สุดยอดความคิดเห็น
ความคิดเห็นที่ 8
เรื่องแบบนี้มันต่างกรรมต่างวาระครับ
คนที่เคยมีประสบการณ์ผ่านง่ายๆ ไม่โดนขอดูหรือโดนถามอะไรเลย ก็จะบอกพูดแบบนึง
คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ แต่ไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรไปแล้วโดนขอดูขึ้นมาแล้วผ่านมาได้ ก็จะพูดอีกแบบนึง
คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ เตรียมเอกสารไปครบครัน แล้วโดนขอดูก็ผ่านมาได้ ก็จะพูดอีกแบบนึง
คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ แต่ไม่ได้เตรียมอะไรไป แล้วโดนส่งกลับ ก็จะพูดอีกแบบนึง
คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ เตรียมเอกสารไปครบครับ แต่ก็ยังโดนส่งกลับ ก็จะพูดอีกแบบนึง
มันแล้วแต่ว่าแต่ละคนเจอประสบการณ์แบบไหนครับ
และกับคำพูดที่ว่าถ้าบริสุทธิ์ใจซะอย่างก็ไม่ต้องกลัว ไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ นี่ไม่จริงเลยครับ
ผมเคยมีคนรู้จักที่ตั้งใจจะไปเที่ยวจริงๆ แต่ก็โดนส่งกลับมาแล้ว
ที่บอกว่า ตม. มี sense พิเศษ ดูออกอยู่แล้วว่าเรามาเที่ยวจริงไหม ก็ไม่จริงเสมอไป
คืออย่าลืมสิครับ ว่าเจ้าหน้าที่ ตม. ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนอย่างเราๆ ไม่ใช่เทวดามาจากไหน
เป็นคนธรรมดาที่สามารถทำงานผิดพลาดได้ เหมือนเราทุกคนที่ก็ต้องเคยทำงานผิดพลาดกันมาบ้างในชีวิต ดังนั้นต่อให้เจ้าหน้าที่เก่งแค่ไหนก็ต้องมีพลาดส่งคนบริสุทธิ์กลับหรือปล่อยคนตั้งใจโดดเข้าเมืองไปได้
ผู้พิพากษา มีเวลาพิจารณาคดีเป็นเดือนเป็นปี มีพยานหลักฐานมากมายประกอบการตัดสินใจ มีคนมาช่วยให้ข้อมูลต่างๆ นานา ยังตัดสินผิดพลาดได้ แล้วกับเจ้าหน้าที่ ตม. ที่มีเวลาให้คิดให้ตัดสินใจไม่กี่นาที ไม่กี่ชั่วโมง มีข้อมูลแค่เอกสารหรือหลักฐานไม่กี่อย่าง ทำไมจะผิดพลาดไม่ได้
และ ตม. ก็เป็นคนธรรมดาที่เวลาทำงานมีทั้งช่วงเวลาที่ยังมีแรง ตั้งใจเต็มที่ หรือบางช่วงเวลาที่เหนื่อยอ่อน มาตรฐานย่อหย่อนตกไปบ้าง
วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ก็ไม่มีทางเหมือนหรือเท่ากันทุกคน อยู่ที่ว่าวันนั้นคุณจะเจอใคร
ส่วนตัวผมเห็นด้วยและมองว่าเป็นเรื่องดีนะครับ กับการที่ผู้มีประสบการณ์จะมาช่วยกันแชร์ประสบการณ์ที่ได้พบเจอเป็นแนวทางให้กับผู้อ่านคนอื่นๆ หรือจะมีเทคนิควิธีการเล่าสู่กันฟัง แต่การจะบอกแบบฟันธงว่า "ง่าย" หรือ "ยาก" หรือคำพูดจำพวกที่ว่า "ใครตั้งใจไปเที่ยวผ่านแน่ๆ" /
