คำตอบที่ได้รับเลือกจากเจ้าของกระทู้
ความคิดเห็นที่ 2
ไม่ว่าน้องๆจะสอบเข้าคณะการสื่อสารมวลชน(แมสคอม) หรือ คณะเศรษฐศาสตร์(อีค่อน) ก็จะได้เรียนควบเหมือนกัน คือได้เรียนเหมือนเด็กแมสคอมและเด็กอีค่อนทุกวิชา ถ้าเด็กปริญญาเดียวเรียน 100 หน่วยกิต เราก็จะเรียน 200 หน่วยกิต เป็นต้น พอถึงเวลาทำกิจกรรมเราจะไปร่วมกับคณะต้นสังกัดที่เราเลือกสอบ หลักสูตรนี้ใช้เวลาเรียนทั้งหมด 4 ปี 1 เทอม 3 ซัมเมอร์ ไม่มีปิดเทอมนะครับ ถ้าถามว่าเรียนหนักมั้ย หนักแน่นอนครับ เราต้องขยันกว่าเพื่อนที่เรียนปกติเป็น 2 เท่า แถมเนื้อหาการเรียน 2 คณะนี้ต่างกันสุดขั้ว แต่สามารถเอามาใช้ด้วยกันได้ลงตัวเลยล่ะ
แมสคอมจะเน้นปฎิบัติ เรียนตั้งแต่ทฤษฎี เนื้อหา กระบวนการผลิต ไปจนถึงช่องทางการเผยแพร่ ก็คือตัว Production หรือที่เด็กปี 4 เรียกว่าตัวจบนั่นเอง วิชาเรียนก็เหมือนนิเทศศาสตร์ทั่วไป แต่ที่ มช.จะเน้น content ซะเยอะ งานเยอะมากๆ เรียกได้ว่าทำได้ทุกเทอม ที่นี่จะแบ่งเป็น 3 เมเจอร์ คือ Journalism Entertainment Marketing ทุกเมเจอร์จะได้ผลิตสื่อเป็นทุกรูปแบบทั้ง TV Radio online ต่างๆ
ส่วนอีค่อนจะเน้นทฤษฎีมากกว่า เรียนเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยกว้าง shift กราฟกันสนุกสนานเลย ซึ่งน้องๆต้องมีพื้นฐานเลขและภาษาอังกฤษพอสมควร ไม่งั้นลำบากแน่นอน เพราะต้องเอาไปวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ให้เป็นด้วย พองานน้อยก็จะเน้นสอบ ส่วนใหญ่ก็สอบเกือบ 100% นะ ต่างจากแมสคอมโดยสิ้นเชิงเลย อีค่อนที่ มช.ไม่มีเมเจอร์นะครับ เราจะได้เรียนทุกอย่างเลย
ค่าเล่าเรียน 35,000 บาท/เทอม
Summer course 17,500 บาท
คำถามที่ตามมาคือ...แล้ว 2 คณะนี้จะเอาไปใช้ยังไงล่ะ แค่เรียนยังต่างกันสุดขั้วขนาดนี้
จริงๆมันอยู่ที่การนำไปใช้มากกว่า เห็นชัดที่สุดเลยก็คือ นักข่าวเศรษฐกิจ แม้กระทั่งคนที่ทำงานด้านการเงิน การลงทุน หรือสายเศรษฐศาสตร์โดยตรงก็ยังจำเป็นที่ต้องใช้การสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร แล้วนักสื่อสารมวลชนเองก็ยังต้องการความรู้เศรษฐศาสตร์มาวิเคราะห์ข่าวหรือเนื้อหาในวิชาชีพของตัวเอง มันคือพื้นฐานและความเป็นไปของโลกที่อยู่รอบตัวเรา 2 คณะนี้จะทำให้เรามี multi-tasking skills ออกไปต่อสู้กับตลาดงานได้ ลองนึกภาพว่าถ้าเราเป็นผู้บริหาร คงไม่อยากจ้างพนักงานหลายคนให้เปลืองเงิน ในเมื่อเขามีเด็ก 2 ปริญญาในร่างเดียวอยู่แล้ว พูดแล้วเท่ห์เลย 55555+ ยังไงก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองว่าชอบรึเปล่า แต่อยากให้มองเป็นโอกาสในอนาคตมากกว่า ลำบากวันนี้ สบายวันหน้านะครับ
