชม และเก็บภาพ




หลังจากนั้นเดินมาทางแหล่งช๊อปปิ้งแวะกันที่ MiniSo พี่อีก 2 คนก็ขอกลับก่อน เหลือเรา 4 คน เดินดูของกันต่อ จนได้เวลาอันสมควร ก็เปิด Google Map ให้อากู๋พาพวกเรากลับถึงที่พักโดยสวัสดิภาพ ปวดส้นเท้ามากเลย หลังจากอาบน้ำเย็นก็เอายามานวด และทานยาคลายกล้ามเนื้อพร้อมยาแก้อักเสบที่ขอหมอไว้ก่อนมา


ตอนต่อไปคะ >>> https://ppantip.com/topic/36473426