"บริสุทธิ์ใจไม่เห็นต้องกลัวอะไร" / "คนที่โดนส่งกลับจริงๆ แล้วคือตั้งใจโดดกันทุกคนนั่นแหละ" อะไรแบบนั้นที่หลายคนเริ่มออกมาพูดๆ กันในกระแสช่วงนี้ อันนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร คือการแชร์ประสบการณ์เป็นเรื่องดี แต่เอาประสบการณ์ตัวเองมาตัดสินทั้งหมดคงไม่ได้ครับ
คนที่เคยมีประสบการณ์ผ่านง่ายๆ ไม่โดนขอดูหรือโดนถามอะไรเลย ก็จะบอกพูดแบบนึง
คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ แต่ไม่ได้เตรียมเอกสารอะไรไปแล้วโดนขอดูขึ้นมาแล้วผ่านมาได้ ก็จะพูดอีกแบบนึง
คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ เตรียมเอกสารไปครบครัน แล้วโดนขอดูก็ผ่านมาได้ ก็จะพูดอีกแบบนึง
คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ แต่ไม่ได้เตรียมอะไรไป แล้วโดนส่งกลับ ก็จะพูดอีกแบบนึง
คนที่ตั้งใจไปเที่ยวจริงๆ เตรียมเอกสารไปครบครับ แต่ก็ยังโดนส่งกลับ ก็จะพูดอีกแบบนึง
มันแล้วแต่ว่าแต่ละคนเจอประสบการณ์แบบไหนครับ
และกับคำพูดที่ว่าถ้าบริสุทธิ์ใจซะอย่างก็ไม่ต้องกลัว ไม่มีปัญหาอะไรแน่ๆ นี่ไม่จริงเลยครับ
ผมเคยมีคนรู้จักที่ตั้งใจจะไปเที่ยวจริงๆ แต่ก็โดนส่งกลับมาแล้ว
ที่บอกว่า ตม. มี sense พิเศษ ดูออกอยู่แล้วว่าเรามาเที่ยวจริงไหม ก็ไม่จริงเสมอไป
คืออย่าลืมสิครับ ว่าเจ้าหน้าที่ ตม. ก็เป็นมนุษย์คนหนึ่งเหมือนอย่างเราๆ ไม่ใช่เทวดามาจากไหน
เป็นคนธรรมดาที่สามารถทำงานผิดพลาดได้ เหมือนเราทุกคนที่ก็ต้องเคยทำงานผิดพลาดกันมาบ้างในชีวิต ดังนั้นต่อให้เจ้าหน้าที่เก่งแค่ไหนก็ต้องมีพลาดส่งคนบริสุทธิ์กลับหรือปล่อยคนตั้งใจโดดเข้าเมืองไปได้
ผู้พิพากษา มีเวลาพิจารณาคดีเป็นเดือนเป็นปี มีพยานหลักฐานมากมายประกอบการตัดสินใจ มีคนมาช่วยให้ข้อมูลต่างๆ นานา ยังตัดสินผิดพลาดได้ แล้วกับเจ้าหน้าที่ ตม. ที่มีเวลาให้คิดให้ตัดสินใจไม่กี่นาที ไม่กี่ชั่วโมง มีข้อมูลแค่เอกสารหรือหลักฐานไม่กี่อย่าง ทำไมจะผิดพลาดไม่ได้
และ ตม. ก็เป็นคนธรรมดาที่เวลาทำงานมีทั้งช่วงเวลาที่ยังมีแรง ตั้งใจเต็มที่ หรือบางช่วงเวลาที่เหนื่อยอ่อน มาตรฐานย่อหย่อนตกไปบ้าง
วิจารณญาณของเจ้าหน้าที่ซึ่งเป็นมนุษย์ไม่ใช่หุ่นยนต์ก็ไม่มีทางเหมือนหรือเท่ากันทุกคน อยู่ที่ว่าวันนั้นคุณจะเจอใคร