เมื่อจบหลักสูตรแล้ว น้องจะได้ปริญญา 2 ใบ คือ ศิลปศาสตรบัณฑิต (วิชาการสื่อสารมวลชน) และ เศรษฐศาสตรบัณฑิต
แมสคอมจะเน้นปฎิบัติ เรียนตั้งแต่ทฤษฎี เนื้อหา กระบวนการผลิต ไปจนถึงช่องทางการเผยแพร่ ก็คือตัว Production หรือที่เด็กปี 4 เรียกว่าตัวจบนั่นเอง วิชาเรียนก็เหมือนนิเทศศาสตร์ทั่วไป แต่ที่ มช.จะเน้น content ซะเยอะ งานเยอะมากๆ เรียกได้ว่าทำได้ทุกเทอม ที่นี่จะแบ่งเป็น 3 เมเจอร์ คือ Journalism Entertainment Marketing ทุกเมเจอร์จะได้ผลิตสื่อเป็นทุกรูปแบบทั้ง TV Radio online ต่างๆ
ส่วนอีค่อนจะเน้นทฤษฎีมากกว่า เรียนเกี่ยวกับเศรษฐกิจโดยกว้าง shift กราฟกันสนุกสนานเลย ซึ่งน้องๆต้องมีพื้นฐานเลขและภาษาอังกฤษพอสมควร ไม่งั้นลำบากแน่นอน เพราะต้องเอาไปวิเคราะห์ ประยุกต์ใช้ให้เป็นด้วย พองานน้อยก็จะเน้นสอบ ส่วนใหญ่ก็สอบเกือบ 100% นะ ต่างจากแมสคอมโดยสิ้นเชิงเลย อีค่อนที่ มช.ไม่มีเมเจอร์นะครับ เราจะได้เรียนทุกอย่างเลย
ค่าเล่าเรียน 35,000 บาท/เทอม
Summer course 17,500 บาท
คำถามที่ตามมาคือ...แล้ว 2 คณะนี้จะเอาไปใช้ยังไงล่ะ แค่เรียนยังต่างกันสุดขั้วขนาดนี้
จริงๆมันอยู่ที่การนำไปใช้มากกว่า เห็นชัดที่สุดเลยก็คือ นักข่าวเศรษฐกิจ แม้กระทั่งคนที่ทำงานด้านการเงิน การลงทุน หรือสายเศรษฐศาสตร์โดยตรงก็ยังจำเป็นที่ต้องใช้การสื่อสารทั้งภายในและภายนอกองค์กร แล้วนักสื่อสารมวลชนเองก็ยังต้องการความรู้เศรษฐศาสตร์มาวิเคราะห์ข่าวหรือเนื้อหาในวิชาชีพของตัวเอง มันคือพื้นฐานและความเป็นไปของโลกที่อยู่รอบตัวเรา 2 คณะนี้จะทำให้เรามี multi-tasking skills ออกไปต่อสู้กับตลาดงานได้ ลองนึกภาพว่าถ้าเราเป็นผู้บริหาร คงไม่อยากจ้างพนักงานหลายคนให้เปลืองเงิน ในเมื่อเขามีเด็ก 2 ปริญญาในร่างเดียวอยู่แล้ว พูดแล้วเท่ห์เลย 55555+ ยังไงก็ขึ้นอยู่กับตัวน้องเองว่าชอบรึเปล่า แต่อยากให้มองเป็นโอกาสในอนาคตมากกว่า ลำบากวันนี้ สบายวันหน้านะครับ
เมื่อจบหลักสูตรแล้ว น้องจะได้ปริญญา 2 ใบ คือ ศิลปศาสตรบัณฑิต (วิชาการสื่อสารมวลชน) และ เศรษฐศาสตรบัณฑิต
แสดงความคิดเห็น
ถามพี่ๆ มช. เกี่ยวกับหลักสูตรควบสองปริญญา สื่อสารมวลชน+เศรษฐศาสตร์ ม.เชียงใหม่??
1.คณะนี้เรียนเกี่ยวกับอะไรคะ? เรียนหนักมั้ย?
2.ค่าเทอมแพงมั้ยคะ? ค่าเทอมแพงกว่าการเรียนแบบอย่างใดอย่างหนึ่งหรือเปล่า
###ตอนนี้นึกออกแค่นี้ รบกวนผู้รู้ช่วยตอบด้วยนะคะ###
#dek60