ส่วนตัวผมเห็นด้วยและมองว่าเป็นเรื่องดีนะครับ กับการที่ผู้มีประสบการณ์จะมาช่วยกันแชร์ประสบการณ์ที่ได้พบเจอเป็นแนวทางให้กับผู้อ่านคนอื่นๆ หรือจะมีเทคนิควิธีการเล่าสู่กันฟัง แต่การจะบอกแบบฟันธงว่า "ง่าย" หรือ "ยาก" หรือคำพูดจำพวกที่ว่า "ใครตั้งใจไปเที่ยวผ่านแน่ๆ" /
"บริสุทธิ์ใจไม่เห็นต้องกลัวอะไร" / "คนที่โดนส่งกลับจริงๆ แล้วคือตั้งใจโดดกันทุกคนนั่นแหละ" อะไรแบบนั้นที่หลายคนเริ่มออกมาพูดๆ กันในกระแสช่วงนี้ อันนี้ไม่ค่อยเห็นด้วยเท่าไร คือการแชร์ประสบการณ์เป็นเรื่องดี แต่เอาประสบการณ์ตัวเองมาตัดสินทั้งหมดคงไม่ได้ครับ
ความคิดเห็นที่ 12
นี่เป็นคนนึงที่ไม่ผ่านค่ะ เอกสารมีครบ แพลนทำเอง ไปกะเพื่อนและพี่ที่ทำงานด้วยกัน รวม 4 คน ผ่าน 3 เราไม่ผ่าน
ตั๋วไปกลับ/ ใบจอง รร. 3 ที่ เมียงดง/ ฮงแด/ สกีรีสอร์ท
เอกสารจากที่ทำงาน มีลายเซ็น ตราประทับ
เงินสด เงินวอน ประมาน 7 แสน วอน บัตรเครดิต 3 ใบ
แพลน 6 วันบอกเวลา บอกสถานที่ บอกการเดินทาง แพลนทำเอง เพราะบ้าเกาหลี และ อยากไป นี่ยอมรับ อยากไปถิ่น อ๊ปปา ด่านแรก ไม่ถาม สักคำ ดึงเข้าห้อง ขนาด จนท. ได้คุยกะพี่ที่ไปด้วยกัน ตอนออกไปไปลากกระเป๋าเรามา แต่ก็ต้องกลับ
ปล. จากติ่งเกาหลี มากๆ เสพทุกอย่าง จนคนรอบข้างว่าบ้า ตอนนี้ หึหึ
ตั๋วไปกลับ/ ใบจอง รร. 3 ที่ เมียงดง/ ฮงแด/ สกีรีสอร์ท
เอกสารจากที่ทำงาน มีลายเซ็น ตราประทับ
เงินสด เงินวอน ประมาน 7 แสน วอน บัตรเครดิต 3 ใบ
แพลน 6 วันบอกเวลา บอกสถานที่ บอกการเดินทาง แพลนทำเอง เพราะบ้าเกาหลี และ อยากไป นี่ยอมรับ อยากไปถิ่น อ๊ปปา ด่านแรก ไม่ถาม สักคำ ดึงเข้าห้อง ขนาด จนท. ได้คุยกะพี่ที่ไปด้วยกัน ตอนออกไปไปลากกระเป๋าเรามา แต่ก็ต้องกลับ
ปล. จากติ่งเกาหลี มากๆ เสพทุกอย่าง จนคนรอบข้างว่าบ้า ตอนนี้ หึหึ
ความคิดเห็นที่ 22
แล้วถ้าอย่างในกรณี พี่ผู้หญิงที่แต่งงานแล้ว ของกระทู้ ตม. เกาหลี ไม่ไว้ใจคนไทยละ? คือจะบอกว่า พี่เค้าโชคร้ายเองใช่ไหม? เพราะพี่เค้าก็มีหมดครบทุกอย่าง ภาษาก็เยี่ยม และยังจดทะเบียน มีทะเบียนบ้าน หน้าที่การงานระดับดี ทำงานต่างประเทศ มีสเตทเม้ท์ แบ้งค์ อีก? แล้วทำไม ตม. ถึงเหมารวมในครั้งนี้ละครับ ? พี่เค้าบริสุทธิ์ใจ พร้อมพุ่งชนชี้แจงมาก
เท่าที่วิเคราะห์พี่เค้า ดูดีมากเลยทีเดียว แต่ ตม. แค่เค้าไม่รับฟัง? เพียงเพราะโดนรวบจากการเหมารวม? แล้วมันคืออะไร?
ถ้าการแต่งตัว และหน้าตา... ผมเคยหลังไมค์ไป ถามว่าเค้าลักษณะ ยังไง ? แต่งตัวยังไง.... เค้าบอกว่าเค้าเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก ขาว ผมยาว ลักษณะเหมือนคนเกาหลี แต่งตัวเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบนะครับ? ดูที่การแต่งตัวอาจไม่ได้หรือเปล่า? เพราะบางคนเค้าก็มั่ว เช่น พี่เจ้าของกระทู้ผุ้หญิงคนนั้น?
เท่าที่วิเคราะห์พี่เค้า ดูดีมากเลยทีเดียว แต่ ตม. แค่เค้าไม่รับฟัง? เพียงเพราะโดนรวบจากการเหมารวม? แล้วมันคืออะไร?
ถ้าการแต่งตัว และหน้าตา... ผมเคยหลังไมค์ไป ถามว่าเค้าลักษณะ ยังไง ? แต่งตัวยังไง.... เค้าบอกว่าเค้าเป็นผู้หญิง ตัวเล็ก ขาว ผมยาว ลักษณะเหมือนคนเกาหลี แต่งตัวเสื้อเชิ้ตขาว กางเกงขายาว รองเท้าผ้าใบนะครับ? ดูที่การแต่งตัวอาจไม่ได้หรือเปล่า? เพราะบางคนเค้าก็มั่ว เช่น พี่เจ้าของกระทู้ผุ้หญิงคนนั้น?
ความคิดเห็นที่ 44
เอาจริงๆ ถ้าเค้าไม่อยากให้คนไทยไป ก็อย่าไปกันเลย
ประเทศอื่นเยอะแยะ ก็ลองไปที่เค้าต้อนรับเรา
เราเคยไปค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ที่เที่ยวโรแมนติกดี อาหารอร่อย
แต่ถ้ามันเกิดปัญหาแบบนี้ ไม่ได้คิดว่า จำเป็นต้องไปอีก ไม่ชอบเลย ที่เค้ามองเราแบบนี้
และคนไทยก็เป็นโรคอะไรไม่รู้นะ มันเป็นซะแบบนี้แหล่ะ
เคยไปกับทัวร์ แล้วอยู่ๆ วันสุดท้าย 2คนผัวเมียในกรุ๊ป ก็หายไปเลย
หายไปไหนอ่ะ ไปทำอะไร มาด้วยกัน ทำไมไม่กลับด้วยกันฟะ
แย่มากๆ เฮ้ออ เพลีย ไกด์เค้าก็ทำหน้าแบบเบื่อและเพลียมากกก
ประเทศอื่นเยอะแยะ ก็ลองไปที่เค้าต้อนรับเรา
เราเคยไปค่ะ ไม่ได้มีปัญหาอะไร ที่เที่ยวโรแมนติกดี อาหารอร่อย
แต่ถ้ามันเกิดปัญหาแบบนี้ ไม่ได้คิดว่า จำเป็นต้องไปอีก ไม่ชอบเลย ที่เค้ามองเราแบบนี้
และคนไทยก็เป็นโรคอะไรไม่รู้นะ มันเป็นซะแบบนี้แหล่ะ
เคยไปกับทัวร์ แล้วอยู่ๆ วันสุดท้าย 2คนผัวเมียในกรุ๊ป ก็หายไปเลย
หายไปไหนอ่ะ ไปทำอะไร มาด้วยกัน ทำไมไม่กลับด้วยกันฟะ
แย่มากๆ เฮ้ออ เพลีย ไกด์เค้าก็ทำหน้าแบบเบื่อและเพลียมากกก
แสดงความคิดเห็น
เกาหลีจริงๆแล้วเข้าง่ายจะตายคนจะไปเที่ยวจริงๆไม่ต้องกลัวอ่านได้เลย!!!
แล้วเครื่องปั้มนิ้วก็เชิญให้กดแล้ว
ข้อแรก ใบอิมเมเกรชั่น อย่าคิดว่ามันแค่ใบเหลืองๆใบเดียว ใบนี้คือด่านแรกของเราเจอกับตม.
เขียนมันเข้าไปดิครับ ชื่อที่พัก เบอร์โทร มาทำอะไร มากี่วัน เขียนไฟล์ให้มันถูก อ่านง่ายๆ
ถ้าเขาสงสัยอะไรก็ตอบเขาไปตามจริงไม่ต้องไปพยายามเสนอตัวเองเช่นสอดพาสเล่มเก่าไปด้วย
สอดเอกสารเป็นตั้งๆไปด้วยจะสอดไปทำไรในเมื่อเขายังไม่ได้ถาม จริงๆนี่เป็นหลักง่ายๆในการเข้าประเทศอื่นๆด้วยซ้ำ
**ถ้ามีการเปลี่ยนชื่อให้เอาใบเปลี่ยนชื่อที่แปลมาแล้วไปด้วย ทำที่กงศุล ติดไว้ตอนเขาถามห้องแรก
**ถ้าเป็นสาวสองควรทำใจนิดนึงอาจจะโดนเรียกเข้าห้องแรกเพราะเขาสงสัยเรื่องชื่อกับสภาพนั้นละ
เตรียมเอกสารไปคุยในห้องแรกเอา
ข้อสอง โดยปกตินักท่องเที่ยวต้องมีเงินมากกว่าปกติอยู่แล้ว หลายคนอาจจะบอกว่าเฮ้ยยผมไปนั้นไปนี่มาไม่แลกเงินเลยอะ
กะไปกดที่ปลายทาง คือมันไม่ใช่ง่ายแบบนั้นทุกคน ควรแลกเงินประเทศปลายทางไปด้วย แบบเกาหลีผมจะแลกติดตัวไปตีเป็นวันละ 5 หมื่นวอน
บัตรเครดิต บัตรatm มีหมด
ข้อสาม หลักฐานการจองโรงแรม หนีบไว้ก่อนเลย พอแอร์แจกใบอิมเมเกรชั่นปุ้ป กางมันดิครับแล้วเขียนเลย เขียนให้เป้ะๆยันเบอร์โทรศัพท์
ถ้านั้งสายการบินจีนที่ไม่อินเตอร์ อาจจะไม่มีภาษาอังกฤษ ไปเอาก่อนเข้าตม.ได้มันจะวางอยู่ขวามือตอนเดินไปตม. เคยไปแอร์มาเก๊าไม่มีไง
แต่พวกการบินไทย คาเท่ อะไรพวกนี้มีให้ และย่ำอีกครั้งเขาไม่ถามไม่ต้องสอดอะไรให้เขา จำชื่อโรงแรมไว้ เช่น โรงแรมโปเซดอน เมียงดง
โรงแรมเดอะลีค อิลแทวอน อะไรงี้ไม่ต้องไปสนชื่อที่อยู่เต็มๆ ตม.เขาอยากรู้แค่นี้ ถ้ามันถามเบอร์ก็บอกให้ดูในโพยเอา
ข้อสี่ แพลนเที่ยว ถึงจะบอกว่าเฮ้ยยเรามากับทัวร์อะ เราไม่ได้จัดตาราง หรือ เรามากับเพื่อนอะ เราไม่ได้จัดเอง พอโดนดึงโพยปุ้ปงง ตอบไรไม่ได้
ไม่ว่าไปประเทศที่มีวีซ่าก็อาจจะโดนไล่ตะเพิดกลับได้ ควรเปิดเผยความอยากตัวเองไว้บ้าง เพราะตม.ส่วนมากเขาไม่สนใจหรอกว่าใครจะจัดแพลนเทียวให้
เขาจะมองว่าถึงคุณจะถูกจัดแพลนมา คุณก็ต้องมีบางอย่างที่คุณอยากจะเข้าร่วมแพลนนี้ เช่น ชั้นอยากไปเกาะนามิ อยากไปเคาะหัวหุ่นพระเอกเกาหลีสักครั้ง หรือ ชั้นอยากไปผูกกุญแจกับแฟนที่โซลทาวเวอร์หรือชั้นอยากไปเมืองซูวอนไปดูkorean volk village สักครั้ง อะไรก็ว่าไป อย่าไปตอบว่า
ชั้นอยากกินกินจิ หรือ หมูย่าง คือมันดูไม่ make sense อย่างน้อยๆบอกเป็นแฟนคลับ exo ก็ยังดีซะกว่าหมูย่าง ไม่งั้นโดนไล่กลับมากินหมูย่างไม่รู้ด้วย
ข้อห้า ตั๋วเครื่องบินไปกลับ จริงๆตั่วอะเขาไม่ได้สนหรอกแต่แค่ปล่อยให้มันเหมือนไปช่วยให้สี่ข้อข้างบนมันสมบูรณ์มากขึ้นเพราะคนหนีทำงานในเกาหลี
มันไม่สนตั๋วกลับอยู่แล้ว จริงๆมันก็สูตรเดียวกับทุกประเทศนั้นละแค่มีไว้อย่าคิดว่ามันสำคัญอะไรขนาดนั้น
ข้อหก เอกสารการทำงาน ถามว่าสำคัญใหม ก็บอกเลยว่าไม่ได้สำคัญเหมือนกับตั๋วเครื่องบินนั้นละ ถ้าคุณไม่ได้เป็นอาชีพที่เฉพาะทางแบบ หมอ ตำรวจ ทหาร หรืออะไรที่มันมีเครื่องแบบ เขาก็ไม่ได้สนหรอก แค่ซักข้อ1-4 คุณพิรุธ เขาก็ไล่คุณกลับบ้านแล้ว
ถามว่าจำเป็นใหมคือมันไม่ได้จำเป็น แต่มันต้องมีเพราะพวกอาชีพอิสระมันไม่มีใบการทำงานเขาก็เข้ากันเยอะแยะ
***ที่สำคัญหลายคนมักจะมีเหตุให้ไปทำงานระยะสั้นๆ1-2วัน อย่าไปบอกว่าทำงานเด็ดขาดเพราะว่าบางคน ตม.จะสวนมาเลยว่าใหนละวีซ่าทำงานระยะสั้น? ถามว่ามีใหมมีครับ ส่งคนไปรับเครื่องจักร โดนมาแล้ว ตอนหลังเลยส่งอีกคนไปตรวจแทนบอกไปเที่ยว5วันก็ผ่านไปได้อย่างดี
***ห้ามบอกว่ามาหาเพื่อนอันนี้โดนส่วนตัวในครั้งแรกที่ไปเลย ตม.จะบอกให้โทรหาเพื่อนเพื่อมารับผมออกไป ถ้าเพื่อนไม่มาหรือไม่รับโทรศัพท์
กลับบ้านอย่างเดียว โชคดีที่ผมนัดเพื่อนไว้ตรงหน้าเกท เจ้าหน้าที่โทรเรียกเข้ามารับถึงในเกจ ตอนจะออกโดนเดินคุมไปส่งถึงหน้าประตูรู้สึกเหมือนvipเลย
*** สามีภรรยาหรือครอบครัว การเข้าตม.จริงๆมันก็ทุกประเทศอีก อันนี้เคยใช้ที่อเมริกาและเกาหลีเลย ถ้าเป็นที่เกาหลี นึกภาพตามคุณจะเข้าแถวตามที่พวกตม.กันให้เดินวนๆเหมือนซื่อตั๋วรถไฟใต้ดินแต่มันจะตัดแถวตอนก่อนถึงข้างหน้า ให้ครอบครัว ญาติเกาะกันไปเลย ห้ามอยู่คนละช่องถ้าเป็นไปได้
ให้คนเก่งภาษาเดินนำไปก่อนแล้วให้บอกตม.ว่าผมมากับแฟน มากับครอบครัว มากับลูก ตม.ก็จะดูแล้วเรียกมาพร้อมๆกันเลย มาเช็คชื่อ นามสกุล ไฟล์ แล้วเขาจะให้เข้าไปพร้อมๆกันเลยมันจะง่ายไม่มีใครติด
ส่วนพวกที่รุ้ตัวว่าเคยอยู่ยาวๆ แบบ 70 80 วัน+ หรืออาจจะแค่ 40-50 วัน ที่ไม่รู้ว่ามาเที่ยวอะไรนักหนาอะนะออกไปแล้วกลับเข้ามาใหม่
ไม่ใช่ว่าคุณจะรอดง่ายๆ เพราะเขาจะยิ่งสงสัยว่าเที่ยวขนาดนี้แล้วยังจะมาเที่ยวอะไรอีกต้องเตรียมคำถามให้มันดีๆเพราะคนที่จะเที่ยวเยอะขนาดนี้คงไม่ใช่ธรรมดาแล้ว
ตม.หลายๆประเทศมันจะมีเซ้นพิเศษถ้าไม่เนียนจะหลบยากจริงๆสำหรับพวกที่หนีไปทำงาน อย่าคิดว่าที่เขาถามๆเขาอยากรู้จริงๆ
บางทีเขาก็แค่อยากจับพิรุธคุณเท่านั้นละ ถ้าคุณไม่โกหก ตอบตามจริงยังไงก็หลุดออกมาได้ไม่ใช่แค่เกาหลีหรอก
จริงๆเมียหัวหน้าผมก็เคยติดตม.ตอนไปเที่ยวกับบรรดาเมียๆของผู้บริหารนะเพราะแกไม่รู้อะไรเลยถามอะไรตอบไม่ได้เลย
เพราะเลขาจัดการให้หมดแต่ก็รอดเพราะเงินล้วนๆเพราะแกพกติดตัวเกือบ4ล้านวอนแล้วบัตรเครดิตแกหลายใบ
ขนาดพาสมีวีซ่าอเมริกานะยังติดได้อะ สุดท้ายตม.ก็เรียกไกด์มาคุย
แล้วไกด์ที่จ้างก็มาการันตรีให้ว่าเนี่ยอะ มาเที่ยวแน่ๆเลยผ่าน
ไม่ได้มาสวนกระแสอะไรเล่าจากประสบการณ์ที่ได้ฟังจากคนรอบข้างและเจอเองล้วนๆ
จริงๆไม่อยากจะบอกนะประเทศใกล้ๆมีปัญหามากกว่าเยอะเลย 555 แล้วไม่ต้องมาแนะนำไปญี่ปุ่นด้วยนะ
ไปโตเกียวมาแล้ว เดือนหน้ากำลังจะไปฉงชิ่งกับทัวร์บริษัท ตุลาจะไปโอซาก้าไปเอง
ญี่ปุ่นกับเกาหลีมันคนละอย่างเลยไม่รู้จะเทียบกันทำไมแล้วแต่คนชอบเลย อย่ามาบอกว่าเกาหลีไม่มีอะไรไม่เห็นหน้าไป
คือบางคนเขาชอบexo nct aoa ถ้า exo nct aoaเป็นวงญี่ปุ่นเขาก็คงไปญี่ปุ่นนั้นละไม่ต้องแนะนำมาก
หรือถ้ามันเป็นวงสวิซก็คงไปสวิซแล้วละ เคนะ